บทที่ 2 น้ำตาลหวาน [1]
ดวงตากลมโตกระพริบถี่ๆ เพื่อขับไล่ความมึนงงหลังตื่นนอน อาการเมื่อยล้าเริ่มตามมาเยือนกายสาว จากเหตุการณ์เมื่อวานที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้เธอยังอาศัยอยู่กับบิดา แต่นาทีกลับต้องมานอนกับผู้ชายที่บอกแค่ว่าเขามีสถานะเป็นเจ้าหนี้และบิดาเธอเป็นลูกหนี้ ในขณะที่เธอคือผู้หญิงขัดดอก เป็นเหยื่อของชายต่างวัยทั้งคู่เท่านั้น ความสาวที่รักษามาสิบแปดปีต้องพังทลายลงจากผู้ชายแปลกหน้า เงื่อนไขแสนอัปยศนั่น ถ้าใครรู้เข้าเธอคงโดนดูถูกว่านอนกับผู้ชายที่ยังไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อเสียงเรียงนาม
“ตื่นแล้วเหรอเด็กน้อย หิวไหม?” เจ้าของเสียงทุ้มถามขึ้น
ชาลิดาหันหน้าไปทางต้นเสียงก็เจอกับเรือนร่างกำยำที่ที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวพันอยู่รอบสะโพกสอบกำลังมองมาทางเธอด้วยแววตากรุ้มกริ่ม คนทุเรศ! ยังกล้าทำหน้าตาระรื่นไม่รู้ร้อนรู้หนาวอีก ทั้งที่ขอร้องว่ายังไม่พร้อม ฮึ่ย มันน่านัก เด็กสาวแอบต่อว่าในใจด้วยความโมโห
“ว่าไง ถามไม่ตอบ หรือว่า...” คนหื่นถามด้วยรอยยิ้ม ดวงตาคมเข้มไล่มองเรือนร่างซึ่งอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่จนเจ้าตัวหน้าแดงก่ำด้วยความอาย
“น้ำตาลไม่หิว น้ำตาลจะกลับบ้าน” คำตอบห้วนจัดที่ได้รับทำเอาโรมานี่หัวเราะ พยศไม่เบาแฮะเด็กคนนี้
“ยังไม่ให้กลับตอนนี้ ฉันยังไม่เบื่อเธอเลยแม่น้ำตาลหวาน” เขาพูดยิ้มๆ ทำเอาคนฟังแทบกรี๊ด ไหนจะสรรพนามที่ใช้เรียกนั่นอีก
“หนูชื่อน้ำตาล” นั่น...แม่เจ้าประคุณรุนช่อง เธอเรียกแทนตัวเองว่า ‘หนู’ ถ้าจำไม่ผิดเขาได้ยินมันมาหลายครั้ง แต่ฟังแล้วเหมือนเขาแก่งั่กเชียว
“ฉันรู้แล้ว” ใจน่ะรู้ แต่ปากดันสั่งให้เรียกแบบนั้นสิ เธอหวานยิ่งกว่าน้ำตาลด้วยซ้ำ
“งั้นเรียกให้ถูกสิคะ”
“โอเค! น้ำตาล ฉันว่าเรามาตกลงกันดีกว่านะ ฉันจะยอมให้พ่อเธอผ่อนผันหนี้ไปก่อนได้ แต่มีข้อแม้...เธอต้องอยู่ที่นี่จนกว่าฉันจะอนุญาตให้เธอกลับไป” เจ้าหนี้หนุ่มยื่นข้อเสนอ แล้วจ้องไปที่วงหน้าสวยอย่างรอคำตอบ
“แล้วคุณจะไม่ยกหนี้ให้พ่อเหรอคะ ไหนๆ ก็เอ่อ...” ชาลิดาถึงกับพูดไม่ออกขึ้นมา ที่จริงแล้วเธอไม่ได้อยากจะต่อความยาวสาวความยืดกับเรื่องน่าอับอายนั่น
“ไหนๆ ฉันก็ได้ตัวเธอน่ะหรือ ฉันบอกแล้วไงว่าเธอเป็นแค่ผู้หญิงขัดดอก ฉันไม่คิดจะแลกเงินสองแสนฟรีๆ หรอกนะ” โรมานี่พูดชนิดไม่อ้อมค้อมจนคนบนเตียงรู้สึกเจ็บจี๊ดกับสิ่งที่ได้ยิน
“น้ำตาลไม่ได้หวังขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่คิดว่าคุณจะไม่เร่งรัดอะไร”
“ฉันไม่ได้จะเร่งรัดพ่อเธอ แต่ถ้าไม่ทำพ่อเธอก็จะได้ใจและกลับมาเรียกร้องจากฉันอีก”
“คุณก็น่าจะรู้ว่าพ่อเป็นยังไง ทำไมถึงให้ยืมเงิน” เด็กสาวอดไม่ได้ที่จะค่อนขอด พูดเหมือนเธอเป็นฝ่ายผิด ตัวเขามากกว่าให้คนอื่นยืมเงินทั้งๆ ที่ไม่สืบประวัติการเงิน แถมยังไม่มีหลักประกันอะไร กลับเป็นเธอที่ต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“เพราะฉันรู้ไง อีกอย่างฉันทำอาชีพสุจริต ทั้งที่ไอ้บ่อนเส็งเคร็งนั่นจะเจ๊งเมื่อไหร่ก็ไม่รู้” โรมานี่พูดเสียงลอดไรฟันเมื่อเด็กสาวชื่อน่ากินทำเหมือนเป็นความผิดของตน
“คุณ...ปากไม่ดี!” ชาลิดาทำปากยื่น จู่ๆ จะมาแช่งชักช่องทางทำมาหากินของผู้ให้กำเนิดตน แม้จะเป็นสิ่งผิดกฎหมายก็เถอะ
“ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ”
“ก็คุณมาว่าบ้านหนู ถึงจะจนแต่น้ำตาลก็มีศักดิ์ศรีนะ คุณต้องขอโทษ” แม่เด็กน้อยสั่งฉอดๆ แม้ว่าจะถูกบิดาทำร้ายจิตใจแค่ไหน แต่บุญคุณท่วมท้นของผู้ให้กำเนิดเธอก็ยังให้ความเคารพท่านเสมอ
“ไม่จำเป็นสักนิด คนอย่างฉันไม่เคยก้มหัวให้ใครง่ายๆ โดยเฉพาะผู้หญิง” เสียงทุ้มตอบอย่างคนไม่ทุกข์ร้อน
“ทีแบบนี้คุณยังรักศักดิ์ศรีตัวเอง อีกอย่างคุณน่าใจดียกหนี้ให้หนูนะ” เธอเองก็มีหัวใจ ข้อนี้เขาควรรับรู้บ้าง
“โอเคเด็กน้อย ฉันจะยกหนี้ให้เธอทั้งหมด” โรมานี่ตอบตกลงในที่สุด
“จริงเหรอคะ ขอบคุณนะคะคุณ...” ชาลิดากระพุ่มมือไหว้ชายหนุ่มตรงหน้าด้วยอาการดีใจ ก่อนจะชะงักไป นี่เธอนอนกับเขาแต่กลับยังไม่รู้จักชื่อของอีกฝ่าย น่าอับอายสิ้นดีเลยน้ำตาล
“โรม” ชายหนุ่มตอบ
“ค่ะคุณโรม”
“แต่มีข้อแม้...” เขาพูดอีกครั้ง แววตาฉายแววแห่งเลศนัยชัดเจน
“ข้อแม้อะไรคะ?” ชาลิดาเริ่มงุนงง มองเขาตาแป๋ว กิริยาน่ารักที่มองเห็นทำเอาโรมานี่แทบอยากจะดึงร่างนั้นเข้ามาฟัด มากอดให้หายหมั่นเขี้ยว
“เธอต้องอยู่ที่นี่กับฉัน”
“อะ...อะไรนะคะ” อารามตกใจทำให้เสียงหวานตะโกนถามดังลั่นห้อง พร้อมกับลุกพรวดพราดขึ้นมา
“อยู่ที่นี่กับฉัน แค่หกเดือนเท่านั้น” โรมานี่คิดว่าข้อเสนอดังกล่าวไม่ผูกมัดและไม่เอาเปรียบ แต่สิ่งที่เขาบอก กลับทำให้เด็กสาวรู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างจากคนไร้ค่า
“แต่...หนูยังไม่พร้อมค่ะ” ชาลิดาอุทธรณ์เสียงอ่อย ดูเขาพูดเข้าสิ ไม่มีความอ่อนโยนให้กันสักนิด ทำไมต้องมาทนอยู่กับคนที่ไม่มีความรักให้เธอเลย
“ทำไม แลกกับสองแสน บางทีพ่อเธออาจจะไม่ต้องกู้เงินใครมาอีก” เห็นมานักต่อนักแล้ว ไอ้ประเภทอยากได้ลูกเขยรวยๆ จนต้องเสนอลูกสาวมาประเคนให้ อย่าคิดว่าคนอย่างเขาไม่รู้ทันจุดประสงค์
“คุณรู้ได้ยังไง”
“ฉันรู้ก็แล้วกัน แต่บอกไม่ได้ ถ้าไม่ตกลงก็เอาเงินมาคืนซะ น่ารำคาญ ฉันเองก็ไม่อยากมาวอแวผู้หญิงที่หยิ่งแสนหยิ่งแบบเธอหรอกนะ” โรมานี่เริ่มแสดงอาการไม่พอใจที่อีกฝ่ายเล่นตัว ไม่รู้จักรูปหล่อผู้หญิงพร้อมเข้าหาซะแล้ว
“ก็ได้ค่ะ น้ำตาลยอมแล้ว” เด็กสาวตอบรับเสียงหลงเมื่อนึกถึงคำพูดของบิดา เธอจะยอมเป็นเมียเก็บ เอ๊ย นางบำเรอของเขาก็ได้
“ดี! ว่าง่ายๆ แบบนี้สิน้ำตาล ต่อไปจะได้อยู่ด้วยกันนานๆ” พูดจบเจ้าของร่างสูงใหญ่ก็เดินตรงเข้ามาฝังปลายจมูกโด่งลงบนแก้มเนียนฟอดใหญ่
“แล้วหนู...เอ๊ย! น้ำตาลต้องทำอะไรบ้างคะ?” ปกติคุยกับบิดาจนเคยชินทำให้เผลอใช้สรรพนามดังกล่าวกับชายตรงหน้า เพราะความเป็นผู้ใหญ่กว่า แต่พอนึกขึ้นได้ก็รีบเปลี่ยนกลับมาทันที
“แค่ตามใจฉัน...ทุกอย่าง” โรมานี่กระซิบบอกชิดริมใบหูเล็กจนเจ้าตัวขนลุกซู่ ผู้ชายคนนี้ดูท่าจะหื่นไม่เบา น่ากลัวจริงๆ เด็กสาวแอบคิดอยู่ในใจ
“ว่ายังไงน้ำตาลหวาน” เขาย้ำคำถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังคงใช้ความคิด
“คะ...ค่ะ น้ำตาลจะอยู่ที่นี่ แต่คุณต้องสัญญานะคะว่าจะให้น้ำตาลกลับบ้านหลังจากครบหกเดือน” ชาลิดาทวงถึงสัญญาด้วยน้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ
“ตกลงเด็กน้อย แต่ตอนนี้ฉันขอชิมเธออีกรอบนะ” สิ้นคำพูดนั้นโรมานี่ก็ก้าวขึ้นมาบนเตียง ดึงผ้าห่มผืนใหญ่ออกด้วยความรวดเร็ว เขาเสพติดเรือนร่างหอมๆ ซอกคอขาวๆ อดใจไม่ไหวจนต้องฝังปลายจมูกลงไปก่อนจะขบเม้มให้เกิดร่องรอยราวกับต้องการประทับตราไว้ สองมือหนาเอื้อมไปเคล้นคลึงปทุมถันทั้งสองข้างจนเจ้าตัวส่งเสียงครางฮือ ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอสูญเสียการควบคุมตัวเองทุกครั้งยามถูกเขาแตะต้อง
“น้ำตาลไม่ไหวแล้วค่ะคุณโรม” ชาลิดาอ้อนวอนเสียงพร่า ร่างกายบิดเร่าไปมาปานจะขาดใจ
“แล้วเธอจะจำฉันคนเดียวไปตลอดชีวิต” โรมานี่กระซิบบอก ไล่ปลายลิ้นลงมายังร่างบางที่งดงามราวกับรูปปั้นเนื้อดี ลิ้นหนาสัมผัสไปทั่วทุกซอกทุกมุมจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่กลางแอ่งเล็กๆ บริเวณหน้าท้องนวลเนียนพร้อมกับตวัดลงไปรอบๆ จนคนใต้ร่างถึงกับสะท้านไปทั้งกาย
“อ๊า...คุณโรมขา”
“พร้อมนะเด็กน้อย” ปมผ้าขนหนูที่พันรอบเอวสอบถูกกระตุกก่อนที่เจ้าของจะเหวี่ยงออกไปอย่างไม่ไยดี กลีบกุหลาบสีสดชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำเพราะถูกรุกรานจากประสบการณ์ที่ช่ำชอง ผู้ชายซึ่งได้ชื่อว่าเจนจัดเรื่องจุดอ่อนของผู้หญิง สีหน้าบิดเบี้ยวเหยเกของอีกฝ่ายทำให้โรมานี่ถึงกับคลี่ยิ้มออกมาด้วยอาการพึงพอใจ
“อ๊ะ...” ชาลิดาสะดุ้งสุดตัวเมื่อสัมผัสได้ถึงความแข็งขืนที่สอดแทรกเข้ามา แม้จะคุ้นเคยแต่ขนาดที่เกินมาตรฐานก็ทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งเฮือก ก่อนทุกอย่างจะแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านเมื่อเจ้าของสะโพกสอบเริ่มขยับช้าๆ แต่ทว่านุ่มลึกและเร่งจังหวะให้รัวขึ้นตามแรงอารมณ์ที่กำลังโหมกระหน่ำ “อ๊า...”
“ลองขยับดูสิเด็กดี” โรมามี่สั่งเมื่อจับร่างบางให้พลิกขึ้นมาอยู่บนเรือนร่างกำยำของตน เขาจะสอนให้เธอเป็นฝ่ายควบคุมเกมบ้าง
“ฮื่อ...น้ำตาลทำมะ...ไม่เป็น” เจ้าตัวปฏิเสธเสียงกระท่อนกระแท่นกับมือไม้ที่ไม่อยู่สุข ทั้งจับ ทั้งบีบ ขยำขยี้จนเธอแทบจะสลายไปด้วยน้ำมือของเขา
“ไม่ใช่เรื่องยากหรอก...เดี๋ยวฉันสอน” คุณครูจอมหื่นพูดจบก็เอื้อมมือมากอบกุมบั้นท้ายงอนงามทั้งสองข้างเอาไว้ ส่งกลีบกุหลาบสีสดกระแทกเข้าสู่ความแข็งแกร่งครั้งแล้วครั้งเล่า สองมือเล็กจับไหล่กำยำไว้แน่น ใบหน้าสวยซบลงกับแผงอกกว้างพลางส่งเสียงครวญครางออกมาไม่เป็นภาษา
“อ๊า...”
“น้ำตาลหวานของฉัน” ชายหนุ่มส่งเสียงเรียกชื่อเด็กสาวเสียงพร่าเมื่อเดินทางมาถึงขีดสุด ส่งแรงกระแทกกระทั้นในช่วงสุดท้ายไม่ต่างคลื่นลมทะเล พร้อมๆ กับร่างกายที่กระตุกเกร็ง ปล่อยลาวาลูกใหญ่ทะลักเข้าสู่เนินเนื้ออวบอูมจนชาลิดารู้สึกถึงความวูบวาบในช่องท้อง มองเห็นปลายแสงสีทองที่แตะไปพร้อมๆ กัน
“นอนซะคนสวย วันนี้ฉันจะรังแกเธอเท่านี้” โรมานี่ฝังปลายจมูกลงบนขมับของคนที่เพิ่งซวนซบหลับไปบนแผงอกแกร่งด้วยความเหนื่อยอ่อนหลังจากที่ถูกตักตวงความสุขถึงหลายๆ ครั้งติดกัน เพราะความไม่คุ้นชินจนถึงขนาดหมดแรง ไม่รับรู้ในสิ่งเขากำลังสื่อสาร
