บทที่ 5 ปกป้องคุณหนูเล็ก
บทที่ 5
ปกป้องคุณหนูเล็ก
หัวหน้าสาวใช้ฮุ่ยชิวเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง สูดลมหายใจเข้าปอดลึก เป็นไงเป็นกันนางจะต้องปกป้องคุณหนูเล็กให้ได้!
“ตั้งแต่เช้าคุณหนูเล็กบรรจงเก็บดอกไม้ทีละดอกอย่างตั้งอกตั้งใจ จากนั้นจึงนั่งร้อยพวงมาลัยดอกไม้อย่างพิถีพิถันเพื่อที่จะนำมามอบให้คุณหนูสามเจ้าค่ะ
คุณหนูเล็กทั้งตื่นเต้นและดีใจที่จะได้ทำความรู้จักคุณหนูสาม อีกทั้งยังบอกอีกว่าดีใจที่มีพี่สาวงดงามอ่อนหวานอย่างคุณหนูสาม ดังนั้นคุณหนูเล็กไม่มีทางทำร้ายคุณหนูสามแน่ๆ บ่าวเอาศีรษะเป็นประกันเลยเจ้าค่ะนายท่าน”
ฮุ่ยชิวถึงกับปล่อยโฮออกมาด้วยความสงสารคุณหนูเล็กที่แสนใสสื่อบอบบางจับขั้วหัวใจ ยิ่งเห็นใบหน้าซีดเผือดดั่งไข่ต้ม ที่ศีรษะมีรอยแผลจนเลือดอาบ หัวใจของฮุ่ยชิวก็ยิ่งเจ็บปวด อีกทั้งตอนที่นางวิ่งมานางได้ยินเสียงในใจทั้งหมดของคุณหนูเล็ก จึงรู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะคุณหนูสามทำร้ายตัวเองหมายใส่ร้ายน้องสาว
คิดมาถึงตรงนี้ฮุ่ยชิวก็รู้สึกผิดหวังในตัวคุณหนูสามเหลือเกิน จังหวะนั้นเองนางหันไปเห็นพวงมาลัยดอกไม้ที่แหลกเละกับพื้นดิน นางจึงรีบปราดไปเก็บพวงมาลัยขึ้นมาด้วยมืออันสั่นเทา
“นี่ไงเจ้าคะนายท่าน พวงมาลัยนี้เป็นพวงมาลัยที่คุณหนูเล็กนั่งร้อยตั้งแต่เช้าเจ้าค่ะ พังเละเทะขนาดนี้คงถูกทำลายจากใครบางคน”
‘เป็นไปตามที่ข้าคาดการณ์ไม่ผิดเพี้ยน ข้าตั้งใจส่งเสียงในใจไปถึงฮุ่ยชิว ก็เพื่อให้นางมาเป็นพยานในความบริสุทธิ์ของข้า และเพื่อประจานจางลี่ต่อหน้าทุกคน’
นี่คือเสียงในใจของสวี่ฝูเยว่ เสียงในใจที่แท้จริงและเป็นเสียงที่ไม่ได้เปิดให้ผู้ใดได้ยิน คิดพลางร่างบอบบางในอ้อมแขนของคุณชายใหญ่ก็ซวนเซเล็กน้อยคล้ายจะหมดสติลงทุกชั่วขณะ
“ไหวหรือเปล่าน้องเล็ก”
“วะ...ไหวเจ้าค่ะพี่ใหญ่”
หญิงสาวพยายามฝืนยิ้มทั้งที่เรียวปากซีดเซียวเต็มที นางช่างดูบอบบางและน่าสงสารราวกับแก้วเนื้อละเอียดที่ปริร้าว
“ฮุ่ยชิว! พูดบ้าอะไรของเจ้า เจ้าบอกว่ามีใครบางคนทำลายพวงมาลัยดอกไม้ นั่นก็แสดงว่าเจ้ากล่าวหาว่าข้าเป็นคนทำลายงั้นเหรอ นังบ่าวรับใช้สารเลวมันจะมากเกินไปแล้วนะ!”
สวี่จางลี่โกรธจนหน้าแดงก่ำ ผุดลุกขึ้นยืนหมายจะตรงเข้าไปจิกกระชากฮุ่ยชิวมาตบตีลงโทษ ดูท่าแล้วนังฮุ่ยชิวคงถูกสวี่ฝูเยว่ซื้อตัวไปแล้วแน่ๆ ดังนั้นนางต้องหาทางกำจัดหัวหน้าสาวใช้ผู้นี้ จะปล่อยให้มีคนของฝูเยว่อยู่ในจวนไม่ได้ ยิ่งเป็นหัวหน้าสาวใช้ที่สามารถกำหนดทิศทางของสาวใช้ส่วนใหญ่ในจวนยิ่งไม่ควรปล่อยไว้
“ข้ากับคุณหนูสามเห็นกับตา ว่าคุณหนูเล็กขยี้พวงมาลัยนี้ด้วยตนเอง จากนั้นก็ตรงเข้าตบตีคุณหนูสามอย่างโหดร้าย”
หงอีรีบอธิบายด้วยความเดือดดาล ยิ่งเห็นท่าทางนิ่งเฉยของทุกคนนางก็ยิ่งงุนงง ทุกคนควรจะโกรธแล้วก็ช่วยกันปกป้องคุณหนูสามมิใช่หรือ
“พวงมาลัยนี้บ่าวช่วยสอนคุณหนูเล็กร้อยเองกับมือ ไม่มีทางที่คุณหนูจะทำร้ายมันแน่นอนเจ้าค่ะ”
หัวหน้าสาวใช้ฮุ่ยชิวเถียงอย่างไม่ยอม นางขอยืนหยัดเคียงข้างความถูกต้อง ที่ผ่านมาแม้จะเคยรักและเคารพคุณหนูสามมากเพียงใด ทว่าความอยุติธรรมในครั้งนี้ทำให้หัวใจของฮุ่ยชิวเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
[อาฮุ่ย...เจ้าช่างดีกับข้านัก แม้ข้าจะถูกพี่สาวใส่ร้ายว่าทำลายพวงมาลัยของตนเองแต่เจ้าก็ยังพยายามแก้ต่างให้กับข้า เพียงเท่านี้ข้าก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว
เพราะข้ารู้ดี...ว่าไม่มีใครเชื่อคำพูดคนต่ำต้อยเช่นข้าหรอก ใครเล่าจะเชื่อว่าพี่สาวลงมือตบหน้าตัวเองเพียงเพื่อใส่ร้ายน้องสาว การลงโทษนี้ไม่ว่าอย่างไรข้าก็คงไม่อาจหลีกเลี่ยง
ชีวิตของข้าก็เปรียบเสมือนพวงมาลัยนี้ที่ถูกพี่สาวบดขยี้ด้วยฝ่าเท้าจนไม่เหลือชิ้นดี ข้าชินชากับการถูกเหยียบย่ำหัวใจเสียแล้ว แม้ข้าจะเสียใจแต่ก็ต้องกล้ำกลืนน้ำตาเอาไว้ ได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่งพี่สาวจะเห็นถึงความตั้งใจของข้า และยอมรับข้าเป็นน้องสาวคนหนึ่งของนาง เมื่อวันนั้นมาถึงข้าคงจะดีใจมากๆ]
หัวหน้าสาวใช้ฮุ่ยชิวแทบอยากจะเดินไปกอดปลอบเจ้านายสาวคนเล็ก กลัวเหลือเกินว่าเด็กสาวที่ไร้เดียงสาจะแตกสลายลงเพียงเพราะความลำเอียงของครอบครัว และความริษยาไม่รู้จักพอของพี่สาวบุญธรรม
“เฮ้อ...เรื่องในวันนี้ก็พอแค่นี้เถอะ ทุกคนต่างแยกย้ายไปกันได้แล้ว”
ป๋อสวี่จางหย่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ยกมือขึ้นโบกไปมาราวกับเหน็ดเหนื่อย ก่อนจะหันไปสั่งหัวหน้าพ่อบ้าน
“ไปตามหมอมาช่วยรักษาใบหน้าของคุณหนูสามด้วย ตามหมอฝีมือดีที่สุด จะได้ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้”
“ขอรับนายท่าน”
หัวหน้าพ่อบ้านโค้งกายรับคำสั่ง ทว่าสวี่จางลี่กลับกรีดร้องออกมาอย่างไม่ยอม นางถูกตบตีขนาดนี้แต่บิดากลับจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปเฉยๆ โดยไม่ลงโทษมันงั้นหรือ นี่บิดาบ้าไปแล้วหรือ!
“ท่านพ่อ! ทำไมท่านพ่อไม่เฆี่ยนตีมันให้หลาบจำ มันทำร้ายลี่ลี่ถึงเพียงนี้ทำไมท่านพ่อยังอยู่เฉย นี่ท่านพ่อไม่รักลี่ลี่แล้วหรือเจ้าคะ ท่านพ่อใจร้าย! ใจร้ายที่สุดเลย!”
ปกติถ้าหญิงสาวร้องไห้โวยวายเช่นนี้บิดาจะรีบเข้ามาปลอบโยน ไม่ว่าอยากได้อะไรก็จะรีบหามาให้ไม่เคยขัดใจเลยสักครั้ง
