บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 เปิดม่านโรงละคร

บทที่ 4

เปิดม่านโรงละคร

สตรีที่ตัวสั่นเทาก้มหน้างุดดั่งกลัวความผิด ทว่ามุมปากกลับกดลึกราวกับเย้ยหยันให้กับครอบครัวสวี่ที่แสนโง่เขลา จากนั้นหญิงสาวจึงตั้งจิตส่งกระแสเสียงในใจไปยังผู้คนที่นางต้องการให้ได้ยิน

[ไม่ได้นะ! ไม่ได้เป็นอันขาด! ท่านพ่อเพิ่งรับข้ากลับเข้ามาในจวน ข้าเพิ่งจะมีครอบครัวที่อบอุ่นเป็นครั้งแรก ดังนั้นข้าจะทำให้ทุกคนไม่พอใจไม่ได้ ถึงแม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นเพราะพี่สาวลงมือตบหน้าตัวเองเพื่อใส่ร้ายข้า แต่ข้าก็ไม่สามารถพูดความจริงที่น่าเหลือเชื่อนี้ได้]

‘อะไรนะ!’

ครอบครัวสวี่ถึงกับตะลึงงันกับสิ่งที่ได้ยิน พากันมองสวี่จางลี่น้องสาวบุญธรรมด้วยความสับสน ให้ทำใจเชื่ออย่างไรก็เชื่อไม่ลง เพราะเด็กสาวที่พวกเขาเฝ้าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก เป็นเด็กที่ทั้งอ่อนโยนและสดใส จะทำเรื่องเลวทรามเช่นนี้ได้อย่างไรกัน

‘จะเป็นไปได้อย่างไรลี่ลี่ไม่ใช่สตรีแพศยาเช่นนั้น’

ป๋อสวี่จางหย่งขมวดคิ้วมุ่น นิ่วหน้ายับเคร่งเครียด ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่ยอมเชื่อสิ่งที่ได้ยิน

‘ระ...หรือจะเป็นเรื่องจริงเล่า’

ทางด้านฮูหยินสวี่กลับคิดต่างไปจากสามี นั่นเพราะรอยยิ้มร้ายเมื่อครู่ของบุตรสาวบุญธรรมทำให้นางลังเล

‘น้องเล็กคงเพ้อไปเองแน่ๆ น้องสามไม่มีทางทำร้ายตัวเองเพียงเพื่อใส่ร้ายน้องเล็กหรอก’

คุณชายรองสวี่พยายามปัดสิ่งที่ได้ยินราวกับไม่พร้อมที่จะเชื่อ ในขณะที่คุณชายใหญ่สวี่พยายามคิดอย่างมีตรรกะและเหตุผล

‘นะ...นี่เป็นเสียงในใจของน้องเล็ก เป็นสิ่งที่น้องเล็กคิดเพียงลำพัง อีกทั้งน้องเล็กยังไม่ปริปากกล่าวโทษน้องสามแม้เพียงครึ่งคำ จะกล่าวหาว่าน้องเล็กใส่ร้ายน้องสามย่อมเป็นไปไม่ได้’

เสียงในใจของสวี่ฝูเยว่ราวกับเป็นคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดสาดหัวใจของทุกคนในจวนป๋อสวี่จนคลอนแคลน ทุกคนมองไปยังสวี่จางลี่ที่ยังคงร้องไห้ออดอ้อนมารดา ดูท่าแล้วจางลี่จะไม่ได้ยินเสียงในใจของน้องเล็กสินะ

เหตุใดจึงมีแต่จางลี่ที่ไม่ได้ยินเล่า หรือว่าผู้ที่ได้ยินเสียงในใจจะต้องเป็นครอบครัวที่มีสายเลือดผูกพันกัน ยิ่งคิดหาคำตอบก็ยิ่งงุนงงไม่เข้าใจ

[หากข้าพูดออกไปทุกคนคงคิดว่าข้าอิจฉาริษยาพี่สาวจนเป็นบ้าไปแล้ว ข้าผิดเองที่คิดอยากสนิทสนมกับพี่สาว ผิดเองที่คิดว่าพี่สาวจะเมตตาเอ็นดูข้าเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง แต่ในใจของพี่สาวคงเห็นข้าเป็นเพียงเสี้ยนหนามตำตาตำใจ

ซึ่งข้าก็เข้าใจได้ พี่สาวได้รับความรักจากท่านพ่อ ท่านแม่ และพี่ชายทั้งสองมาตั้งแต่เล็กๆ ครอบครัวเลี้ยงดูทะนุถนอมพี่สาวดุจไข่มุกบนฝ่ามือ พี่สาวย่อมหวงแหนความรักเหล่านี้ไม่อยากให้ข้ามาขอแบ่งปัน

ตัวข้านั้นใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ถูกทำร้ายตบตีมาตั้งแต่จำความได้ กินหนึ่งมื้ออดสามมื้อ นอนกลางดินกินกลางทราย บางวันหิวโหยจนต้องคุ้ยขยะหากิน ถูกแม่นมกดขี่ข่มเหงใช้ให้ทำงานหนักทุกวันเสียยิ่งกว่าทาส ความลำบากเหล่านี้ข้าล้วนชาชินเสียแล้ว แต่พี่สาวของข้านางไม่เคยลำบาก นางมีข้ารับใช้คอยรองมือรองเท้ามาตั้งแต่เกิด ดังนั้นข้าจะยอมให้พี่สาวถูกลงโทษไม่ได้เด็ดขาด

ต่อให้ท่านพ่อจะสั่งเฆี่ยนข้าด้วยความผิดที่ข้าไม่ได้ทำ ข้าก็จะก้มหน้ายอมรับ ขอเพียงได้อยู่ในจวนหลังนี้ ได้มีโอกาสตอบแทนบุญคุณท่านพ่อท่านแม่ผู้ให้กำเนิด เพียงแค่นี้ข้าก็พอใจแล้ว ชีวิตนี้ข้าไม่ขออะไรมากไปกว่านี้]

หัวใจของครอบครัวสวี่ราวกับจะหยุดเต้น ดั่งมีก้อนแข็งๆ แล่นมาจุกอยู่ที่ลำคอ ขอบตาร้อนผ่าวเมื่อได้ยินเรื่องราวชีวิตที่แสนลำบากของน้องเล็ก สตรีตัวเล็กบอบบางออกจะซีดเซียวดั่งคนป่วย นางเจียมเนื้อเจียมตนราวกับรอคอยขอเศษความรักจากพวกเขา

แล้วพวกเขาจะใจดำได้หรือ

“น้องเล็กลุกขึ้นก่อนเถอะ”

เป็นคุณชายใหญ่สวี่ที่ทนไม่ไหวปราดเข้าไปประคองน้องสาวให้ยืนขึ้น แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับห้ามเลือดที่หน้าผากน้องสาวอย่างอ่อนโยน

[ฮึก...อย่าร้องไห้นะ ห้ามร้องไห้ออกมา สัมผัสที่อบอุ่นจากพี่ใหญ่นี้ข้าจะจดจำไว้ไม่ลืมเลือน พี่ใหญ่ช่างใจดีกับข้าที่แสนต่ำต้อยไร้ค่า]

ได้ยินดังนั้นขอบตาของคุณชายใหญ่สวี่จางหมิ่นก็ถึงกับร้อนผ่าว เขาเผลอใช้แขนข้างหนึ่งโอบกอดไหล่บอบบางของน้องสาวเอาไว้โดยไม่รู้ตัว

ความรู้สึกหวงแหนและอยากปกป้องเต็มตื้ออยู่ในหัวใจ

“อะ...เอ่อ พะ...พ่อ”

ป๋อสวี่เองก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน เขาลั่นวาจาว่าจะลงโทษบุตรสาวไปโดยมิได้ซักถามว่าใครถูกผิด แต่กลับตัดสินโทษอย่างลำเอียง เขาช่างเป็นบิดาที่เลวทรามเหลือเกิน

“ฮือ...ข้าเจ็บเหลือเกินเจ้าค่ะท่านพ่อท่านแม่”

สวี่จางลี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดจู่ๆ ทุกคนจึงนิ่งเงียบไปเล่า เวลานี้ทุกคนควรที่จะเข้ามาโอ๋นาง เข้ามาปลอบประโลมนาง แล้วลากนังบ้านนอกนั่นไปเฆี่ยนตีให้ตายคาแส้มิใช่หรือ

ฮูหยินสวี่ที่กอดบุตรบุญธรรมไว้ก็ถึงกับเก้อกระดากทำอะไรไม่ถูก แล้วจังหวะนั้นเองจู่ๆ หัวหน้าสาวใช้ฮุ่ยชิวก็วิ่งเข้ามา

“นายท่านได้โปรดเมตตาคุณหนูเล็กด้วยเถอะเจ้าค่ะ ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ บ่าวไม่เชื่อว่าคุณหนูเล็กจะกล้าทำร้ายคุณหนูสาม”

ทันทีที่ได้ยินว่าเกิดเหตุในสวน หัวหน้าสาวใช้ฮุ่ยชิวก็ทิ้งหม้อน้ำแกงรีบวิ่งมาที่สวนทันที

ป๋อสวี่จางหย่งถึงกับลอบถอนหายใจเมื่อพอจะมีทางลง ขอเพียงฟังคำของหัวหน้าสาวใช้เขาก็จะได้สั่งยกเลิกเฆี่ยนบุตรสาวที่น่าสงสาร

“มีอะไรก็พูดมา!”

กระนั้นเขากลับยังแสร้งทำเสียงเข้มราวกับไม่รู้อะไร

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel