บทที่ 3 เสียงในใจของน้องเล็ก
บทที่ 3
เสียงในใจของน้องเล็ก
“พวกเราไม่เคยแม้แต่จะตีลี่ลี่สักครั้ง แล้วแกเป็นใครเหตุใดจึงกล้าตีน้องสาวของข้า หา!”
คุณชายรองสวี่จางเหว่ยโกรธจนหน้าแดงจัด ยิ่งเห็นแก้มของน้องสาวบุญธรรมบวมตุ่ย มุมปากแตก มีเลือดสีชาดไหลออกมาเปรอะเปื้อนก็ยิ่งโกรธจนขาดสติ ตรงเข้าไปผลักร่างของน้องสาวตัวจริงที่เอาแต่ยืนก้มหน้าตัวสั่นงันงก
“โอ๊ย!”
สวี่ฝูเยว่ส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ ก่อนจะนิ่วหน้าเล็กน้อยนึกดูแคลนว่าคุณชายรองแห่งจวนป๋อสวี่ช่างไร้เรี่ยวแรงจึงได้ผลักนางแค่เพียงเซถอยหลัง อย่ากระนั้นเลยนางจำต้องเซให้มากอีกหน่อย
คิดพลางเซแถดๆ ไปทางด้านหลังก่อนจะเลือกล้มลงใกล้ๆ กระถางต้นไม้ แล้วเอาหน้าผากโขกขอบกระถางเต็มแรง
โครม!
เลือดสีชาดไหลออกจากหน้าผาก ยังความตกใจให้แก่ทุกคน คุณชายรองสวี่ถึงกับผงะใบหน้าซีดขาวด้วยไม่คิดว่าตนจะทำร้ายน้องสาวถึงเพียงนั้น ถึงไม่รักแต่ก็ยังเป็นน้องสาวร่วมสายเลือดเมื่อเห็นอีกฝ่ายเจ็บก็ถึงกับเผลอกำมือแน่น
“อย่ามาทำสำออยหน่อยเลย!”
แต่พอหันไปเห็นใบหน้าบวมช้ำเลือดกบปากของจางลี่ คุณชายรองก็โกรธขึ้นมาอีกคำรบ ตวาดด่าสวี่ฝูเยว่พลางเชิดหน้าขึ้นไม่คิดว่าตนผิด หมายใจว่าหากอีกฝ่ายร้องห่มร้องไห้โวยวาย เขาก็จะด่ากราดให้มากกว่านี้
ทว่าสวี่ฝูเยว่กลับไม่ร้องสักแอะ นางตัวสั่นเทิ้มค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้นราวกับอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง เลือดที่ศีรษะไหลลงมาอาบใบหน้างดงามที่ซีดขาวคล้ายจะเป็นลมทุกชั่วขณะ
ท่าทางบอบบางราวกับแก้วเจียระไนนั้นทำให้ครอบครัวสวี่ถึงกับทำอะไรไม่ถูก กระนั้นเสียงร่ำไห้ของสวี่จางลี่ก็ปลุกให้พวกเขาหลุดออกจากภวังค์ความสงสาร เพราะสวี่จางลี่คือผู้ถูกกระทำต่างหาก และพวกเขาต้องทวงคืนความเป็นธรรมให้นาง
“ฝูเยว่คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!”
ป๋อสวี่สั่งเสียงกรรโชกห้วน หมายใจว่าหากอีกฝ่ายกระด้างกระเดื่องไม่ยอมคุกเข่า ก็จะสั่งให้สาวใช้จับร่างบางกดลงไปกับพื้น ทว่าสวี่ฝูเยว่กลับรีบคุกเข่าลงอย่างลนลาน หยาดน้ำตาไหลเผาะๆ อาบแก้มเป็นสาย
“ท่านพ่อลี่ลี่เจ็บเหลือเกินเจ้าค่ะ แก้มของลี่ลี่ช้ำหมดแล้ว เช่นนี้ลี่ลี่จะออกไปพบปะผู้คนได้อย่างไรกัน”
จางลี่สะอึกสะอื้นจนตัวโยน มือข้างหนึ่งกอดมารดาเอาไว้แน่น มืออีกข้างยื่นไปจับมือของบิดา หมายใจให้บิดาลงโทษฝูเยว่สถานหนัก
“ลี่ลี่ไม่ต้องกังวล พ่อต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าแน่”
ป๋อสวี่จางหย่งถอนหายใจพลางส่ายหน้าหนักใจ ดูเหมือนการรับฝูเยว่กลับจวนจะเป็นเรื่องผิดพลาดเสียแล้ว สิบเจ็ดปีที่ฝูเยว่เติบโตยังชนบทยากไร้ หล่อหลอมนางให้กลายเป็นเด็กเหลือขอกิริยาก้าวร้าวมีจิตริษยาพี่สาว แต่ถึงอย่างไรก็เป็นสายเลือด หากลงโทษรุนแรงมากไปก็รังแต่จะกลายเป็นเรื่องให้ชาวบ้านติฉินนินทา
จางลี่เห็นแววตาลังเลของบิดา นางก็ถึงกับส่งเสียงไอจนตัวโยก แล้วร้องครวญครางดังมากกว่าเดิม
“ลี่ลี่เจ็บเหลือเกินเจ้าค่ะท่านพ่อ ฟะ...ฟันของลูกเหมือนจะหลุดออกจากปาก ฮือ ลี่ลี่กลัวเหลือเกินเจ้าค่ะท่านพ่อ”
เสียงร้องของสวี่จางลี่ทำให้ความลังเลเมื่อครู่ของป๋อสวี่จางหย่งอันตรธานหายไปในพริบตา แทนที่ด้วยความโกรธเกลียดชิงชังบุตรสาวในไส้สุดใจ
“กิริยาหยาบช้า ทำร้ายคนในตระกูล ข้าจะใช้กฎของตระกูลลงโทษเจ้าฝูเยว่!”
ป๋อสวี่จางหย่งเอ่ยออกมาด้วยแรงโทสะ การลงโทษของตระกูลนั้นคือการโบยด้วยแส้ แน่นอนว่าบุตรสาวร่างกายบอบบางผอมแห้งหากถูกฟาดด้วยแส้คงนอนซมนานนับเดือน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องสั่งสอนให้หลาบจำ ไม่เช่นนั้น จวนป๋อคงได้วุ่นวายหาความสงบสุขมิได้
“ละ...ลูกยอมรับโทษเจ้าค่ะท่านพ่อ”
สวี่ฝูเยว่ยอมรับง่ายดายจนทุกคนถึงกับทำอะไรไม่ถูก คุณชายใหญ่ที่ยืนเงียบมาโดยตลอดถึงกับขมวดคิ้วมุ่นด้วยความแปลกใจ
[ลงโทษด้วยกฎของตระกูลงั้นหรือ อาฮุ่ยเคยบอกกับข้าว่าหากข้าทำผิดจะต้องถูกลงโทษด้วยกฎของตระกูล สถานเบาคือคุกเข่าในศาลบรรพชน คัดลอกพระคัมภีร์ สถานหนักก็คือการฟาดด้วยแส้ หรือขับไล่ออกจากตระกูล]
ป๋อสวี่จางหย่ง ฮูหยินสวี่ คุณชายใหญ่สวี่จางหมิ่น และคุณชายรองจางเหว่ยถึงกับพากันชะงักตัวแข็ง เมื่อได้ยินเสียงในใจของน้องสาว
‘นี่สินะเสียงในใจที่ท่านพ่อท่านแม่เล่าให้ฟังก่อนหน้านี้’
คุณชายใหญ่ถึงกับมีสีหน้าเครียดขรึมลง ในขณะที่คุณชายรองเอาแต่อ้าปากค้าง
‘ทะ...ท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้โกหก ขะ...ข้าได้ยินเสียงในใจของน้องเล็กจริงๆ ด้วย!’
บิดาและมารดาถึงกับออกไปรอรับพวกเขาทั้งสองที่หน้าประตูจวน เพื่อบอกกล่าวว่าได้พบตัวน้องสาวที่หายไป อีกทั้งยังมีเรื่องมหัศจรรย์คือพวกท่านได้ยินเสียงในใจของน้องสาว
แรกทีเดียวพวกเขาทั้งสองคิดว่าบิดามารดาคงดีใจที่ได้พบน้องสาวที่หายไปกว่าสิบเจ็ดปี จึงทำให้หูเพี้ยน แต่ทว่าเวลานี้พวกเขากลับได้ยินเสียงในใจของน้องสาวอย่างชัดเจน
สวี่จางหมิ่นและสวี่จางเหว่ยต่างมองหน้ากัน รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายก็ได้ยินเสียงในใจของน้องสาวเช่นกัน น้องสาวที่ไม่แม้แต่ขยับปาก แต่เสียงในใจกลับดังก้องเข้ามาในหัวของพวกเขาอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
‘หึ! คราวนี้เจ้าตายแน่นังโง่! เจ้าจะได้รู้ว่าโทษที่บังอาจมาแตะต้องสตรีอย่างข้าจะต้องพบกับจุดจบเช่นไร เพราะข้าคือนางเอกของโลกใบนี้ คือสตรีที่จะได้แต่งเป็นพระชายาขององค์รัชทายาท และเป็นสตรีที่มีดวงชะตาได้ก้าวขึ้นเป็นฮองเฮา สตรีที่สูงกว่าสตรีทั้งปวง!’
สวี่จางลี่แค้นยิ้มสะใจ โดยไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มของนางอยู่ในสายตาของฮูหยินสวี่
‘เหตุใดสายตาของลี่ลี่จึงได้ดูสะใจนัก’
ฮูหยินสวีไม่เคยเห็นรอยยิ้มเช่นนี้ของบุตรสาว ตั้งแต่เล็กจนโตกิริยาของบุตรสาวบุญธรรมล้วนน่ารักน่าทะนุถนอม แต่นางก็พอเข้าใจได้ ลี่ลี่ไม่ได้รับความเป็นธรรมคงจะโกรธมาก เมื่อได้ยินว่าคนผิดได้รับโทษสถานหนักจึงได้เผยรอยยิ้มเช่นนั้นออกมา
ฮูหยินสวี่หาคำตอบให้ตัวเอง แม้ในใจลึกๆ แล้วจะรู้สึกกังขาราวกับไม่อาจสลัดรอยยิ้มแสยะของบุตรสาวบุญธรรมออกไปจากความทรงจำได้เลย
