บทที่ 1 สตรีที่ทะลุมิติมาเป็นนางเอก
บทที่ 1
สตรีที่ทะลุมิติมาเป็นนางเอก
ดวงตากร้าวไม่เหลือประกายแวววาวอ่อนโยนดั่งสตรีอ่อนเยาว์ไร้เดียงสา หลงเหลือไว้เพียงความเคียดแค้นชิงชัง มุมปากกดลึกดั่งจะเย้ยหยันโลกที่อยุติธรรม ใบหน้างดงามเชิดขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นปลายคางได้รูปรับกับลำคอระหง กิริยาดั่งสาวน้อยอ่อนต่อโลกอันตรธานหายไปสิ้น คงไว้เพียงท่วงท่าดุจนางพญาหงส์
“อาจูเจ้าพร้อมหรือยัง”
“บ่าวพร้อมแล้วเจ้าค่ะคุณหนู”
สวี่ฝูเยว่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า หยิบสมุนไพรสองสามใบจากหีบไม้ขึ้นมาแล้วใส่ปากเคี้ยวไม่กี่ครั้งก็กลืนลงคอ ก่อนจะเดินนำสาวใช้ออกไป
สาวใช้จูเจียวหันไปหยิบมาลัยดอกไม้ขึ้นมาแล้วเดินตามผู้เป็นนาย
สาวใช้ ‘จูเจียว’ นั้นเป็นหญิงชาวบ้านที่มีอายุมากกว่าสวี่ฝูเยว่สามปี ครอบครัวของจูเจียวถูกกลุ่มโจรป่าบุกปล้นชิงทรัพย์ ฆ่าบิดามารดาและย่าของนางจนสิ้นสูญ จังหวะที่จูเจียวถูกชายเหล่านั้นย่ำยีและกำลังจะฆ่าปิดปาก
สวี่ฝูเยว่ก็บุกเข้ามาพร้อมมีดปังตอสองมือ ช่วยชีวิตจูเจียวเอาไว้ได้อย่างเฉียดฉิว อีกทั้งยังใจกล้าต่อสู้กับโจรป่าทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตนเอง
วันนั้นสวี่ฝูเยว่ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย ทั้งถูกตบจนหน้าบวม ที่คอมีรอยนิ้วมือจากการถูกบีบ แขนขาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ กระนั้นสวี่ฝูเยว่กลับสู้ไม่ถอย ส่งมีดปังตอให้จูเจียวเล่มหนึ่ง ทั้งสองช่วยกันฆ่าโจรโฉดอย่างบ้าดีเดือดจนพวกมันสิ้นลมหายใจกลายเป็นผี
จากนั้นทั้งสองก็ช่วยกันฝังศพโจรเอาไว้ใต้พื้นกระดานบ้านเพื่อไม่ให้ทางการหาศพพบ นับตั้งแต่นั้นจูเจียวก็ตั้งปณิธานว่าทุกลมหายใจของตนล้วนเป็นของสวี่ฝูเยว่
เมื่อป๋อสวี่จางหย่งเดินทางมายังหมู่บ้านชนบทแสนห่างไกลเพื่อมารับตัวบุตรสาวที่พลัดพราก สวี่ฝูเยว่จึงได้ร้องขอต่อบิดาให้พาตัวจูเจียวมาด้วย โดยอ้างว่าจูเจียวมีบุญคุณมักจะแบ่งอาหารให้นางรับประทานประทังความหิวอยู่เสมอๆ
จูเจียวจึงเข้ามาในฐานะสาวใช้ข้างกายคุณหนูเล็ก กระนั้นกลับต้องมีหัวหน้าสาวใช้ฮุ่ยชิวมาช่วยอีกแรง เพราะจูเจียวไม่รู้จักขนบธรรมเนียมของเหล่าขุนนางชั้นสูง ฮุ่ยชิวจึงต้องคอยบอกคอยสอน
จูเจียวคือผู้ที่รู้ว่านายของตนเป็นผู้หวนคืน เพราะรู้ล่วงหน้าเจ้านายจึงได้บุกมาช่วยชีวิตตนเอาไว้ได้ทัน และเพราะรู้ล่วงหน้าเจ้านายของตนจึงได้แอบทำการค้าลับๆ จนร่ำรวย กระนั้นกลับเก็บงำไม่เคยบอกใคร ยังคงแสร้งทำตัวยากไร้เพื่อรอให้บิดาที่แท้จริงมารับตัวกลับตระกูลสวี่
‘จำไว้นะอาจู ต่อให้เจ้าจะค้าขายร่ำรวยเพียงใดแต่เจ้าก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นเพียงแม่ค้าต่ำต้อย ศักดิ์และศรีหาได้เทียบชั้นการเป็นคุณหนูตระกูลขุนนางไม่’
จูเจียวจำทุกถ้อยคำที่เจ้านายสาวสอนสั่งจนขึ้นใจ อีกทั้งนางยังรู้ด้วยว่าเจ้านายของตนสามารถควบคุมเสียงในใจได้อย่างน่าอัศจรรย์ อยากให้ใครได้ยินหรือไม่ได้ยินก็ย่อมได้ทั้งสิ้น
และในวันนี้เจ้านายสาวต้องการเล่นละครฉากใหญ่เพื่อต้อนรับการกลับมาของพี่ชายทั้งสองคน จูเจียวย่อมต้องเป็นผู้ร่วมแสดงที่สมบทบาท!
“พี่สาวท่านอยู่นี่เอง ข้าร้อยมาลัยดอกไม้มาให้ท่านเจ้าค่ะ”
สวี่ฝูเยว่ฉีกยิ้มกว้างเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหาจนเรือนผมดำขลับสยายไปกับแรงลม ใบหน้าเกลี้ยงเกลาระเรื่อแดงซ่านไปด้วยเลือดฝาด ปลายจมูกเล็กเชิดรั้นมีหยดเหงื่อเล็กๆ เกาะพราวชวนมอง
‘สวี่จางลี่’ กำลังยืนทอดอารมณ์อยู่ในสวนดอกไม้นานาพรรณ สวนของจวนป๋อสวี่นี้ขึ้นชื่อเรื่องความงดงามไม่แพ้สวนในวังหลวง เขาทุ่มเทรังสรรค์สวนดอกไม้แห่งนี้เพื่อบุตรสาวบุญธรรมผู้เป็นดั่งดาวนำโชคของตระกูลสวี่นั่นเอง
เมื่อหันไปตามเสียง เห็นผู้มีศักดิ์เป็นน้องสาวกำลังวิ่งมาหาท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ดารดาษ งดงามดุจเทพเซียนจำแลงกายลงมาก็รู้สึกหงุดหงิด
“ไร้การอบรม กิริยาต่ำช้า”
สวี่จางลี่เชิดหน้าขึ้น เหยียดริมฝีปากออกแล้วเอ่ยถ้อยคำเย้ยหยันออกมาอย่างดูแคลน เพราะตนเองคือสตรีจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ทะลุมิติมาสวมร่างนางเอกในนิยายเล่มหนึ่งที่นางเคยอ่าน จึงรู้เหตุการณ์ทุกอย่างราวกับผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน
และรู้ด้วยว่าบุตรสาวตัวจริงของตระกูลสวี่นั้นทั้งไร้ค่าและโง่งมเพียงใด พยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้รับความรักจากคนในครอบครัว แต่แล้วอย่างไรเล่าความรักเหล่านั้นย่อมต้องเป็นของนางผู้ที่ทะลุมิติเข้ามาเป็นตัวเอกของในโลกใบนี้ นางร้ายที่แม้บุตรสาวตัวจริงจึงแทบไม่มีที่ว่างให้แทรกเข้ามา
นานวันเข้าบุตรสาวตัวจริงจึงได้เก็บงำความคับแค้นใจจนกลายเป็น ‘นางร้าย’ สุดท้ายก็ถูกพระเอกผู้เป็นองค์รัชทายาทฆ่าตาย
‘ไหนๆ ก็จะต้องตายแล้ว ก็ช่วยรีบๆ ตายไปเสียเถอะ นังคนโบราณโง่เขลารกหูรกตาเกินไปแล้ว’
สวี่จางลี่ถอนหายใจราวกับรำคาญเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าคล้ายจะร้องไห้ มือที่ถือพวงมาลัยดอกไม้ถึงกับสั่นระริก เมื่อได้ยินพี่สาวตำหนิรุนแรง
ในนิยายนางเอกจะต้องรับพวงมาลัยของน้องสาว และพยายามทำดีกับน้องสาว เพราะนางเอกในนิยายมีจิตใจดี อ่อนโยน สดใสร่าเริงดั่งดอกไม้แรกแย้ม แต่นางคือผู้ที่ทะลุมิติเข้ามา จึงไม่คิดว่าจะต้องใจดีเหมือนนางเอกในนิยายหรอกนะ เพราะการทำเช่นนั้นมันน่ารำคาญ!
นางร้ายผู้นี้เรียกได้ว่ามีชีวิตอยู่เพื่อเป็นอุปสรรคของนางเอกโดยแท้ ทันทีที่เปิดตัวในวงสังคม ความงามปานล่มเมืองก็ทำให้นางเอกถึงกับดูจืดชืด ถูกเปรียบเทียบ ถูกนินทาว่าเป็นเพียงบุตรบุญธรรมหาใช่ตัวจริง
‘ข้าเกลียดอุปสรรค ในเมื่อข้าทะลุมิติเข้ามา ข้าอยากใช้ชีวิตราวกับทางเดินปูด้วยกลีบดอกไม้ ทุกคนต้องรายล้อมรุมรักข้าสิจึงจะถูกต้อง!’
สวี่จางลี่ตั้งใจจะชิงลงมือกำจัดนางร้ายเสียตั้งแต่ตอนยังไม่ร้ายนี่แหละ จะได้ไม่ต้องเปลืองแรง ต้องกดและข่มให้หงอเอาไว้จะได้ไม่กล้ากำแหงภายหลัง
