บทนำ ข้านี่แหละดอกบัวขาว
บทนำ
ข้านี่แหละดอกบัวขาว
แสนดีแล้วอย่างไร...
ชาติก่อนข้าเป็นได้เพียงขั้นบันไดให้ผู้อื่นเหยียบย่ำก้าวขึ้นสู่ที่สูง ถูกช่วงชิงดวงชะตา ช่วงชิงวาสนา ช่วงชิงความรักไปจนหมดสิ้น แม้ลมหายใจก็มิอาจรักษาเอาไว้ได้
หวนคืนมาครานี้ข้าจะทำให้หญิงทะลุมิติผู้นั้นได้รู้ว่า ‘คนโบราณโง่เขลา’ ที่นางเคยเย้ยหยันอย่างข้าจะไม่ยอมเป็นหมากบนกระดานของนางอีกต่อไป!
‘สวี่ฝูเยว่’ มองเงาสะท้อนของตนเองในกระจก ใบหน้างดงามแต่งแต้มอย่างเรียบง่าย เรือนร่างอรชรบอบบางสวมใส่อาภรณ์สีขาวสะอาดตา ปล่อยผมดำขลับยาวสยายจดเอวคอดกิ่ว บนเรือนผมงดงามปักเพียงปิ่นไม้เล็กๆ อย่างเจียมเนื้อเจียมตน
ความจริงแล้วหญิงสาวชื่นชอบสีแดงสดใส ชื่นชอบเครื่องประดับแวววาวล้ำค่า ชาติก่อนเมื่อเข้ามาอยู่ในจวนนางจึงได้เลือกสวมใส่ในสิ่งที่ตนเองชอบ ทว่าสิ่งเหล่านั้นกลับทำให้นางกลายเป็น ‘นางร้าย’ เป็นหญิงที่จิตใจเปี่ยมไปด้วยความอิจฉาริษยา
มนุษย์หนอช่างเขลานัก
เพียงสีอาภรณ์ก็สามารถตัดสินคนได้
เพียงการเสแสร้งก็สามารถชี้วัดความดีเลว
เช่นนั้นแล้วนางก็จะกระโจนลงไปบนเวทีการแสดงที่ทุกคนต่างสวมหน้ากากโกหกปั้นหน้าใส่กัน ข้านี่แหละจะเป็นดอกบัวขาวเพื่อทวงคืนทุกอย่างที่ควรจะเป็นของข้ากลับคืนมา
“บ่าวรับใช้แจ้งว่าเวลานี้คุณหนูสามกำลังเดินชมบุปผางามอยู่ในสวนเจ้าค่ะคุณหนูเล็ก”
หัวหน้าสาวใช้ ‘ฮุ่ยชิว’ เอื้อนเอ่ยพลางมองคุณหนูเล็กสวี่แห่งจวนป๋อด้วยสายตาชื่นชมระคนสงสารจับใจ คุณหนูเล็กผู้นี้ชะตาอาภัพยิ่งนักถูกแม่นมขโมยออกจากจวนป๋อไปตั้งแต่ยังเป็นทารกน้อย
ทำให้ฮูหยินสวี่ทุกข์ใจจนล้มป่วย นายท่านป๋อสวี่จึงรับบุตรบุญธรรมที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับบุตรสาวที่หายไปมาช่วยเยียวยาหัวใจที่แสนบอบช้ำของภรรยา อาการของฮูหยินสวี่จึงค่อยๆ ดีขึ้น
จวนป๋อสวี่สืบหาคุณหนูตัวจริงมาโดยตลอด จนสิบเจ็ดปีผ่านไปท้ายที่สุดนายท่านป๋อสวี่ก็หาคุณหนูตัวจริงพบ หัวหน้าสาวใช้ยังจำได้ว่าวันแรกที่คุณหนูตัวจริงมาถึงจวน คุณหนูแต่งกายด้วยเสื้อผ้าเนื้อหยาบกระด้างสีน้ำตาลเก่าคร่ำคร่า ร่างกายมอมแมมผอมโซ กระนั้นกลับมีกิริยาเรียบร้อยอ่อนหวาน วาจายามเอื้อนเอ่ยนั้นนุ่มนวลราวกับเป็นคุณหนูตระกูลขุนนางที่ได้รับการขัดเกลาอบรมอย่างดี
‘อาจเป็นเพราะสายเลือดตระกูลขุนนางที่ไหลเวียนอยู่ในตัวคุณหนูเล็ก แม้เติบโตในชนบทยากไร้ แต่หงส์ก็หาได้กลายเป็นไก่ป่า’
คุณหนูตัวจริงมีอายุน้อยกว่าคุณหนูสามถึงหกเดือน ดังนั้นนายท่านป๋อสวี่จึงให้ทุกคนเรียกคุณหนูตัวจริงว่า ‘คุณหนูเล็ก’ ส่วนคุณหนูสวี่จางลี่ถูกเรียกว่า ‘คุณหนูสาม’
“อาฮุ่ยข้าไม่มั่นใจเลย เจ้าคิดว่าพี่สาวจะชอบมาลัยดอกไม้ที่ข้าร้อยหรือไม่”
ใบหน้าหวานงดงามฉายแววกลัดกลุ้ม เรียวปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาหลายต่อหลายครั้งแสดงถึงความกังวล
“คุณหนูสามเป็นคุณหนูที่มีจิตใจดี บ่าวรับรองได้เลยเจ้าค่ะว่าคุณหนูสามต้องดีใจมากแน่ๆ ที่ได้รับมาลัยดอกไม้พวงนี้”
“ฟู่! ข้าตื่นเต้นมากๆ เลย ดูสิอาฮุ่ยมือข้าเย็นไปหมดแล้ว”
คนตัวเล็กเป่าลมออกจากปากมีท่าทางกระสับกระส่าย จนหัวหน้าสาวใช้ฮุ่ยชิวอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ยิ่งเห็นคุณหนูเล็กพยายามเข้าหาคุณหนูสามมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้สึกว่าช่างเป็นวาสนาของนายท่านป๋อสวี่จริงๆ ที่มีบุตรสาวแสนดีถึงสองคน
“มาเจ้าค่ะบ่าวจะช่วยนวดมือให้คุณหนูจะได้คลายอาการตื่นเต้นลง”
ฮุ่ยชิวนวดมือให้เจ้านายสาว รู้สึกราวกับก้อนอะไรบางอย่างแล่นมาจุกที่ลำคอ เมื่อพบว่าฝ่ามือของคุณหนูเล็กมีรอยด้านจากการทำงานหนัก แตกต่างจากมือนุ่มนิ่มของคุณหนูสามโดยสิ้นเชิง
‘โถวคุณหนูเล็กของบ่าว ที่ผ่านมาคงลำบากมากเลยสินะเจ้าคะ ดูเอาเถอะแม้จะเติบโตมาอย่างยากลำบาก แต่กลับมีจิตใจงดงามเหลือเกิน’
“ข้ารู้สึกดีขึ้นแล้ว ขอบใจมากนะอาฮุ่ย”
เรียวปากอวบอิ่มแย้มยิ้มจนดวงตากลมโตเล็กหยี ฮุ่ยชิวแม้เป็นสตรีก็ยังอดไม่ได้ที่จะหลงใหลไปกับรอยยิ้มอ่อนหวานของเจ้านายคนใหม่
[นับตั้งแต่ข้าเข้ามาอยู่ที่จวนแห่งนี้อาฮุ่ยก็ดีกับข้ามากจริงๆ ข้ารู้สึกราวกับว่าอาฮุ่ยเป็นพี่สาวของข้า นางทำให้ข้ารู้สึกอบอุ่นใจยิ่งนัก]
ในดวงตาของฮุ่ยชิวมีประกายระยับมองสตรีตรงหน้าด้วยความรู้สึกดีมากขึ้นหลายร้อยหลายพันเท่า นั่นเพราะนางได้ยินเสียงในใจที่แสนอ่อนโยนของผู้เป็นนาย และคาดว่านายท่านป๋อสวี่และฮูหยินสวี่ก็ได้ยินเสียงในใจของคุณหนูเล็กเช่นกัน ส่วนบ่าวไพร่นั้นจากที่ฮุ่ยชิวสังเกต มีเพียงพ่อบ้าน แม่ครัว และตนเองซึ่งเป็นหัวหน้าสาวใช้ได้ยินเสียงในใจนี้ ส่วนคนอื่นๆ ไม่ได้มีปฏิกิริยากับเสียงในใจของคุณหนู
ฮุ่ยชิวแอบสงสัยเช่นกันว่าเหตุใดคนที่ได้ยินเสียงในใจของคุณหนูเล็กจึงมีเพียงไม่กี่คน เรื่องนี้ต่อให้คิดจนหัวแทบแตกก็ยังคิดหาเหตุผลไม่ได้
“เดี๋ยวอาฮุ่ยช่วยไปดูน้ำแกงที่ข้าเคี่ยวไว้ต้อนรับท่านพี่ทั้งสองที่ห้องครัวแทนข้าทีนะ ข้ากับอาจูจะเอาพวงมาลัยนี้ไปให้พี่สาวเอง”
“ได้เจ้าค่ะคุณหนูเล็ก บ่าวจะไปดูให้เจ้าค่ะ”
ฮุ่ยชิวรับอาสาอย่างแข็งขัน น้ำแกงนี้เคี่ยวมาได้สามชั่วยามแล้ว คุณหนูเล็กลงแรงลงกายเพื่อต้อนรับพี่ชายทั้งสองที่จะเดินทางกลับมาถึงจวนป๋อสวี่ในวันนี้
นี่จึงจะเป็นครั้งแรกที่พี่ชายทั้งสองได้พบน้องสาวที่พลัดพรากจากกัน
“ข้าต้องรบกวนอาฮุ่ยแล้ว”
รอยยิ้มอ่อนโยนค่อยๆ จางหายเมื่อหัวหน้าสาวใช้ฮุ่ยชิวเดินออกจากห้องไป ใบหน้างดงามอ่อนหวานดั่งแม่พระแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าเย็นชาดั่งคนไร้หัวใจ
