บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 มุกดารินทร์

มุกดารินทร์

คุณพัฒน์และชนาวุฒิออกไปหาสมัครงานตามที่ต่าง ๆ ที่เปิดรับสมัคร จวบจนครึ่งค่อนวัน แล้วจึงพากันขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับกัน และระหว่างทางจึง แวะทานข้าวกัน โดยเป็นร้านข้าวแกงข้างทางที่ติดกับมหาวิทยาลัยชื่อดัง

“ผู้สาวมหาลัยคือมีแต่คนงาม ๆ ขาว ๆ แท้วะบักเกื้อ มึงเบิ้ง...” (สาวมหาลัยทำไมมีแต่คนสวย ๆ ขาว ๆ จังวะไอ้เกื้อ มึงดูสิ...) ชนาวุฒิพูดพร้อมกับเพยิดหน้าให้เพื่อนมองตาม

“เว้าหลาย ฟ้าวกินสิได้ฟ้าวกลับ” (พูดมาก รีบกินตะได้รีบกลับ) คุณพัฒน์ดุเพื่อนขึ้นมาทันที

ตั้งแต่ที่เข้ามานั่งในร้าน ชนาวุฒิก็มัวแต่มองหญิงสาวมหาลัยจนแทบไม่ตะฝักอาหารตรงกน้าเข้าปากเลยแม้แต่น้อย

“สิฟ้าวไปไส เฮือนมันบ่หนีไปไสดอก มีแนวงาม ๆ ให่เบิ้งฟรี ๆ กะเบิ้งก่อน” (จะรีบไปไหน บ้านมันไม่หนีไปไหนหรอก มีของสวย ๆ ให้มองฟรี ๆ ก็ดูไปก่อน) ชนาวุฒิยังคงพูดกับเขา แต่ก็ไม่ได้หันหน้ามา เพราะสายตามัวแต่ชะเง้อมองสาวที่เดินผ่านไปมาอยู่นอกร้าน

“กูไปถ่ามึงอยู่รถเด้อ” (กูไปรอมึงอยู่ที่รถนะ)

คุณพัฒน์มายืนรอเพื่อนที่ยังคงอยู่ภายในร้าน เขานั่งคร่อมอยู่บนมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง โดยที่ก้มหน้าลงมองเพียงหน้าจอโทรศัพท์มือถือ เพื่อฆ่าเวลารอคนที่มัวแต่เอาเหล่สาว จนไม่ยอมทานข้าวสักที

และระหว่างนั้นเอง ก็มีสิ่งของบางอย่างปลิวมาตกลงอยู่ที่ใกล้กับเท้าของเขา คุณพัฒน์จึงก้มลงเก็บขึ้นมาทันที และก็ได้รู้ว่ามันคืออะไร เพราะตัวหนังสือใหญ่ชัดเจน

“เอ่อ...ขะ ขอบคุณคะ” เสียงหวานของเจ้าของกระดาษแผ่นนั้นดังขึ้นมาเสียก่อน พร้อมกับเอ่ยขอบคุณเขา

ใบหน้าหวานจิ้มลิ้มของเจ้าของกระดาษชะงักค้างทันที ที่เขาส่งกระดาษกลับคืนให้ ถึงแม้ว่าเขาจะสวมหมวกและผ้าปิดบังใบหน้าเอาให้เห็นแค่ดวงตา แต่เธอกลับเหมือนถูกมนต์สะกด เมื่อเผลอสบตาเขา

คุณพัฒน์ยื่นกระดาษยื่นคืนให้เธอ ด้วยมืออันสั่นเทาไม่แพ้กับจิตใจที่เต้นสั่นไปพร้อม ๆ กัน ผู้หญิงตรงหน้าเขาผู้นี้ช่างสวยเสียเกิน ผิวพรรณขาวผ่องราวดุจไข่มุก แถมรอยยิ้มบนใบหน้าที่มีลักยิ้มนั้นอีก

“มะ มีอะไรหรือเปล่าครับ” เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงที่สั่นเพียงเล็กน้อย เมื่อเธอเอาแต่จ้องมองเขา

“คือ...”

“...” คุณพัฒน์เงียบรอฟังเธอ

“พี่ช่วยไปส่งหนูที่บริษัทนี้หน่อยได้ไหมคะ เดี๋ยวหนูจ่ายค่าจ้างให้ พอดีรถที่มารับเกิดเสีย กว่าจะมีคนมารับคงต้องรอถึงเย็นเลย” หญิงสาวพูดพร้อมกับยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้เขาดู

“ผะ ผมไม่ใช่รถรับจ้างครับ...” เขาจึงรีบปฏิเสธเธอทันควัน ถึงแม้ว่าสถานที่ที่เธอจะให้เขาพาไปนั้น เป็นที่ที่เขาพึ่งจะกลับออกมา เพราะพึ่งจะไปยื่นเอกสารการสมัครงานมาเองอยู่หมาด ๆ

“อีหยังกะไปส่งเขาก่อนเถาะเกื้อ ถือว่าได้ซอยเหลือคนนำกัน แถมได้บุญอีก กูไปถ่าอยู่เฮือนเด้อ” (อะไรก็ไปส่งเขาก่อเถอะเกื้อ ถือว่าได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แถมได้บุญอีก กูไปรออยู่บ้านนะ) ชนาวุฒิที่เดินออกมาเห็นเข้าพอดี จึงรีบพูดแทรกขึ้น เพราะเห็นว่าหญิงสาวต้องการความช่วยเหลือจากเขา และท่าทีของเพื่อนที่พยายามจะปฏิเสธนั้น

ถ้าเป็นเขา เขาจะรีบไปส่งเธอทันทีโดยไม่รีรอเลย ดีไม่ดีจะพาเข้าโรงแรมด้วย สวยขนาดนี้้ ใครจะอดใจไหว แต่เห็นว่าหญิงสาวมีท่าทีสนใจเพื่อนหรอกนะ เลยช่วยพูดเสริมให้ เผื่อมันจะมีความกล้าจีบสาวกับเขาบ้าง...

“เดี๋ยว...บักวุฒิ!” (เดี๋ยว...ไอ้วุฒิ) คุณพัฒน์ที่กำลังจะแย้ง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะชนาวุฒิรีบออกรถไปทันทีที่พูดจบ

เมื่อตั้งสติได้ เขาก็รู้ถึงจุดประสงค์ของเพื่อนอย่างชนาวุฒิทันที ที่อยากเปิดทางให้เขาได้อยู่กันตามลำพังกับหญิงสาวดูบ้าง เพราะทุกครั้งเมื่ออยู่ที่บ้านเกิด ไปเที่ยวตามงานบ่อย ๆ ชนาวุฒิมักจะเป็นแม่ชักแม่สื่อให้ แต่เขาก็ปฏิเสธไปทุกราย

“ได้ไหมคะ หนูจ่ายให้ไม่อั้นเลย” เธอเอ่ยถามเขาขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเขานั้นมีท่าทีที่ลำบากใจ

“เอ่อ... คะ ครับ” เมื่อไม่กล้าที่จะปฏิเสธ จึงได้แต่ตอบรับเธอออกไป

“ขอบคุณคะพี่ ไปถูกอยู่ใช่ไหมคะ”

“ถูกครับ...เดี๋ยวคุณใส่หมวกผมนะครับ ซ้อนมอเตอร์ไซค์ไม่ใส่หมวกมันอันตราย” คุณพัฒน์พูดพร้อมกับยื่นหมวกกันน็อคที่เขาใส่มาไปตรงหน้าเธอ

“ใส่ยังไงคะ” เธอเลิกคิ้วถามขึ้นทันที เพราะไม่เคยใส่มาก่อน

คุณพัฒน์ที่ตอนนี้มีหมวกแก๊ปอยู่บนศีรษะอยู่แล้ว จึงเอาหมวกกันน็อคจากมือของหญิงสาวนั้นมาคคืน และบรรจงสวมให้แก่หญิงสาวอย่างอ่อนโยน แล้วให้เธอขึ้นมานั่งซ้อนท้ายเขา เตรียมพร้อมที่จะออกรถ

ดีหน่อยที่วันนี้เธอมีเรียนวิชาเลือก เลยได้สวมชุดพละมาเพราะมีกิจกรรมของทางคณะจัดขึ้น ไม่ได้สวมชุดกระโปรงนักศึกษาเหมือนเช่นกับทุกวัน

เธอบอกทางให้เขาพาเธอไปทางลัด ที่ไม่ต้องไปทางถนนใหญ่ เพราะรถมอเตอร์ไซค์สามารถลัดเลาะไปได้ และใช่เวลาไม่ถึงสามสิบนาที ก็มาถึงที่ยังสถานที่ที่เธอบอก ‘ไชยาสินธุ์กรุ๊ป’

คุณพัฒน์จอดรถตามที่หญิงสาวบอก โดยเยี่ยงออกไปจากทางเข้านิดหน่อย และเขาก็ถอดหมวกให้เธอ ก่อนที่จะรับหมวกนั้นมาถือเอาไว้

“ขอบคุณพี่มาก ๆ นะคะ นี่ค่ะ...ค่าน้ำมัน” เธอเอ่ยขอบคุณเขา พร้อมกับยื่นธนบัตรใบสีเทาให้เขาสองใบ

“คือ...ผมไม่เอาหรอกครับ ผมไปก่อนนะครับ” จนคุณพัฒน์รีบปฏิเสธ เพราะเขาไม่คิดจะรับมาจริง ๆ และก็เตรียมที่จะออกรถต่อ

“เดี๋ยวคะ”

“ครับ” เขาจึงหันมามองเธออีกที เมื่อเธอเรียกเขาไว้

“พี่ชายชื่ออะไรค่ะ หนูชื่อมุกดา เรียกมุกก็ได้คะ”

มุกดารินทร์ ภัทรไชยาสินธุ์ หรือ มุกดา สาวน้อยมหาวิทยาลัยในวัย 20 ปี ทายาทธุรกิจหมื่นล้านของตระกูลรุ่นต่อไป

“เกื้อกูลครับ เรียกเกื้อก็พอ...” เขาบอกเธอไปตามตรง ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เขายอมบอกชื่อกับเพศตรงข้าม เพราะปกติจะเป็นเพื่อนที่มักจะเอ่ยขื่อเขาแนะนำกับคนอื่น

“ขอบคุณพี่เกื้อที่มาส่งมุกนะคะ นี่ค่ะเอาไปทานนะคะ มุกแบ่งให้ถือว่าเป็นค่าน้ำใจที่พี่เกื้อมาส่งมุก แถมยังไม่เอาค่าน้ำมันอีก” เธอเอ่ยขอบคุณเขาอีกครั้ง และครั้งนี้เธอยื่นถุงขนมไทยหวานนั้นให้เขาแทน เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจที่เขามาส่งเธอ

“...” คุณพัฒน์ไม่พูดอะไร และกำลังจะปฏิเสธอีกเช่นเคย

“รับไปเถอะคะ มุกเต็มใจให้พี่...” แต่ก็ถูกเธอพูดดักเอาไว้เสียก่อน

คุณพัฒน์จึงรับมาเพื่อไม่เป็นการหักห้ามน้ำใจเธอ มาห้อยไว้ที่แฮนด์รถ และถอดหมวกแก๊ปออก เพื่อที่จะสวมหมวกกันน็อคไปแทน แต่แล้วผ้าที่เขาใส่ปกปิดใบหน้าไว้อยู่นั้น ดันหลุดออกมาตามด้วยและปลิวไปตามลมเสียอย่างนั้น

ทำให้ใบหน้าหล่อของเขาปรากฎขึ้นต่อสายตาของมุกดารินทร์อย่างชัดเจน เขาจึงรีบก้มหน้าลงหลบสายตาที่เธอมองเขาทันที เพราะรู้สึกประหม่า ไม่มั่นใจในตัวเองเอาเสียเลย

“ถ้าอย่างนั้น เอานี่ไปแทนนะคะ ของมุกเองไม่ค่อยได้ใช้หรอก” เธอจึงยื่นผ้าชัดหน้าของเธอที่พกติดกระเป๋าออกมาให้เขาแทน แต่ก็สีหวานไปหน่อยเขาเลยไม่กล้าที่จะรับ

“คือว่า...”

“มาค่ะ มุกมัดให้” เธอถือจึงวิสาสะนำผ้าเช็ดหน้าของเธอนั้นพับเป็นรูปสามเหลี่ยม แล้วผูกปิดจมูกเขาทันที โดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว หรือแม้แต่จะปฏิเสธเธอได้อีกเลย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel