ตอนที่ 4 น้องคุณก็เหมือนน้องผม
น้องคุณก็เหมือนน้องผม
“นุชมีน้องชายด้วยเหรอ ทำไมผมไม่เคยรู้เลย” ธนภัทรถามเลขาสาวขึ้นมาทันที ขณะที่รถเคลื่อนตัวออกมาได้ไกลจากบ้านของเธอแล้ว
จะรู้ได้อย่างไรล่ะ ก็เธอไม่เคยบอก และอีกอย่างมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเธอด้วย ที่ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้คนอื่นรับรู้
“ก็คุณภัทรไม่เคยถาม”
“เป็นความผิดผมงั้นสิ”
“เปล่าคะ แล้ววันนี้เราไม่เข้าบริษัทกันหรือคะ” ชญานุชถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นว่าเขาขับรถแยกไปอีกทางกับทางไปที่ทำงาน
“วันนี้มีนัดทานข้าวกับหุ้นส่วน คุณพ่อพึ่งแจ้งมาเมื่อคืน ผมเห็นว่ามันดึกแล้ว เลยไม่ได้ไลน์บอกคุณ” เขาตอบเธอออกไปตามตรง เพราะพ่อเขาแจ้งมาดึกจริง ๆ และเขาเองก็ไม่ได้แจ้งเธอให้ทราบอีกที เพราะเห็นว่าดึกมาดูแล้ว กลัวว่าจะรบกวนเวลาพักผ่อนของเธอ
“แล้วนุชก็ต้องตามคุณไปอีกเช่นเคยสินะ” เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ปนความน้อยใจ เพราะหากว่าวันไหนเขาามีนัดกับลูกค้าข้างนอก วันนั้นเขาจะหอบเธอไปด้วย และพอเสร็จจากธุระตรงนั้น เขาก็จะพาเธอเกงานจนถึงเย็นไม่เข้าไปบริษัทอีกเลย
“คุณเป็นเลขาของผมนะนุช คุณก็ต้องตามผมไปด้วยสิ” ธนภัทรขึ้นเสียงดุใส่เลขาสาวทันที อย่างไม่จริงจังนัก เพราะต้องการข่มขู่เธอเพียงเท่านั้น
“คะ”
“ว่าแต่น้องชายของคุณ ทำงานกันที่ไหนเหรอ” ธนภัทรจึงเปลี่ยนเรื่องคุย แล้วยกเอาเรื่องของน้องชายที่อยู่กับเธอขึ้นมาถาม เพราะเขารู้สึกเหมือนจะถูกชะตากับชายหนุ่มทั้งสองคนอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะกับอีกคนที่เป็นเพื่อนกับน้องชายเธอ
“ยังไม่รู้เลยคะ กำลังจะพากันไปหาสมัครอยู่ ไม่รู้ว่าจะได้งานกันหรือเปล่า เพราะวุฒิกับเกื้อจบแค่ปวส.กันเอง วุฒิไม่ยอมไปศึกษาต่อ ส่วนเกื้อนั้นครอบครัวขัดสนนิดหน่อย เพราะน้องเป็นเด็กกำพร้าอยู่กับแม่กันแค่สองคน และแม่น้องก็พึ่งเสียไป เมื่อไม่นานมานี่เอง น้องอยู่ตัวคนเดียวเลยขึ้นมาหางานทำที่นี่” เธอเอ่ยตอบเขาออกไปตามตรง
ชญานุชตอบเท่าที่เธอรู้มาจากมารดาเล่าให้ฟังอีกทีหนึ่ง เพราะคุณพัฒน์นั้นเป็นเพื่อนสนิทกันกับน้องชายเธอ เธอก็ย่อมรู้เท่าที่มารดาของเธอรู้ เพราะเรื่องไหนที่น้องชายไปเล่าให้มารดาของเธอฟัง เธอก็จะรู้จากมารดามาอีกทอดหนึ่ง
“น้องอยู่ตัวคนเดียวอย่างนั้นหรอกหรือ” ธนภัทรเลิกคิ้วถามอย่างสนใจ เพราะอยากรู้จักกับชายหนุ่มคนนี้มากจริง ๆ ไม่รู้อะไรทำให้เขาสนใจในตัวของชายหนุ่มผู้นี้นัก
“คะ น้องกำพร้าพ่อตั้งแต่เกิด แล้วแม่น้องก็ไม่ใช่คนในหมู่บ้านเดียวกันกับนุชตั้งแต่กำเนิดด้วย เลยไม่มีญาติที่ไหน” เธอจึงเล่าบอกเขาต่อ
“แม่น้องเป็นคนที่อื่นหรอกหรือ” เขาถามเธออีกที
“คะ นุชก็ไม่ทราบอะไรมากหรอก ว่าน้าคำหล้าเป็นคนที่ไหน แต่เคยได้ยินแม่บอกว่าเป็นคนย้ายมาจากอีกหมู่บ้าน” เธอตอบเขาไปตามที่เธอทราบมา
“แต่หน้าตาน้อง ดูไม่ค่อยเหมือนคนอีสานเลยนะ ออกจะไปทางต่างชาติมากเลย สงสัยน้องจะมาทางพ่อ” เขาเอ่ยขึ้น เมื่อนึกถึงใบหน้าคม หุ่นสูงยาวของคุณพัฒน์ ที่ดูแนวไปทางคนมีเชื้อสายต่างชาติมากกว่าคนไทยแท้
“ไม่รู้สิคะ น้องคงจะเหมือนพ่อมั้ง หล่อใช่ไหมล่ะ”
“เป็นนายแบบ พระเอกได้สบายเลยละ หากชอบทางนี้ ว่าแต่น้องอายุกันเท่าไหร่เหรอ” เขาพยักหน้ารับ เพราะยอมรับว่าคุณพัฒน์หน้าตาดีมากจริง ๆ แถมหุ่นหรือสัดส่วนก็ดีเพอร์เฟคไปสะทุกส่วน
“ปีนี้ 23 ปีคะ”
“...” ธนภัทรไม่ได้เอ่ยอะไร เพราะยังสนใจในเรื่องที่เธอเล่าบอก
“นุชเคยได้ยินป้าข้างบ้านชอบนินทา ว่าแม่ของเกื้อเคยชอบพอกันกับคนที่เคยมารับเหมาสร้างเขื่อนชลประทานในหมู่บ้าน เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน” เพราะตอนนั้นเธอก็พอจะรู้มาบ้าง ว่าหมู่บ้านข้าง ๆ มีการก่อสร้าง
คนต่างจังหวัดที่เมื่อก่อน เห็นสิ่งปลุกสร้าง ก็มักจะไปมุงดู เพราะไม่เคยเจอกับเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ทันสมัยไปตามยุคตามการเวลา
“...” ธนภัทรเงียบพร้อมกับใช้ความคิด
“แต่ถึงน้องจะเกเรไปบ้างตามประสาของวัยรุ่นผู้ชาย แต่น้องก็ขยันทำงานนะ เพราะตอนอยู่ที่บ้านต่างจังหวัด น้องก็ทำงานที่บ้านของญาติเป็นร้านที่เปิดรับซ่อมเครื่องยนต์...” เธอจึงเล่าออกมาต่อ
“จบช่างกันมาหรือเปล่า เผื่อผมจะได้ฝากงานที่บริษัทของอาโมทย์ให้” เขาจึงถามขึ้นมาอีก เมื่อรู้ว่าทั้งคู่จบสายอาชีพมา
เผื่อเขาจะได้ฝากให้ทำงานกับคนที่เขานับถือ ซึ่งเป็นบริษัทจัดจำหน่ายรถหรูซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศและโชว์รูมศูนย์ซ่อมอีกต่าง ๆ ที่ใหญ่มากพอสมควร และบิดาของเขาก็มีหุ้นส่วนรวมอยู่ในนั้นด้วย ถึงแม้จะไม่เยอะก็ตาม...
“คะ จบช่างกันมา”
“พอดีเลยบริษัทของอาโมทย์ต้องการช่างอยู่พอดี ดู ๆ แล้วก็น่าจะชอบกันในด้านนี้พอตัวอยู่ เพราะผมเห็นรถมอเตอร์ไซค์สองคันจอดอยู่ที่บ้านคุณ”
“ก็ตามประสาของวัยรุ่นต่างจังหวัด ยังไงนุชฝากน้องด้วยนะคะ” เธอเอ่ยบอกเขา เพราะเป็นไปตามเทรนด์ของเด็กต่างจังหวัดที่มักจะแต่งรถแข่งอวดกัน ตามแบบของวัยรุ่นบ้าน ๆ ซึ่งไม่ได้หรูหราอะไรเหมือนเด็กในเมือง
“น้องคุณก็เหมือนน้องผม” เขาพูดคนเดียวเสียงเบาหวิว
“คุณภัทรว่าอะไรนะคะ!” แต่ก็ทำให้คนที่นั่งข้าง ๆ ได้ยินอยู่บ้าง เพราะภายในรถที่มีแต่ความเงียบ
“เปล่า”
“ขอบคุณนะคะ”
“ขอบคุณผมเรื่องอะไร”
“ขอบคุณ ที่คุณไม่รังเกียดคนบ้าน ๆ แบบนุช และน้อง ๆ ของนุชด้วย” เธอเอ่ยขอบคุณเขาขึ้นมาอย่างสุดซึ้ง เพราะเขาไม่เคยที่จะรังเกียดเธอเลย เมื่อรู้ว่าเธอเป็นคนมาจากที่ไหน
“ผมไม่เคยดูคนที่ฐานะ หรือชาติกำเนิดหรอกนะนุช เพราะผมก็ไม่ใช่ลูกของคุณพ่อ ผมยิ่งแต่ไม่รู้ชาติกำเนิดของตัวเองเสียด้วยซ้ำ รู้ความอีกทีตัวเองก็อยู่ในสถานเด็กกำพร้าแล้ว” เขาบอกเธอออกไป เพราะเขาเองก็ไม่ใช่คนที่เกิดมาในตระกูลดี เพียงแต่ถูกคนที่มีฐานะเลี้ยงอุปการะมาเท่านั้น
“แต่คุณก็วาสนาดีกว่าพวกเราอยู่นะคะ ที่มีคุณท่านอุปการะเลี้ยงมาอย่างดี จนกลายมาเป็นซีอีโอ เป็นบอสของทุกคนจนถึงวันนี้”
“ชะตาคงลิขิตเอาไว้แล้ว เหมือนที่ผมได้มาเจอคุณ” เขาพูดเสียงเบาหวิวในประโยคสุดท้าย เพราะกลัวว่าเอจะได้ยิน
แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นจากหูของชญานุชได้ เพราะเธอได้ยินในสิ่งที่เขาพูดมาทุกคำอย่างชัดเจน จนเธออดที่จะคิดไม่ได้
“นี่คุณภัทรไม่ได้คิดจะจีบนุชจริง ๆ หรอกใช่ไหมคะ” ชญานุชจึงตัดสินใจถามในสิ่งที่เธอคิดเข้าข้างตัวเองมาโดยตลอด
เพราะเจ้านายหนุ่มที่ปฏิบัติต่อเธอ ไม่เหมือนกับปฏิบัติต่อพนักงานคนอื่น ๆ แถมยังขับรถมารับส่งเธอเองด้วย ทั้ง ๆ ที่คนระดับเขาต้องมีคนขับรถให้นั่งอยู่แล้ว แต่เขาเลือกที่จะขับรถเอง
“ถามออกมาตรงดีนะ ดีเหมือนกันแบบนี้แหละผมชอบคนตรง ๆ”
“บอส!”
“ผมชอบคุณจริง ๆ นะนุช คุณดูไม่ออกเลยหรือไง ว่าที่ผมเทียวไปรับไปส่งคุณอยู่ทุกวันนี้คืออะไร ทั้ง ๆ ที่บ้านผมกับบ้านคุณก็อยู่คนละเส้นทางจากไปที่ทำงานเลย” เขาพสารภาพออกมา พร้อมกับเอื้อมมืออีกข้าง ที่ไม่ได้จับพวงมาลัยรถ มากุมมือนุ่มของเธอเอาไว้ ไปวางที่หน้าตักของเขา
