ตอนที่ 3 กลัวมึงเอาเมียก่อน
กลัวมึงเอาเมียก่อน
รุ่งเช้า
คุณพัฒน์และชนาวุฒิลุกแต่เช้าตรู่ เพราะวันนี้ต้องเตรียมตัวไปหาสมัครงาน และอีกอย่างก็เกรงใจเจ้าของบ้านด้วย เพราะตัวเองก็ถือว่าเป็นแขกมาขออาศัย
ทั้งสองลุกมาทำกับข้าวไว้รอเจ้าของบ้าน โดยที่คุณพัฒน์เป็นคนเข้าครัวเอง มีชนาวุฒิที่เป็นลูกมือถูกบังคับให้ตื่นตามแต่เช้า
“ไผมาแต่เช้า” (ใครมาแต่เช้า) ชนาวุฒิบ่นพึมพำอยู่ เมื่อมีคนมากดออดที่หน้าบ้าน
“มึงกะออกไปเบิ้งตี้ล่ะ” (มึงก็ออกไปดูสิ) คุณพัฒน์พูดให้เพื่อนออกไปดุ เพราะเจ้าตัวมัวแต่วุ่นอยู่กับการปรุงอาหาร
“มาหาใครครับ” เสียงเข้มเอ่ยถามขึ้นมาทันที เป็นภาษากลางเพราะสังเกตว่าคนตรงหน้าคงจะฟังภาษาบ้านเกิดของพวกตนไม่เข้าใจเป็นแน่
ชนาวุฒิเดินออกไปเปิดประตู เมื่อมีคนมากดสัญญาณออดอยู่ที่หน้าบ้านของพี่สาว แต่กลับพบชายหนุ่มร่างสูงยืนอยู่ สายตาคมกวาดมองสำรวจชายหนุ่มผู้นั้นตั้งแต่หัวจรดเท้า อย่างพิจารณา
ชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าหล่อเหล่าราวกับพระเอกในเทพนิยายหลุดออกมา ผมถูกเซ็ตเป็นทรง จมูกโด่งรับกับปากหยักได้รูปสีสด แต่งกายดูมีภูมิฐาน มองแค่ภายนอกก็ดูออกว่าเป็นคนมีฐานะ เพราะรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน ที่เป็นโลโก้ของต่างประเทศ
“อ้าว! บะ...คุณภัทรมาถึงนานยังคะ” เสียงชญานุชดังขึ้นมาเสียก่อน เมื่อเปิดประตูออกมาจากห้องกลับพบกับเจ้านายหนุ่มของเธอเดินเข้ามาภายในบ้านตามหลังน้องชายมาติด ๆ
คำว่าบอสที่กำลังจะเปล่งออกมานั้นต้องกลืนลงไป เพราะเขาเคยบอกว่าอยู่นอกบริษัทหรือนอกเวลางานห้ามให้เธอเรียก...
ชายหนุ่มร่างสูง ไม่ได้สนใจชายหนุ่มที่มองตน แต่กลับเดินเข้าไปหาหญิงสาวอย่างเสียมารยาท เพราะเขามาหาเจ้าของบ้านเป็นประจำอยู่แล้ว เพียงแต่วันนี้นั้นกลับเจอผู้ชายสองคนอยู่ที่นี่ด้วย
“พึ่งมาถึง แล้วสองคนนี้คือ...” เสียงนุ่มเอ่ยตอบ แล้วถามเธอกลับไปพร้อมมองไปยังทางที่ทั้งสองหนุ่มนั้นอยู่
ธนภัทร ชายหนุ่มวัย 35 ปี เป็นเจ้านายของชญานุช และเป็นลูกชายเจ้าของบริษัทที่ชญานุชทำงานอยู่นั่นเอง เขามักจะมารับเลขาสาวของเขาเกือบทุกเช้า เพราะกำลังขายขนมจีบให้แก่เจ้าหล่อนอยู่ด้วย
“น้องชายนุชเองคะ พึ่งเดินทางมาถึงกันเมื่อคืนนี้เอง ทั้งสองมาหางานทำ นุชเลยให้น้องพักอยู่ด้วยกันก่อน จนกว่าน้องจะหางานทำได้” ชญานุชเอ่ยบอกเจ้านายหนุ่มออกไปตามตรง
“สวัสดีครับ” เป็นคุณพัฒน์วางทุกอย่างลง แล้วหันมาเอ่ยทักทายผู้ที่มีอายุมากกว่าขึ้นมาก่อนอย่างนอบน้อม
“คนนี้เกื้อกูลเป็นเพื่อนของน้องชายนุชคะ และนั่นก็น้องชายแท้ ๆ ของนุชเอง ชนาวุฒิคะ” ชญานุชเอ่ยแนะนำน้องชายทั้งสองให้เจ้านายหนุ่มได้รู้จัก
“วุฒิเกื้อ นี่คุณภัทร เป็นเจ้านายของเอื้อยเอง” (วุฒิเกื้อ นี่คุณภัทร เป็นเจ้านายพี่เอง)
แล้วชญานุชก็หันมาเอ่ยแนะนำเจ้านายหนุ่มกับน้องชายได้รู้จักด้วย เพราะเห็นสายตาที่มีแต่คำถามของน้องชายมองอยู่
“สวัสดีครับ” ชนาวุฒิจึงรีบยกมือขึ้นไหว้ เมื่อทราบว่าชายหนุ่มผู้นี้นั้นคือใคร ถึงแม้อยากจะถามอะไรออกไป แต่ก็ต้องเก็บเอาไว้ก่อน รอฟังความจากปากของพี่สาว
“ไปกันได้หรือยัง เดี่ยวรถจะติดอีก” ธนภัทรผงกก้มศีรษะลงเล็กน้อย เพื่อเป็นการรับไหว้ชายหนุ่มทั้งสอง แล้วหันมาเอ่ยกับหญิงสาวเพียงคนเดียวตรงนี้
“วุฒิเกื้อ กินข้าวกันเลยเด้อ เอื้อยต้องไปเฮ็ดงานแล้ว” (วุฒิเกื้อ กินข้าวกันเลยนะ พี่ต้องไปทำงานแล้ว)
ชญานุชหันมาสั่งน้องทั้งสอง ก่อนที่จะเดินออกจากบ้านไป เพราะนี่ก็ใกล้ถึงเวลาที่เธอต้องไปทำงานแล้ว และก็เกรงใจเจ้าานายหนุ่มที่มารอรับด้วย
“เอื้อยกู ไปลักมีผัวตั้งแต่ตอนใดว่ะ” (พี่สาวกู ไปแอบมีสามีตั้งแต่ตอนไหนว่ะ) ชนาวุฒิพึมพำออกมาทันที ที่พี่สาวเดินออกไปแล้ว
“มึงเว้าให้มันดี ๆ แน่บักอันนี่ นั่นเอื้อยมึงเด้” (มึงพูดให้มันดี ๆ หน่อยไอ้หมอนี่ นั่นพี่สาวมึงนะ) คุณพัฒน์ได้แต่ตำหนิเพื่อนขึ้นมาทันที เมื่อเพื่อนพูดถึงพี่สาวตัวเองโต้ง ๆ ออกมาแบบนี้
รู้อยู่หรอก ว่าคนต่างจังหวัดแบบพวกเขาก็ชอบพูดอะไรกันที่ตรง ๆ ไม่เคยอ้อมค้อม แต่ก็อยากให้เพื่อนให้เกียรติพี่สาวตัวเองบ้าง เพราะยังไม่รู้เลยว่าความจริงนั้นเป็นแบบไหน
“หล่อคือจังดารา เท่ห์คักอีหลี ซาตินี้เฮาสิมีวาสนาได้ขับรถแบบนั้นบ่วะเกื้อ” (หล่อเหมือนดารา เท่ห์มาก ๆ ด้วย ชาตินี้พวกเราจะมีวาสนาได้ขับรถแบบนั้นไหมวะเกื้อ) ชนาวุฒิเพ้อขึ้นมา เมื่อมองตามหลังพี่สาวและชายหนุ่มที่รถแล่นออกไปได้ไกลแล้ว
“วาสนาเฮามันกะส่ำนี้ มีหม่องอยู่หม่องนอนกะบุญหลายแล้ว ไปหากินข้าวกันได้แล้วจะได้ไปหาสมัครงาน” (วาสนาพวกเรามันก็แค่นี้แหละ มีที่อยู่ที่กินก็เป็นบุญมากแล้ว ไปหาข้าวกินกันได้แล้วจะได้ไปหาสมัครงาน) คุณพัฒน์รีบถ่อมตน และตัดพ้อชีวิตของเขาทันที
“ชีวิตมึงนี้มีแต่งานเนาะบักเกื้อ” (ชีวิตมึงนี้มีแต่งานนะไอ้เกื้อ) ชนาวุฒิได้แต่ส่ายหน้าให้กับอาการจริงจังในชีวิตที่มากเกินไปของเพื่อน
“กะกูตั้งใจมาหาเฮ็ดงาน กูบ่ได้มาหาแนมแต่สาวกรุงเทพคือมึงบักวุฒิ จักสินำดากกูมาเฮ็ดหยังดอก” (ก็กูตั้งใจมาหาทำงาน ก็ไม่ได้มาหาเหล่สาวกรุงเทพเหมือนมึงนะไอ้วุฒิ ไม่รู้จะตามตูดกูมาทำไม) ได้ทีคุณพัฒน์ก็ต่อว่าเพื่อนขึ้นมา แถมยังไม่วายที่จะเอ่ยแซวออกมาด้วย
“ย่านมึงเอาเมียหนีจากกูก่อน เลยต้องนำมาเฝ้า” (กลัวมึงชิ่งเอาเมียก่อนกู เลยต้องตามมาเฝ้า) ชนาวุฒิตอบทีแบบเล่นทีที่ติดตลก เพราะอยากให้เพื่อนคลายเครียดบ้าง
“เว้าคือจังว่ามึงเป็นเมียกู” (พูดอย่างกับมึงเป็นเมียกู)
“ให่เป็นบ่ล่ะ” (ให้เป็นไหมล่ะ)
“บักห่าวุฒิ!!!” (ไอ้ห่าวุฒิ!!!)
“เว้าเล่น หยอก ๆ แฮร่” (พูดเล่น หยอก ๆ แฮร่)
ทั้งสองหัวเราะออกมาทันที เพราะชอบหยอกล้อกันเป็นประจำตั้งแต่ไหน แต่ไรมาอยู่แล้ว จนบางทีผู้หญิงที่เห็นพวกเขาอยู่ด้วยกัน ก็ไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้ เพราะคิดว่าพวกเขานั้นจะชอบไม้ป่าเดียวกัน
