บทที่ 4
“เขาเป็นช่างภาพระดับไฮเอนด์มากเลยนะ นิเปิดดูผลงานของเขาแล้วละ อลังการสุดๆ แต่เหมือนปกติเขาจะไม่ได้รับงานในไทย แปลกจัง หรือเป็นช่วงที่เขากลับมาเยี่ยมบ้านพอดี”
นิรมลยังคงตั้งคำถามด้วยความฉงน ไม่ได้รู้สึกถึงอาการเงียบลงของเพื่อนสาวแม้สักนิด ดวงตาสีนิลทอดมองช่างกล้องคนใหม่ที่กำลังยืนรอรับกระเป๋าจากสายพาน
“ดูไปเขาก็หล่อ มาดเท่เนอะป่าน... หุ่นอย่างกับนายแบบ ไม่เห็นดูเซอร์เหมือนพวกอาร์ทิสต์อะไรอย่างนี้เลย เดี๋ยวต้องสัมภาษณ์สักหน่อย ดูประวัติน่าสนใจ โชคดีจังที่ได้เขามาถ่ายพรีเวดดิ้งให้แบบบังเอิญแบบนี้”
เจ้าของร่างสูงเดินเข้ามาก่อนที่อีกฝ่ายจะได้ตอบอะไร สายป่านก้าวไปอยู่ข้างหลังโดยอัตโนมัติ ในขณะที่นิรมลยิ้มรับด้วยสีหน้ายินดี
“เพิ่งรู้ว่าคุณวินเป็นช่างภาพของเนชั่นแนล จีโอกราฟิก... ป่าน เพื่อนของนิเขาเป็นแฟนคุณอยู่นะคะ”
“นิ...”
ไม่เพียงแต่คนด้านหลังที่ร้องขึ้นมา อาชวินก็ชะงักมือที่กำลังลากกระเป๋า... หันมามองนิรมลที่ยังคงพูดต่อเจื้อยแจ้ว
“ก็ป่านรู้จักเขาก็แสดงว่าเป็นแฟนหนังสือของคุณวินสิ... ไม่อย่างนั้นจะจำได้ยังไงว่าคุณวินเป็นช่างภาพให้เนชั่นแนล จีโอกราฟิก”
มือที่กำกระเป๋าเดินทางแน่นอยู่นั้นคลายลงเล็กน้อย ช่างกล้องหนุ่มเหยียดริมฝีปากเป็นรอยยิ้มขณะบอก
“ยินดีครับ และรู้สึกเป็นเกียรติมากด้วยที่มีคนจำได้...”
“ไม่เป็นไรค่ะ นิจะเป็นแฟนคลับคุณวินคนต่อไป แค่เปิดดูผลงานเก่าๆ ก็ตะลึงแล้วค่ะ ถ้าเพื่อนคุณวินไม่ป่วย สงสัยนิจะไม่มีวาสนา”
“ค่าตัวผมไม่ได้แพงขนาดนั้นหรอก... กอล์ฟเป็นเพื่อนสนิท เขาเองก็อยากมาถ้าไม่ติดว่าขาหักเสียก่อน เผอิญผมเป็นคนทำให้เขาต้องมาซวย เลยต้องอาสามาทำงานให้แทน”
“นิดีใจมากเลยนะคะที่ได้คุณมาถ่ายพรีเวดดิ้งให้ ไม่อยากคิดอยากฝันเลย”
อาชวินหัวเราะเสียงห้าว แววตายามมองว่าที่เจ้าสาวตรงหน้าดูอ่อนลง รอยยิ้มบางๆ พราวขึ้นบนใบหน้าคมสันยามเดินตามนิรมลและภาคภูมิไปยังประตูทางออก
“ป่าน... หิวไหม หาอะไรกินก่อน”
“ไม่เป็นไรหรอกนิ เรากินรองท้องมาบ้างแล้ว” เพื่อนที่อยู่ในอาการเงียบมาตลอดตอบกลับเรียบๆ วางกระเป๋าขึ้นเครื่องไว้บนเก้าอี้หน้าเกต ก่อนจะนั่งลง หางตาเห็นเพื่อนตัวเองกำลังถามอาชวิน
“กินอะไรมาหรือยังคะ กาแฟหรืออาหารเช้าสักหน่อยไหม”
“ไม่เป็นไรครับผมกินมาแล้ว”
“พี่ภูมิหิวแล้วแน่ๆ เมื่อคืนไม่ได้กินอะไรเลย มัวแต่วุ่นๆ เรื่องช่างกล้องป่วย นิขอตัวพาพี่ภูมิไปหาอะไรกินสักแป๊บนะคะ... ถ้าอย่างนั้นฝากกระเป๋าไว้กับป่านก่อนได้ไหม นิขี้เกียจถือใบใหญ่ไป”
สายป่านพยักหน้าเพียงนิด ก่อนที่นิรมลจะผละจากไปพร้อมกับภาคภูมิ... ทิ้งให้หญิงสาวนั่งอยู่เพียงลำพังกับเจ้าของร่างสูงที่ยืนอยู่ใกล้... ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่ง ที่เขายืนอยู่ที่เดิม ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยเสียงห้วนห้าว
“โลกกลมจังเลยนะ... ไม่คิดว่าจะเจอกันอีก”
“ค่ะ”
คำตอบแสนสั้นจากหญิงสาวที่กำหูกระเป๋าของตัวเองแน่น ดวงตาเหม่อลอยมองนาฬิกา ไม่ยอมหันมาสบตาสีเข้มคู่คมนั้น
“เพิ่งทราบว่าคุณมีเพื่อนเป็นช่างกล้องอยู่ที่ไทยด้วย”
“ไม่แปลกใจที่คุณจะไม่รู้...”
น้ำเสียงห่างเหินไม่ใช่ว่าไม่คุ้นเคยนัก หากแต่หล่อนไม่ได้ใส่ใจเก็บมาเป็นเรื่องราว ถอนหายใจ เตรียมพาสปอร์ตและเอกสารจุกจิกของตัวเองเงียบๆ เพียงลำพัง
