บท
ตั้งค่า

บทที่3

                

             บทที่3 หยามกันมาก

บ้านมินิมอลสไตล์นอร์ดิก

เป็นบ้านที่เจ้าสมุทร ออกแบบเองทั้งหมด เนื่องจากว่าตนเองนั้นไม่ได้อยู่กับครอบครัว เพราะจากบ้านเดิมไกลกับที่ทำงานเอามาก ๆ เลยตัดสินใจสร้างบ้าน ...อีกนัยต์นึงก็รักความเป็นส่วนตัวด้วยเลย ย้ายมาอยู่เองคนเดียว...  โดยมีแม่บ้านเป็นชาว พม่า ที่ทำงานให้เจ้าสมุทรมา 3ปีแล้ว งานไม่ได้หนักอะไรมากแค่ดูแลความเรียบร้อยในบ้าน เช่นปัดกวาดเช็ดถู ทำอาหารตามที่เจ้านายสั่งเพียงเท่านั้น และก็คอยดูแล ขนุน แมวสีสลิดปนทองตัวป่วนประจำบ้าน...

รถเก๋งคันหรูเคลื่อนเข้ามาจอดที่โรงจอดรถ ก่อนที่ชายหนุ่มจะดับเครื่อง และลงมาสำรวจรถแต่ละจุด  ว่ามีตรงไหนเสียหายบ้าง จะได้ส่งรถเข้าอู่ ในวันพรุ่งนี้

 " คุณ สมุทรกลับมาแล้ว ล่ะคะ ? "

มะขิ่น หญิงสาวชาวเมียนมา วิ่งออกมาต้อนรับ ก่อนจะทำหน้าตาตื่นตกใจเมื่อเห็นสภาพรถของเจ้านาย ที่ด้านหน้ามันช่างยับเยิน เหลือเกิน

" วู้ตายแล้ว ๆ !! ไปชนกะ อะไรมากันล่ะคะเนี้ย !!" 

" แมวหล่นทับ "

" หะ  !! มะ!! แมวตัว ไหนคะ "

 มะขิ่นหญิงสาวพม่าก็ทำทีท่าหน้าตาตื่นตกใจ ...ถึงมะขิ่นจะอยู่ที่ไทยนานกว่า 3ปี แล้วก็ยังไม่ค่อยชำนาญเรื่องภาษานัก ศัทพ์บางคำก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเลย อาจจะพูดชัดบ้างไม่ชัดบ้างในบางที... 

" พูดเล่น น่ะ ฉันประมาทเอง เลยขับรถชนคน ตัวเขาลอยขึ้นมาอยู่บนหน้ารถ... เธอเห็นไหมล่ะ กระจกด้านนี้ร้าว "

เจ้าสมุทรชี้ตำแหน่งบอกให้มะขิ่น ได้รู้ก่อนหญิงสาวจะพยักหน้าเข้าใจ 

" ละ คุณ คนนั้นเปง ยังไงบ้างคะ  มะเปง อะไรมากใช่มั้ย ? "

" ไม่เป็นน้อยน่ะสิ ....  "

" คุณอย่าบอกนะ นะคะว่า.... คุณ ชง คนตาย!!! "

มะขิ่นตกใจรีบถอยหลังกรู... ทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเล็กน้อยและส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเล่าความจริง ให้ มะขิ่นฟัง ไม่งั้นอาจจะตีความผิดไปมากกว่านี้.. 

" ไม่ตาย .... แต่ตาบอด "

" ตะ..!! ตาบอก! "

" ตาบอด "

" ตาบอก "

" เห้ออ !! พูดว่าบอดก็ยังจะบอกอีกนะ  "

เล่าเหตุการณ์ให้ได้เข้าใจแล้ว ไหนจะยังต้อง แปลภาษาอีกด้วย.... เขาละปวดหัวจริง ๆ 

" นะ... น่าสงสาร จัง เลอะค่ะ  "

" สงสารใช่ไหม ...สงสารล่ะก็ ต่อไปนี้เธอก็เป็นคนดูแลไปเลย เข้าใจมั้ย "

" ห้ะ !! คะ!! คุณสมุทรว่ายังไงนะคะ ? "

" ฉันบอกให้เธอรับหน้าที่ดูแลยัยเด็กนั่นแทนฉันที ... ลำพังงานฉันก็ยุ่งจะตายอยู่แล้ว "

" แต่ มะขิ่น มะ ได้ชงนะคะ "

มะขิ่น คงปฎิเสธไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นคนทำแต่ถ้าเจ้านายสั่งก็ต้องดูแล 

" ก็ไม่ได้ชนไง แต่นี่คือคำสั่ง "

ชายหนุ่มสะบัดปอยที่ปกคลุมหน้าออก ก่อนจะยืนเท้าเอวสั่งสาวใช้... หญิงสาวก็ได้แต่ทำหน้างง 

" อ่า ค่ะ ๆ  "

" มีอะไรก็ไปทำไป "

" มะ มีอะไรให้ทำ และ ค่ะ "

ชายหนุ่มทำหน้าเบื่อก่อนจะถอนหายใจออกมายาว ๆ และก็นึกอะไรขึ้นได้พอดี ส่ายตาทอดมองเข้าไปภายในบ้านเหมือนหาอะไรบางอย่าง 

" ขนุนไปไหนเนี่ย วันนี้ไม่เห็นมาอ้อน "

" อ้อ... เห็น เดิน ๆ ขึ้นไปข้างบน ห้องคุณสมุทรสงสัยน่าจะเข้าไปนอน "

" อ่อ....งั้นหรอ "

เมื่อก้าวเท้าขึ้นมาบนห้อง ก็เห็นแมวตัวอ้วนตะนุ นอนคลุกอยู่ที่ผ้าห่มผืนใหญ่สีเทาเข้ม .... ดูท่าน่าจะวิ่งเล่นซนจนเหนื่อย ถึงได้นอนอ้าแขน อ้าขา ขนาดนี้

" หึ... "

ไม่ว่าจะเครียดเรื่องอะไรมาทั้งวันแต่พอได้เห็นเจ้าขนุน แมวอ้วนตัวนี้ ความเครียดที่สะสมมาทั้งหมดก็หายไป ง่าย ๆ ....จากที่ไม่เคยชอบเลี้ยงอะไรแบบนี้ พอเจอลูกอ้อนเข้าหน่อยก็หลงจนโงหัวไม่ขึ้น..เรียกได้ว่าตอนนี้เป็นทาสแมวคนนึงแล้ว

( " เหมี๊ยวว~ ครืดด~ " )

มือหนาจับสัมผัสไปที่กลางพุงน้อย ของเจ้าขนุนด้วยความ และออกแรงเขย่าเบา ๆ ด้วย หมั่นเขี้ยว ... แมวตัวอ้วนที่ถูกรบกวนค่อย ๆ บิดขี้เกียจยืดทั้งมือและเท้าออกมาพร้อมกัน... พอลืมตาขึ้นมาเห็นคนก่อกวนก็โกรธไม่ลง..

" ไง... ตื่นแล้วหรอขนุน "

( " มะ..เหมี๊ยวว~ " )

เพราะนี่คือพ่อของปม...นั่นเอง ผู้สนับสนุนค่าอาหารเสริมของขนุน

" หึ... ไม่ต้องอ้อนพ่อเลยนะ .... ใครฉี่ไม่เป็นที่ "

( " ครื้ดด~ อื้ออ แอ๊วว~ " )

เมื่อโดนพ่อจับได้ว่าตัวเองทำผิดอะไร ก็กลัวถูกทำโทษ ... มีหวังพ่อต้องตี ไม่ก็ต้องถูกงดอาหารแน่ ๆ ไม่ได้การแล้ว ขนุนต้องงัดไม้ตาย ... แมวอ้วนเดินต้วมเตี้ยม เข้าไปหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเตียงนุ่ม ก่อนจะเอาหัวของหัวเองถูไถไปที่มือของเจ้าสมุทรอย่างหน้าเอ็นดู 

( " อ่ะ แง๊วว~ " )

"  ไม่ต้องอ้อนพ่อเลยนะเจ้าตัวดี "

" ถ้า ำแบบนี้พ่อจะงดอาหารขนุน 1 เดือนเอาไหม "

 ( " มะ อ๊าวว แง๊วว!! " )

เมื่อได้ยินว่าจะลดอาหารหูก็สะพึง... ไม่ได้การแล้วแค่เอาหัวถูไถ พ่อคงไม่หายโกรธ งั้นต้องแบบนี้แล้วกัน.... แมวอ้วนพอเห็นทีท่าว่าพ่อไม่เอามือมาลูบหัวสักที ก็ ค่อย ๆ เอาตีนย่ำๆ แล้วยืดตัวขึ้นไปเกาะที่บ่าของเจ้าสมุทร อีกทั้งยื่นจมูกชม พู ๆ เล็ก ๆ ที่หายใจ ฟึดฟัด หอมไปที่แก้มของพ่อ.... 

" ฮ่า ๆ อย่า ๆ ลงไปได้แล้วขนุน "

( " แม๊วว~ " )

พูดคำ ขนุนก็ตอบคำ... ใครว่าแมวไม่รู้เรื่องขนุนรู้เรื่องที่พ่อพูดทุกคำ

" ฮึ่บ! ใครมันจะไปลดอาหารลูกของพ่อลงได้ "

สุดท้าย พ่อก็แพ้ไม้ตายของขนุนอยู่ดี ... มือหนาสองมือค่อย ๆ รวบตัวเจ้าแมวอ้วนให้เข้าไปอยู่ในอ้อมแขน ก่อนจะแกว่งตัวไปมาให้เหมือนอุ้มเด็กน้อยอยู่ ....

" อีกไม่กี่วันจะมีคนมาอยู่ร่วมกับเราด้วยนะ  "

( " เหมี๊ยวว~ " ) ใครหรอ...ขนุนอยากเห็น

" ขนุนจะไม่ว่าอะไรพ่อใช่ไหม " 

( " มะ...ง๊าวว~~ " ) ขนุนจะไปว่าพ่อได้ไง นี่บ้านพ่อนะ 

" เห้อ.... พ่อไม่น่าประมาทเลย "

พอมาคิดดูแล้ว ก็น่าโมโหตัวเองเหลือเกิน บริษัท ก็เกิดปัญหามากพอแล้ว รอคนกลับไปแก้ไข หาทางออก สุดท้ายแล้ว ก็ต้องมาเสียเวลาเพราะเรื่องแบบนี้อีก .... จะโทษใครได้ก็ในเมื่อมันเป็นความผิดของตัวเอง 

20:15

ณ เวลานี้ ไอ้กลุ่มเพื่อนสนิทตัวดีก็โทรให้ออกไปนั่งดริ๊งแก้เซ็ง ทีแรกกะว่าจะไม่ออกไปแล้ว เพราะจะนั่งเช็ค ฝ่ายบัญชีของบริษัทที่เกิดปัญหาอยู่ในตอนนี้... แต่ก็รำคาญพวกมัน ...เร้าหรือกันอยู่ได้ ก็เลยจำเป็นที่จะต้องอาบน้ำแต่งตัวเซ็ทผมออกไปตามคำร้องขอ ของพวกมัน ....

ผับ vk Love

ปึ่ก!!! 

" ไอ้พล มึง!! แชร์ตำแหน่งเหี้ยอะไรมาให้กู "

ไม่ทันที่เพื่อน ๆ ในวงเหล้า 3-4 คนจะได้ทักทาย เจ้าสมุทรก็มาในสภาพใบหน้าเคร่งเครียด วางกุญแจรถกระทบกับโต๊ะจนเสียงดัง

" เอ้า... ก็ตำแหน่งร้านไง ... มึงหลงไหน " 

" กูก็ไปตามที่ GPS บอกไง ตำแหน่งที่แชร์มาให้กู "

" อ่าแล้วมึงไปไง "

" พากูเข้าป่านู้นออกป่านี้มีแต่ดง สับปะรดไอ้สัส "

" สรุปที่โมโหคือ ? ทะเลาะกับน้องจี ว่างั้น ? "

บ๊วย ที่นั่งหัวมุมโต๊ะถามด้วยอารมณ์ขบขัน 

"  เออดิ ... " 

" พอครับพอ ... นั่งลงครับเพื่อน ดื่มเหล้าให้ใจเย็นดีกว่า "

พลเลื่อนเก้าอี้ให้ ก่อนที่เจ้าสมุทรจะนั่งลงไปแล้วหยิบ เมนูเครื่องดื่มมาดู 

" เอา Orange Ice Cocktail มาที่นึงแล้วกัน "

พอเลือกเมนูที่ถูกใจแล้วก็บอก บาร์เทนเนอร์ไปก็ไม่วายโดนเพื่อนสนิทแซว

" กินอ่อนจังว่ะ "

" กูขับรถ "

" เอ้า รถคันที่ชนหรอ ? "

พลถามด้วยใบหน้าตกใจ .... 

" ปัญญาอ่อนบ้านกูมีรถคันเดียวหรอ "

" ครับพ่อคนรวย ... ขึ้นเงินเดือนให้กูด้วยนะครับ "

" ทำผลงานให้ดี แล้วพี่จะให้อย่างงาม "

บ๊วยกับเพื่อนอีกสองคนก็พากันขำ ถึงไม่ได้ร่วมทำงานอยู่ในบริษัทเดียวกัน แต่ก็พอรู้เกือบทุกเรื่อง... 

( " เครื่องดื่มได้แล้วครับ " )

ไม่นานนักเครื่องดื่มก็มาได้รวดเร็วทันใจ และถูกจัดวางอยู่ตรงหน้าของชายหนุ่ม

" ครับ "

" เอ่อ...สมุทร "

" หืม...ว่า ? "

ยก แอลกอฮอล์ดื่มได้เพียงอึกเดียวก็ได้ยินเสียงของบ๊วย ที่นั่งอยู่ตรงหัวมุมโต๊ะเรียก 

" บุษ กลับมาจากอังกฤษแล้วนะ มึงรู้ข่าวบ้างหรือยัง ? "

เจ้าสมุทร ใบหน้าถอดสีเมื่อได้ยินชื่อนี้ 

" มึง กูขอตัวไปเข้าห้องน้ำแปปนะ ฆ่าศึกโจมตี "

จู่ ๆ พลก็ลุกขึ้นพรวดพลาดเอามือจับท้องของตัวเองไว้ และก็ใช้มืออีกข้างตบไปที่ไหล่ของเจ้าสมุทร

" ใช่เวลาไหม " 

พอ พลเดินออกไป บ๊วยก็พูดต่อ.... 

" สรุปมึงรู้ไหม ...ที่กูถาม "

" มึงถามกูทำไม ... กูจะไปรู้เรื่องของเขาได้ยังไง ในเมื่อเลิกกันไปแล้ว "

" ไม่มีเรื่องอะไรที่กูจะต้องรับรู้เรื่องของผู้หญิงคนนั้น "

" ตอนนี้มึงคงไม่รู้สึกกับบุษ เหมือนเดิมแล้วสินะ "

ชายหนุ่มกระตุกรอยยิ้มที่มุมปาก... จะให้เขารู้สึกอะไรอีก... ก็ในเมื่อความรักในอดีตทำเขาเจ็บปวดขนาดไหน

" จะให้กู ไปรู้สึกอะไรกับผู้หญิงสำส่อนแบบนั้นอีก " 

ความเจ็บมันฝังลึกอยู่ภายในใจ .... ตัวเขาเองเคยมีรักแรกตอนสมัยเรียนอยู่ ม.6 สุดท้ายแล้ว ก็โดนสวมเขา วันนั้นเป็นวัน ปัจฉิมพอดี เขาดันไปเห็นภาพบาดตาบาดใจ เห็นอดีตแฟนยืนจูบกับผู้ชายคนนึงอยู่ จนถึงทุกวันนี้เขายังไม่รู้เลยว่าผู้ชายคนนี้คือใคร ...เขาเองก็ไม่รอถามเหตุผลอะไรทั้งนั้นเห็นแบบนี้แล้วใครมันอยากจะไปรักต่อได้ลง เขาเป็นคนจำพวกรักใครรักแรงเกลียดใครเกลียดแรงสะด้วยสิ

" ผ่านมานานหลายปีมึงยังไม่หายโกรธอีกหรอวะ "

" มึงลองมาเป็นกูไหมล่ะ ... ว่ากูเจ็บขนาดไหน " 

" ...... "

" จนถึงทุกวันนี้กูยังไม่รู้เลยว่าไอ้คนนั้นมันเป็นใคร  "

" ... มึง....คือ "

" หรือว่ามึงไปรู้อะไรมาแล้วไม่ยอมบอกกู ? "

" ..... "

" หรือเป็นมึงเองที่สวมเขากูตอนนั้น เพราะตลอดเวลามึงติดต่อกับบุษไม่ใช่หรอ "

" บ้า!! "

การออกมาเที่ยวในครั้งนี้ดูเหมือนจะเริ่มไม่สนุกแล้วล่ะสิ .... เพราะเจ้าสมุทรดูระแวงเพื่อนคนนี้เป็นพิเศษ  ส่วนอีกคนที่มานั่งร่วมวงนั้นไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่นัก ก็ได้แค่ห้ามปรามให้ทั้งสองนั้นค่อย ๆ คุยกันดี ๆ 

" มึงใจเย็นกันดิวะ "

" หรือไอ้คนนั้นมันเป็นมึงไอ้บ๊วย ! "

" ..... "

ยอมรับเลยว่าเมื่อก่อน บ๊วยสนิทกับเจ้าสมุทรมากกว่าทุกวันนี้ แต่ทั้งคู่ก็เริ่มห่างกัน ตั้งแต่เรียนจบม.ปลาย ต่อมหาลัยคนละ มอ ฝึกงานคนละที่ ไม่รู้เพราะเหตุอะไร ถึงทำให้สองคน ต้องตีตัวออกห่างกัน พึ่งจะได้กับมาคุยกันเหมือนเดิม ก็ตอน ที่ รู้ข่าวว่าเจ้าสมุทรเป็นเจ้าของบริษัท โรงงานหนังกระเป๋าส่งออกต่างประเทศทำแบรนด์เนมชั้นนำหลาย ๆ ยี่ห้อ

" มึงเป็นเพื่อนกู กูไม่หักหลังมึงหรอก "

" .....หรอ ? "

" นอกเสียจากมึงจะไม่เห็นกูเป็นเพื่อนแล้ว "

" แล้วมึงพูดเรื่องบุษขึ้นมาทำไม ! "

" ก็เพราะว่าบุษยังรักมึงอยู่ไง .... กูถึงได้ถาม ว่ามึงยังรู้สึกกับเขาอยู่ไหม "

" วันนั้นมึงตัดสินใจไวไป .... ที่เลิกติดต่อกับบุษไปแบบนั้น "

" แล้วมึงจะมาใส่ใจทำไมวะ ....มึงชอบบุษหรือไง! "

ตอนนี้เหมือนกับว่า ทั้งคู่ใช้อารมณ์กันมากกว่าเหตุผล เจ้าสมุทรเริ่มไม่ฟังเสียงเพื่อนห้ามใด ๆ ยิ่งนึกย้อนเหตุการณ์ในวันนั้นมันก็ยิ่งเริ่มทำให้เขาโกรธ เพื่อนสนิทอย่างบ๊วย ... ตนไม่รู้เลยว่าทำไม บ๊วยถึงยกเรื่องบุษขึ้นมาพูด ทั้ง ๆ ที่เขาก็เริ่มลืมไปได้ตั้งนานแล้ว 

" เออ ! กูชอบบุษ "

" อึ่ก !! ...

" ชอบมาก่อนที่มึงจะคบกันด้วยซ้ำ ! "

นั้นไง เขาเดาไม่ผิด ... สุดท้ายบ๊วยก็คือคนที่สวมเขาสินะ 

" เป็นอย่างที่กูคิด "

" มึงจะคิดเหี้ยอะไรก็แล้วแต่นะ .... กูไม่อยากจะพูดล่ะ .... ให้มันอยู่กับตัวกูไปนี่แหละ "

" แต่กูจะบอกอะไรให้นะ "

ฟรึ่บบ !!!! 

" ......"

บ๊วยลุกขึ้น ชี้หน้าเจ้าสมุทรก่อนจะพูด

" ระวังคนใกล้ตัวมึงให้ดีเถอะ ก่อนจะระวังคนอื่น " 

พูดจบบ๊วยก็เดินออกไปโดยไม่สนใจเพื่อนอีกสองคนที่พามา ...ทว่า สองคนนั้นก็ลุกตาม ออกไปด้วย.....ตอนนี้ที่นั่งตั้งเยอะแยะก็ว่างหมด เหลือแต่เจ้าสมุทรเพียงคนเดียว ที่ยังคงนั่งกินอยู่ที่โต๊ะ สายตาก็สอดส่องมองไอ้เพื่อนสนิทตัวดีอย่างพล... ที่ว่าขอไปเข้าห้องน้ำจนตอนนี้ก็ยังไม่โผล่หัวออกมาเลย ...

" ตกส้วมตายไปแล้วมั้ง "

ว่าแล้วก็หยิบโทรศัทพ์ขึ้นมาดู ก็รู้เหตุผลว่าทำไม พลถึงไม่ออกมาสักที ที่แท้ก็กลับไปแล้วนี่เอง 

{   LINE - พลพล    }

: มึงกูกลับก่อนนะ 

        :พอดีกูปวดท้องหนักอ่ะ กินต่อไม่หนุกแล้ว 

        :ขอโทษด้วยนะเว้ย เจอกันที่บริษัทนะ 

       อ่านแล้ว:

                       " อือ เคร เดี๋ยวกูจะกลับแล้วเหมือนกัน

พอคุยเสร็จ เจ้าสมุทรก็ปิดโทรศัทพ์ใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย เตรียมตัวจะกลับบ้าน .... ความคิดทั้งหมดถูกสลัดทิ้งตั้งแต่ บ๊วยเดินออกไปจากร้านแล้ว แต่ก็มีความคิดใหม่เข้ามาแทรก...พรุ่งนี้ตนก็คงยังไม่ได้เข้าไปดูที่บริษัทคงจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพลไป... เพราะเขาต้องไปดูอาการของยัยเด็กผู้หญิงตาบอดคนนั้น จากการกระทำของตัวเขาเอง

พอใจรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลอยู่ประมาน 4 วันได้หมอก็ให้กลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านซึ่งในจังหวะนั้นหมอก็ได้โทรติดต่อให้เจ้าสมุทรได้รับรู้ ก่อนจะออกไปจากโรงพยาบาล 

" ยาทุกอย่างกินตามเวลา ที่หมอบอกไว้เลยนะ ครับ"

" ส่วนเรื่องของดวงตาหมอจะนัดมาตรวจเช็คทุกอาทิตย์ คุณพอจะว่างไหม ? "

หมอธนินหันไปถามเจ้าสมุทรที่ยืนพิงกำแพงอยู่ ก่อนที่เขานั้นจะเดินมายืนอยู่ข้าง ๆ ตัวของหญิงสาว 

" ก็.... พอว่างครับ "

" ..... "

หญิงสาวได้แต่ฟังนิ่งไม่พูดอะไร 

" ส่วนนี่เป็นยาหยอดตานะครับ .... หยอดเฉพาะตอนเช้ากับเย็น ถ้ามันพอที่จะเห็นลาง ๆ รีบบอกคุณ สมุทรให้พามาหาหมอเลยนะครับ เข้าใจไหม " 

มืออุ่น ๆ ของหมอธนิน เเตะสัมผัส ไปที่มือของคนตัวเล็กที่กำไว้แน่น 

" (พยักหน้า )**  ...ค่ะ เข้าใจแล้ว "

" ..... "

เจ้าสมุทรที่ยืนดูอยู่ก็กรอกตาไปมา ทำท่าที เบื่อ ๆ ไม่ค่อยอยากสนใจนัก 

" ไม่มีอะไรแล้วครับเชิญกลับบ้านได้เลย " 

" ..... "

" มาครับเดี๋ยวหมอช่วยให้ลุก "

 " เอ่อ.... " 

เมื่อหมอพูดจบ ชายหนุ่มทั้งสองคนก็ทำที ว่าจะมาประครองตัวของหญิงสาว ...แต่เจ้าสมุทรนั้นกลับถูกพอใจปฏิเสธโดยการสะบัดแขนออกจากมือของเจ้าสมุทร เพราะเธอสัมผัสได้ว่าเป็นมือใคร .... แต่สาวเจ้าเลือกที่จะยื่นมือไปเกาะที่แขนของคุณหมอ ธนินแทน 

" ..... อือหือ...  "

ชายหนุ่มก็ได้แต่ข่ม ความไม่พอใจ เอาไว้ในใจตัวเองก่อน .... ทำแบบนี้มันเรียกหยามกันชัด ๆ ถึงจะเกลียดหรือไม่ชอบก็ไม่ควรสะบัดแขนออกไหม ... ?? เจ้าสมุทรมองดูแต่ตาในใจก็คิด ถึงบ้านก่อนจะแกล้งให้หน้าดูเลย ! 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel