บทที่สอง: ลูกในท้อง
บทที่สอง
ลูกในท้อง
เรือออกจากรีสอร์ตในช่วงเย็น กว่าจะเข้าไปถึงในตัวเมืองได้ต้องใช้เวลา เขาคาดว่าจะนำเธอส่งโรงพยาบาลเอกชน เมื่อดาริกาถึงมือหมอแล้วเขาจะไปนอนเฝ้าไข้
แต่เป็นเพราะตอนนี้ยังไม่ถึงฝั่งดี ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นช่วงเวลากลางคืน ลมทะเลช่วงเย็นพัดมาโกรกใบหน้า เส้นผมของภาวิกรณ์ลู่ไหวไปตามลม หัวใจของเขาเต้นระส่ำ
แม้บนเกาะจะมีหมอผู้หญิงหนึ่งคน และเขาให้เธอคอยดูแลรักษาอดีตคนรัก แต่กระนั้นไม่สามารถวัดได้ชัดเจนว่าร่างกายอีกคนจะเป็นอย่างไร อยู่ในสภาพไหน ภายในบอบช้ำมากเพียงไร
"คุณดาริกาลมหายใจเบามากเลยค่ะ" คุณหมอบอก ขณะที่อยู่ในเรือเล็กโอนเอนไปตามน้ำ เธอคอยตรวจอีกคนอย่างใกล้ชิด พร้อมกับรายงานนายหัวเป็นระยะ
ภาวิกรณ์ส่งเสียงจิ๊ออกมาอย่างขัดใจ ไม่คิดว่าเธอจะลอยแพมาติดเกาะด้วยสภาพแบบนี้ ไม่ทันรู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้น รู้ตัวอีกทีหญิงสาวก็มาอยู่ในสภาพแบบนี้เสียแล้ว
เขาอุ้มอีกคนลงจากเรือ ให้ลูกน้องขับรถไปส่งโรงพยาบาลเอกชนในตัวเมือง ก่อนจะพาหญิงสาวเข้าไปหาหมอถึงมือ
"ช่วยดาริกาด้วยนะครับ" บอกทั้งที่กลิ่นแอลกอฮอลล์ฉุนไปหมด หมอและพยาบาลเมื่อเห็นสภาพของคนประคองมาก็อดเบือนหน้าหนีไม่ได้ ยอดรีบเดินเข้ามาดึงตัวผู้เป็นนาย
"คุณดาถึงมือหมอแล้ว นายก็นั่งรอข้างนอกไม่ก็กลับไปล้างหน้าอาบน้ำเถอะครับ เนื้อตัวเต็มไปด้วยหินดินทรายแถมยังมีกลิ่นเหล้าหึ่งแบบนี้ ไม่ดีนะ" ลูกน้องบอก ภาวิกรณ์เพิ่งรู้ตัว
เขารีบกลับไปอาบน้ำล้างหน้า เปลี่ยนชุด รอคุณหมอกับนางพยาบาลรักษาอดีตคนรัก คนเดินเข้า-ออกห้องไปมา หญิงสาวลมหายใจรวยรินมาก จำเป็นต้องต่อท่อหายใจ
หมอจำเป็นจะต้องวัดความดันรวมไปถึงตรวจผลเลือดด้วย
หลังจากตรวจผลเลือดและอะไรหลายอย่างแล้ว คนเป็นหมอก็ออกมาแจ้งญาติด้านนอก
"คนไหนคือสามีของคุณดาริกาครับ" เขาถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ภาวิกรณ์ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เพราะตอนนี้เขาไม่ใช่สามีของหล่อน
"สามีเขาไม่อยู่ มีอะไรหรือเปล่าครับ" ถามด้วยความสงสัย ใบหน้าของหมอดูเคร่งเครียดมาก
"หมอขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับที่คนไข้แท้งลูกในครรภ์"
เหมือนโลกหยุดหมุน
โรงพยาบาลเงียบ ไร้ซึ่งเสียงเคลื่อนไหว
ชายหนุ่มหาเสียงของตัวเองไม่เจอ ความจริงอันโหดร้ายนี้ทำเขาเจ็บปวดจนแทบคลั่ง
ดาริกาแท้งลูก...
ลูกของเธอกับสามีใหม่...
"แล้วตอนนี้ดาริกาเป็นอย่างไรบ้างครับ"
"เพราะแท้งลูกในท้องทำให้คนไข้เสียเลือดมาก จำเป็นจะต้องมีการถ่ายโอนเลือดน่ะครับ... ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวก่อน" คุณหมอบอกแล้วผละออกไป
ภาวิกรณ์ตัวแข็ง ตกตะลึงและอึ้งเป็นอย่างมาก
ดาริกาไปมีลูกตอนไหน ทำไมเขาถึงไม่ทราบเรื่องนี้ แล้วนี่เธอแท้งอย่างนั้นหรือ แท้งได้อย่างไร
เรื่องนี้ความเป็นมามันเป็นอย่างไรกันแน่
หลายคำถามประดังประเดเข้ามาในหัว
ไร้ซึ่งคำตอบ..
ภาวิกรณ์ได้แต่ร้องขอต่อพระ ขอให้ช่วยหญิงสาวให้รอดพ้นจากเงื้อมมือยมทูต เอาอะไรมาแลกเขาก็ยอม
ร่างสูงอยากจะถามไถ่อีกคนเหลือเกินว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หนึ่งอาทิตย์ที่หายไปมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ
ขอเพียงแค่ดาริกาฟื้นขึ้นมาให้คำตอบเขา เอาอะไรมาแลกก็ได้ทั้งนั้น!
ร่างกายของคนไข้อ่อนแรงมาก เธอพักในห้องฉุกเฉินและไม่มีใครสามารถเข้าเยี่ยมได้ทั้งนั้น พยาบาลเดินไปเดินมาคอยช่วยรักษาตลอดทั้งวัน ผ่านไปสองวันก็ย้ายห้องไปเป็นห้องพิเศษ
ภาวิกรณ์เป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด เขานอนเฝ้าหญิงสาวที่โรงพยาบาล รอคอยให้เธอตื่นขึ้นมา แต่จนแล้วจนรอด ดาริกากลับไม่ยอมฟื้น
ในจังหวะที่กำลังจะถอดใจ จู่ ๆ ร่างบนเตียงก็เริ่มรู้สึกตัว นิ้วขยับเล็กน้อย ร่างเล็กค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ดวงตาปรับให้เข้ากับแสง ความเจ็บปวดแล่นเข้ามาเกาะกินร่างจนหน้าสวยเหยเก
"เจ็บ..." คำพูดแรกออกมาจากปาก
"อย่าเพิ่งขยับ" ภาวิกรณ์บอก ตรงเข้าไปหาหญิงสาว ประคองอีกคนขึ้นนั่ง เขากดปุ่มเรียกพยาบาลให้เข้ามาตรวจ
ดวงตาคมจับจ้องคนตรงหน้าอย่างเผลอไผล แม้เธอจะซูบซีดแต่ยังคงสวยและมีเสน่ห์ในสายตาอยู่เสมอ ไม่ได้เจอกันนานเป็นอาทิตย์ คนตรงหน้าก็ยังคงมีอิทธิพลต่อใจ
ว่าจะไม่รู้สึกอะไรด้วยแล้วแต่ก็ทำไม่ได้จริง ๆ
"เป็นอย่างไรบ้าง"
"เจ็บค่ะ...ละ...แล้วที่นี่ที่ไหน" ร่างบอบบางถาม กวาดสายตามองรอบห้อง
"โรงพยาบาล เธอลอยแพมาติดหน้ารีสอร์ต ฉันเลยช่วยไว้" ภาวิกรณ์ตอบ ดวงตาเธอไร้แววของความมีชีวิตชีวา
"ลอยแพ?"
"ใช่..เป็นอย่างไรมาอย่างไรถึงลอยมาติดแพได้" ชายหนุ่มถาม เขาอยากรู้ความจริงทั้งหมดว่ามันเกิดอะไรขึ้น คนตัวเล็กดูงุนงงกับสถานการณ์ตรงหน้า
"ฉันไม่รู้ค่ะ"
"เธอจำอะไรไม่ได้เลยหรือ"
มีเพียงการสั่นหัวบาง ๆ จากอีกคน ภาวิกรณ์ชะงักไป ยิ่งคนไข้ถามคำถามหนึ่งออกมา ยิ่งทำให้เขาประหลาดใจ
"ฉันคือใครหรือคะ"
เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจของชายหนุ่ม หญิงสาวไม่รู้ว่าตนเองเป็นใคร
"อย่าตลกหน่อยเลย ดาริกา"
"ดาริกา? ใครหรือคะ" คนตัวเล็กถึงกับงุนงง ในหัวนั้นโล่งไปหมด ไม่เหลือเค้าของความทรงจำเดิม เธอจำตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ
"อย่าบอกนะว่าพอฉันจับได้เรื่องแต่งงานใหม่ เธอก็ทำเป็นเฉไฉว่าจำอะไรไม่ได้ หึ..." เขาพ่นลมออกจมูก ลูกไม้แบบนี้ใช้ไม่ได้กับคนตัวโต
"แต่งงานใหม่? เฉไฉ? คุณพูดถึงเรื่องอะไร" หญิงสาวไม่เข้าใจ
"ก็ที่เธอหนีไปแต่งงานกับไอ้ลูกนักการเมืองอะไรนั่นไง อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้ว่าตัวเองก่อเรื่องอะไรไว้" เขาเริ่มมีน้ำโห ยิ่งนึกถึงชู้รักยิ่งทำให้เดือดดาล
"คุณพูดถึงใครคะ ฉันไม่เคยแต่งงานอะไรกับใคร แล้วคุณเป็นใคร ทำไมถึงมีสิทธิ์มาขึ้นเสียงใส่ฉัน" หญิงสาวบอกอย่างไม่พอใจ เป็นพ่อแม่ก็ไม่ใช่ คนรักก็ไม่ใช่ ทำไมถึงดูถูกเหยียดหยามเธอขนาดนี้
"ให้มันน้อย ๆ หน่อย ลูกไม้ตื้น ๆ อย่างความจำเสื่อมอะไรแบบนี้ใช้ไม่ได้ผลกับฉันหรอกนะ" ภาวิกรณ์ตะคอก ดึงมือของคนไข้บนเตียง สายน้ำเกลือแทบหลุดออกจากมืออีกฝ่าย
หญิงสาวน้ำตาไหล ว่าร่างกายเจ็บปวดมากแล้ว ยิ่งมาเจอคนใจร้ายที่ซัดทอดข้อกล่าวหาพวกนั้นให้อีก เธอผลักร่างสูงออก
ระหว่างที่กำลังทะเลาะกัน นางพยาบาลก็เคาะประตูแล้วเดินเข้ามาด้านในพอดี
"คนไข้อย่าเพิ่งลุกนะคะ เดี๋ยวจะไปเรียกหมอมาให้" บอกแล้วเดินออกไป ศึกจึงสงบลงด้วยดี
"ฉันอยากไปเข้าห้องน้ำค่ะ" ดาริกาบอก เพราะเจ็บปวดช่วงล่างมากเหลือเกินทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ต้องขอแรงจากอีกฝ่ายช่วย
"หมอไม่ให้ลงจากเตียง เธอฉี่ใส่กระโถนก่อนก็แล้วกัน" เขาบอก หญิงสาวรู้สึกอาย
"งั้นหันหลังไปหน่อยค่ะ" เธอคว้ากระโถนปลายเตียงขึ้นมารองก่อนจะถกกางเกงแล้วปัสสาวะ เลือดสีแดงไหลลงกระโถน ร่างบางนิ่วหน้าอย่างไม่เข้าใจ
"ทำไมเลือดสีแดงถึงไหลออกมาล่ะคะ"
"ถามฉันแล้วจะรู้ไหม" ร่างสูงบอกทั้งที่ยังหันหลังให้ หญิงสาวรู้สึกเศร้าที่อีกคนตอบไปแบบนั้น ใจคอเขาไม่คิดจะพูดดี ๆ กับหล่อนเลยหรือ หน้าตาก็ดี หล่อก็หล่อ แต่ทำไมถึงปากร้ายเหลือเกิน
