บทที่ 4 สัญญาข้ารับใช้
ตอนที่ 4
หลังจากที่ออกจากป่า เฉาเฟิงก็มาอยู่บ้านของชีเหนียง เฉาเฟิงยังปรับตัวไม่ได้ เพราะยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก แต่เฉาเฟิงก็ค่อยๆ เรียนรู้ปรับตัวบ้าง และหาวิธีที่จะทำให้พลังเขากลับมาด้วย
"เฉาเฟิง คุณลองใส่ชุดนี้ดูสิ ฉันว่ามันดูเข้ากับคุณมากกว่าชุดเดิมที่คุณใส่อยู่นะ ใส่เดินไปไหนมาไหนมีแต่คนมองว่าคุณเป็นตัวประหลาด และผมคุณด้วยมันยาวมากเลยนะ ให้ลุงเกาตัดให้เลยดีกว่า"
ชีเหนียงพูดพร้อมลากแขนเฉาเฟิงไปนั้งให้ลุงเกาตัดผมให้
"เจ้า.... หยุดนะ... จะทำอะไร" เฉาเฟิงทำท่าขัดขืนเล็กหน่อย แต่ก็ยอมให้ลุงเกาตัดผมให้เพราะอยากที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ไม่นานนัก ราชาปีศาจเฉาเฟิงก็ปราฏตัวต่อหน้าทุกคนด้วยชุดใหม่ที่ชีเหนียงหามาให้ซึ่งมันดูเข้ากับเขามากและผมสั้นทรงใหม่ที่เสริมให้ใบหน้าเขาดูหล่อเหลามากขึ้น
" เฉาเฟิง คุณดูดีมากเลยนะ" ชีเหนียงยังคงมองเฉาเฟิงอย่างกับโดนมนต์สระกด ยามที่เขากระพริบตา แววตาที่ดูแสนจะเย็บชาของเขามันช่างดูลึลับเหมือนถูกสระกดให้หยุดมอง
"พี่มองเขาตาค้างเลยนะ น้ำลายจะยืดออกมาแล้วนั้น" อาเฟยพูดแกมหยอกชีเหนียง
"หุปปากไปเลยอาเฟย มันไม่ขนาดนั้นสักหน่อย" ชีเหนียงหันไปมองค้อนอาเฟย สร้างความขบขันให้ลุงเกา ที่กำลังยืนมองพวกเขาเถียงกัน
"แต่คุณผอมไปหน่อยนะ ต้องกินข้าวเยอะ ๆ หน่อย ป่ะ เราไปกินข้าวกัน"
"ข้าไม่จำเป็นต้องกินอาหารของพวกเจ้า ข้าอยู่ได้ด้วยตบะของข้า"
"แต่คุณเป็นคนนะ คนเรานะต้องกินให้อิ่มท้องเราถึงจะมีชีวิตอยู่ต่อได้"
"นี้ข้าบอกเจ้าไปหลายรอบแล้วนะ เจ้าข้ารับใช้ ข้าคือราชาปีศาจ"
"ราชาปีศาจ ฉันก็เห็นคุณร่างกายเป็นคนอยู่ตรงหน้าฉันอยู่ตอนนี้ ไหนลองกลายร่างเป็นปีศาจให้ดูหน่อย"
"เจ้า........ ข้าแค่ยังให้พลังไม่ได้"
"งั้นคุณก็กินข้าวก่อนสิ"
อาฉี อาเฟย และลุงเกานั้งพร้อมหน้ากันที่โต๊ะกินข้าว พร้อมด้วยอาหารมากมายหน้าตาหน้ากิน อีกทั้งยังส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว ชีเหนียงจูงเฉาเฟิง มาที่โต๊ะกินข้าว
"ข้าไม่กิน....."
โครก --- คราก ----
"เสียงอะไร" ชีเหนียงพูดแล้วมองไปที่ท้องของเฉาเฟิง
โครก --- คราก -----
"แล้วบอกว่าไม่กิน ท้องร้องดังขนาดนี้ นั้งลง"
เฉงเฟิงนั้งลงตามแรงดึงของชีเหนียง เขาเอามือจับที่ท้องของตนเอง
(ข้าเป็นอะไร ข้าไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันคือความรู้สึกหิวซินะ )
เฉงเฟิงมองอาหารตรงหน้าและกลืนน้ำลายลงคอ (ข้าคงต้องกินสินะ )
"กินเลย ๆ ไม่ต้องอาย อ่ะ ลองกินนี้ดู ปีกไก่ชุปแป้งทอด กรอบๆ"
เฉาเฟิงหยิบปีกไก่ชุปแป้งทอดเข้าปากกินอย่างเก้ง ๆ กัง ๆ
"อื้มมมมมม" (มันรสชาติแบบนี้เองสินะ )
"อื้มมมมมม"
"แหมม..... อร่อยจนพูดไม่ออกเลยหรอ"
"ข้าไม่เคยกินอะไรรสชาติแปลกๆ แบบนี้มาก่อน"
"อ่ะ กินเยอะ ๆ เลยนะ" ชีเหนียงหยิบอาหารต่างให้เฉาเฟิงได้ลองกินอีก (นี้เขาไปอยู่ไหนมาแค่ไก่ทอดธรรมดายังไม่เคยกิน แปลกจัง )
"อาฉีดูพี่ฉีเหนียงสิ เห็นผู้หล่อหน่อยไม่ได้เลย"
"ไม่ใช้หรอกอาเฟย พี่ชีเหนียงแค่อยากได้กระบี่กับของโบราณที่ตัวเขามากว่า"
"นี้นายสองคนซุบซิบอะไรกัน"
"เปล่าครับ" เจ้าแฝดทั้งสองคนรีบปฎิเสธเสียงแข็ง
ค่ำวันนั้น เฉาเฟิงที่กำลังยืนอยู่บริเวณสวนด้านหลังบ้าน เขาครุ่นคิดหาทางให้ได้พลังกับคืน (หน้าจะมีปีศาจสักตัวให้ข้าเจอบ้าง ข้าจะได้ถามไถ่ถึงเผ่าปีศาจ)
"เฉาเฟิง คุณมายืนทำอะไรตรงนี้" ชีเหนียงที่อยู่ๆ ก็โผล่มาไม่ให้สุ่มให้เสียง
"เจ้ามีอะไร"
"กระบี่เล่มนั้น ของคุณเหรอ"
"ใช่"
"คือ ฉันขอดูหน่อยได้ไหม คุณเจอมาจากในถ้ำนั้นเหรอ"
"ทำไมข้าต้องให้เจ้าดู"
(สตรีขี้งกนี้คิดว่าข้าดูไม่ออกหรือว่าเจ้าอยากได้กระบี่ของข้า )
"ฉันแค่อยากเห็น บ้านฉันเป็นนักสะสมของเก่า ฉันก็แค่อยากศึกษาดูว่าเป็นของยุคไหน สมัยไหน"
"ไม่"
"เอ๊ะ นี้ขี้งกจังเลย"
ชีเหนียงทำเสียงจิ๊งปากอย่างไม่สบอารมณ์ (ใจแข็งชะมัดเลย ถ้าจะยากซะแล้ว)
ระหว่างที่คุยกันอยู่นั้น มีสายตาสีแดงกร่ำคู่หนึ่ง กำลังจองมองมาที่ทั้งสองคน อย่างหิวกระหาย ฉาเฟิงรับรู้ได้ทันที
"กลิ่นไอปีศาจ มีปีศาจอยู่แถวนี้" เฉงเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไม่มีอาการตื่นกลัวแต่ะอย่างใด
"อะไร ปีศาจอะไรอีก"
" ระวัง!!" สิ้นเสียงคำพูดของเฉาเฟิงกลุ่มควันสีแดงก็พุ่งเข้ามาใส่ทั่งสองที่ยืนอยู่ เฉาเฟิงดึงชีเหนียงออก และใช้ฝ่ามือของตนสกัดกันปีศาจตัวนั้นไว้ เปลวไฟโลกันต์ปรากฏขึ้นแผ่ขยายเป็นวงล้อมรอบเฉงเฟิงและชีเหนียงไว้
เฉงเฟิงยืนมือขึ้นไปที่ควันสีแดงกลุ่มนั้น ควันปีศาจนั้นก็ค่อยๆ จางหายกลายเป็นเด็กหนุ่มน้อยมีหางสีแดงอยู่ด้านหลัง มือข้างนั้นของเฉาเฟิงบีบที่คอด็กคนนั้นอยู่ เด็กคนนั้นได้แต่ดิ้นทุรนทุราย
เมื่อเห็นว่าเป็นแค่ปีศาจเด็ก เฉาเฟิงจึงปล่อยมือออก ปีศาจเด็กตนนั้นจึงร่วงหล่นไปกองอยู่กับพื้น
"เจ้าจิ้งจอกน้อย คิดจะทำอะไร"
"ผมผิดไปแล้วครับ ผมแค่หลงทางมาแถวนี้ เกิดหิวเลยทำเช่นนี้ครับ"
"แล้วพ่อแม่เจ้าล่ะ"
"พวกเราอาศัยอยู่ในป่าถัดจากเขาลูกนั้นไปอีกสามลูกครับ"
"แล้วพวกเจ้าทำร้ายมนุษย์เช่นนี้หรือ"
"ไม่ใช่ครับเป็นเพราะกระผมคึกคะนองเอง"
"ครั้งนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป แต่อย่าทำเช่นนี้อีก เจ้าไปตามพ่อแม่เจ้ามาหาข้าให้ได้"
"ได้ครับ ขอบคุณที่ให้โอกาสผมนะครับท่าน ..... "
"ข้าคือราชาปีศาจ เฉาเฟิง รีบไปซะ ข้าจะรออยู่ที่นี้"
จิ้งจอกน้อยพอได้ยินว่าเฉาเฟิงคือราชาปีศาจ แม้ตนเองอายุน้อยไม่กี่พันปีแต่ก็เคยได้ฟังพ่อกับแม่พูดถึงอยู่บ้าง ก็รีบก้มหัวคำนับอย่างลนลาน และตกปากรับคำก่อนจะกลายร่างเป็นจิ้งจอกวิ่งหายไปในความมืด
ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาชีเหนียงทั้หมด ชีเหนียงที่กำลังตะลึงอึ้งมองค้างอย่างไม่กระพริบตา
"นี้ นี้ มันคืออะไร"
เฉาเฟิงหันกับไปมองชีเหนียงด้านหลัง
"นั้นคือปีศาจจิ้งจอก"
"แล้ว...คุณ.... คือ"
"ข้า ราชาของเผ่าปีศาจ"
เปลือกตาของชีเหนียงค่อยๆ หลุบลงช้าๆ กับร่างกายที่หยุดการเคลื่อนไหวค่อยล้มลง เฉาเฟิงจึงรีบเข้าไปประคองไว้ได้ทันก่อนที่ชีเหนียงจะร่วงลงไปกระแทกกับพื้น
"เห็นปีศาจน้อยแค่นี้ถึงกับเป็นลมล้มพับไปเลยหรือไง อ่อนแอจริงๆ แต่ทำไมนางถึงไม่รู้เรื่องตราสัญลักษณ์ข้ารับใช้นะ เกิดอะไรกับครอบครัวนี้กันแน่"
เฉงเฟิงอุ้มชีเหนียงขึ้นมาเดินตรงไปที่ห้องนอน ค่อยๆ วางนางลงอย่างเบามือ ยืนมองดูร่างบางตรงหน้าที่เป็นลมไม่ได้สติ
ผ่านไปสองชั่วยาม เฉาเฟิงนั้งรอจนชีเหนียงตื่นขึ้นมา คร่าแรกเฉงเฟิงคิดว่าเมื่อชีเหนียวตื่นขึ้นมาแล้วจะหวาดกลัวโวยวาย แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ นางกับนอนลืมตานิ่งครุ่นคิดและลุกขึ้นมาถามเฉาเฟิงว่า ที่เห็นมันคืออะไร ทำไมมีปีศาจอยู่บนโลกนี้ เฉาเฟิงจึงเล่าความเป็นมาให้นางฟัง
"ไม่อยากจะเชื่อเลยยุคสมัยนี้ยังมีปีศาจอีกหรอ แล้วทำตั้งแต่เกิดมา ฉันยังไม่เคยเห็นเลยล่ะ "
"ไม่เห็นก็ใช่ว่าจะไม่มี แค่คนที่เห็นส่วนมากมักจะไม่มีใครรอดชีวิตไปบอกต่อยังไงล่ะ"
"แล้วทำไมคุณถึงไว้ชีวิตฉัน"
"เจ้าคือข้ารับใช้ของข้าในเผ่ามนุษย์ บรรพบุรุษของเจ้าทำสัญญาคำสาปกับเผ่าปีศาจไว้ การเป็นข้ารับใช้ ในช่วงอายุขัยมนุษย์นั้นพวกเจ้าสามารถขออะไรก็ได้หนึ่งข้อเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน และตอนนี้สัญลักษณ์รูปจันทร์เสี้ยวก็อยู่ที่คอเจ้า"
"แต่ฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย บรรพบุรุษคนไหนทำสัญญาก็เรื่องของเขาสิ แล้วทำไมฉันต้องยอมรับด้วย คุณละเมิดสิทธิส่วนบุคคลมากไปแล้วนะ"
" เจ้าพูดเพ้อเจ้ออะไร มันเป็นคำสาปผูกพันกับสัญญาด้วย"
"แล้วถ้าฉันไม่ทำตามคำสั่งคุณล่ะ หมายถึงยกเลิกสัญญานี้ได้ไหม"
"ก็ได้นะ เจ้าก็แค่ตาย ครอบครัวเจ้าพบกับความวิบัติ เพราะคำสาป"
"คุณมันราชาปีศาจชั่วร้าย"
"หุบปาก" (นางคนนี้ช่างดื้อด้านยิ่งนัก)
เฉาเฟิงใช้มือบีบคางของชีเหนียงอย่างแรง จนนางนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด มือสองข้างของชีเหนียงกำแขนและมือของเฉงเฟิงไว้พยายามจะแงะมือของเขาออกจากตนเอง แต่ไม่เป็นผล ชีเหนียงมองหน้าเฉาเฟิงดวงตาแดงกร่ำน้ำตาคลอด้วยความเจ็บปวด
เฉงเฟิงเห็นดังนั้น หัวใจปีศาจของเขากระตุกไหววูบ ปล่อยมือออกทันที ชีเหนียงขาอ่อนร่วงลงไปกองนั่งกับพื้น
"ถ้าไม่ยากตายก็ทำตามคำสั่งข้า หุบปากของเจ้าไว้ให้ดี"
เฉงเฟิงเดินออกมาจากห้องชีเหนียงทันที ระหว่างทางนั้นเขาได้ยินเสียงจิ้งจอก น่าจะเป็นพ่อแม่ของจิ้งจอกน้อยตัวนั้น เขาจึงออกตามเสียงนั้นไป
