บทที่ 19 ดอกบัวเริ่มผลิบานหากไร้ร่องรอย (1/3)
ถ่ายไปถ่ายมา จากตอนแรกที่จะมีแค่อลิซ เลยกลายเป็นพ่วงลูกแมวสองตัวเข้าไปด้วย ริเวอร์และเรเน่ก็เชื่อฟังอลิซอย่างยิ่ง เสียงเล็กๆ ใสๆ บอกให้ทำอะไร พวกมันก็ทำตามเป็นอย่างดี
“นั่ง” อลิซบอกเพื่อนรักทั้งสองตัว
เจ้าแมวน้อยคู่นี้ ตัวหนึ่งก็นั่ง ตัวหนึ่งก็นอน ถ่ายออกมาแล้วกลายเป็นว่าได้ภาพที่ทั้งน่ารักและตลกทั้งคนและแมว
การถ่ายทำโฆษณาดำเนินมาจนถึงตอนเย็นก็เสร็จสิ้น จากที่ตอนแรกทุกคนคิดว่ากว่าจะเสร็จน่าจะอีกสามสี่วัน แต่กลายเป็นวันเดียวเสร็จ และก่อนจะกลับบ้าน ทางสตูดิโอก็ยกของเล่นและตุ๊กตาให้อลิซเอากลับไปด้วย ทำเอาเด็กหญิงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างดีอกดีใจพร้อมกับกอดของเล่นและตุ๊กตาไว้แน่น
“ขอบคุณพี่ๆ เขาด้วยสิลูก” บุษลินบอกลูกสาว
“ขอบ คุณ ค่ะ” เด็กหญิงบอกเสียงดังสดใสแม้จะเป็นคำๆ แต่ก็ฟังรู้เรื่อง ทำให้ฝรั่งทั้งสตูดิโอเอ็นดูอลิซไปตามๆ กันจากที่เอ็นดูมากอยู่แล้วระหว่างที่ถ่ายโฆษณา
“เดี๋ยวรอตัดต่ออีกสองวัน แล้วก็คัดรูปที่จะทำภาพนิ่ง แล้วพวกเรามาดูผลงานของอลิซกัน” ชยพลบอก
เวลานี้ทุกคนกำลังนั่งอยู่ในสตูดิโอเพื่อดูหนังโฆษณาที่ตัดต่อเสร็จแล้ว
“โอ๊ยยยย หลานย่า น่ารักเหลือเกิน” หม่อมเจ้าภาวิดาหลุดปากออกมาทันทีที่เห็นภาพยนตร์โฆษณา
“อลิซ ดูสิ หนูอยู่ในนั้น จำได้มั้ยลูก” เสียงของหม่อมเจ้าอิศเรศรพูดกับหลานสาวคนโปรดที่นั่งอยู่บนตัก
หลานสาวตัวน้อยพยักหน้าหงึกหงัก นัยน์ตาดำใสแป๋วจ้องเป๋งอย่างสนใจพร้อมกับส่งเสียงอืออาที่เห็นตัวเอง
“เป็นไงคะ หนังโฆษณานี้ ถูกใจกันมั้ยคะ” ศศิมาถามขึ้นเมื่อหนังโฆษณาจบลง
“ถูกใจผมมาก คุณศศิ ยัยอลิซน่ารักจริงๆ ใครเห็นโฆษณานี้แล้วไม่ซื้อเสื้อผ้าเด็กนี่ ผมให้เตะเลย” ชยพลบอกออกมา
“จริงค่ะ อลิซน่ารักมาก เห็นแล้วอยากมีลูกสาวเดี๋ยวนี้เลย” พิมพาพูดขึ้น
“แล้วแกจะฉายโฆษณานี้เมื่อไหร่” หม่อมราชวงศ์อมเรนทร์ถามชยพล เขาเองก็พอใจโฆษณาชิ้นนี้ไม่น้อยเหมือนกัน
“อีกอาทิตย์หนึ่งค่ะ เราซื้อบิลบอร์ดโฆษณาไว้ช่วงนั้น ตอนนี้ต้องรีบส่งโฆษณาและภาพนิ่งนี้ให้ทุกช่องทางที่เราซื้อไว้ จะได้ขึ้นพร้อมกัน” ศศิมาบอก
“นี่เป็นโปสเตอร์ภาพนิ่งของน้องอลิซค่ะ ทั้งหมดห้ารูป เราสั่งพิมพ์ขึ้นมาแล้วจะไปติดโชว์ทุกสาขาในเอเชียและโอเชียเนีย” ศศิมายื่นม้วนภาพให้หม่อมราชวงศ์อมเรนทร์
“งานเสร็จแล้ว ต้องขอตัวกลับไทยก่อนนะคะคุณเรนทร์ ศศิยังต้องไปเคลียร์งานอีกเยอะ”
“ฉันก็จะพาครอบครัวกลับพรุ่งนี้เหมือนกัน” ชยพลบอก
“พ่อก็ว่าจะกลับพร้อมตาพล ที่บ้านมีผู้ใหญ่กันแค่เจ้าอิศกับยัยสา ยังไงก็ต้องกลับไปดูเสียหน่อย แล้วพ่อจะมาอีก” หม่อมเจ้าอิศเรศรก็เตรียมตัวกลับเช่นกัน
ผ่านไปอีกหนึ่งสัปดาห์ เมื่อหม่อมราชวงศ์อมเรนทร์ขับรถพาครอบครัวเข้าไปในตัวเมืองตอนเย็น จึงได้เห็นบิลบอร์ดขนาดใหญ่กำลังฉายโฆษณาของอลิซ เขาขับรถไปจอดที่ร้านอาหารทะเลแห่งหนึ่ง เมื่อทุกคนลงจากรถจึงได้ยินเสียงคนพูดคุยกันถึงหนังโฆษณานั้น
“โฆษณานั่น น่ารักมากเลย เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นใครนะ น่ารักจริงๆ ยิ่งกว่าตุ๊กตา”
“เด็กคนนั้นน่ารักมาก แมวก็น่ารัก เสื้อผ้าก็น่ารัก เห็นแล้วคงต้องซื้อให้ลูกใส่สักคนละชุด”
“เด็กคนนั้นยิ้มที ใจฉันอ่อนยวบเลย เด็กอะไรไม่รู้ น่ารักเหลือเกิน”
เสียงชื่นชมดังมาให้ทุกคนได้ยิน พวกเขาต้องยิ้มออกมา
“อลิซ ดังใหญ่แล้วนะลูก” บุษลินกระเซ้าบุตรสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของหม่อมเจ้าภาวิดา เด็กหญิงจ้องมองทุกอย่างรอบตัวอย่างสนใจ
“นั่น หนู” เสียงอลิซร้องบอกพร้อมกับชี้มือไปที่บิลบอร์ดขนาดใหญ่ที่กำลังฉายภาพของตนเอง
“ใช่แล้วลูก นั่นหนูอยู่บนนั้นไง” เสียงของหม่อมราชวงศ์อมเรนทร์บอกบุตรสาวอย่างอ่อนโยน
ผู้คนรอบข้างไม่มีใครทันสังเกตเลยว่าเด็กหญิงบนบิลบอร์ดนั้นเพิ่งผ่านพวกเขาไป
ผ่านไปอีกสองสัปดาห์ หม่อมราชวงศ์อมเรนทร์ก็ได้รับโทรศัพท์ขอบอกขอบใจจากชยพล เพราะหนังโฆษณาที่อลิซถ่ายได้รับความสนใจจากทุกที่ที่โฆษณาตัวนี้ถูกยิงออกไป ยอดขายของสาขาในแต่ละประเทศเพิ่มขึ้นมากจนต้องเร่งนำเข้าอีกล็อตใหญ่ แถมลูกค้าทุกคนยังขอภาพนิ่งของอลิซที่ติดไว้ในร้านไปด้วย ทำให้ชยพลต้องสั่งพิมพ์ภาพนิ่งอีกชุดมาติดไว้ในร้านทุกสาขา แต่สุดท้ายก็ยังถูกลูกค้าขอไปอยู่ดี
ชยพลจึงแก้ปัญหาด้วยการสั่งพิมพ์ใหม่อีกครั้ง แต่คราวนี้นอกจากติดไว้ในร้านสาขาทุกแห่งแล้ว เขายังกำหนดด้วยว่าหากซื้อเสื้อผ้าเด็กในร้านสองชิ้นจะได้ภาพนิ่งหนึ่งภาพ ภาพนิ่งทั้งชุดมีห้าภาพ ดังนั้น หากอยากได้ทั้งหมดก็ต้องซื้อสิบชิ้น และสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น ลูกค้าซื้อสิบชิ้นเพื่อเอาภาพนิ่งทั้งชุด และภาพนิ่งของอลิซก็ยังไม่พอกับความต้องการจนชยพลต้องสั่งพิมพ์ครั้งใหญ่ หากภาพเหล่านี้ก็ยังหมดไปอย่างรวดเร็วอยู่ดี
ชยพลจึงให้ติดประกาศไว้ทุกสาขาว่าทางแบรนด์ Blossom ขอให้ลูกค้าทุกคนที่ซื้อสินค้าจากร้านลงชื่อจองภาพไว้ จะได้พิมพ์แจกให้ครบทุกคนที่ซื้อสินค้าครบตามที่ทางแบรนด์กำหนด
หนังโฆษณาและภาพนิ่งของอลิซทำยอดขายเสื้อผ้าแบรนด์ Blossom ในเอเชียและโอเชียเนียได้สูงลิ่ว ผ่านไปหกเดือน ยอดขายทั้งเอเชียและโอเชียเนียก็ทะลุเป้าสองปีแรกที่ชยพลมีสัญญากับแบรนด์ต้นสังกัดไปไกล เกินค่าตัวแปดหมื่นดอลลาร์ไปมหาศาล ชยพลยิ้มไม่หุบ
