บทที่3.จบตอน
“กินข้าวต้มหน่อยนะนาง คุณยายอุตส่าห์ทำให้เลยนะ...” มือหนาตักข้าวต้มกุ้งที่มีกุ้งตัวโตน่ารับประทานพลางเป่าให้คลายร้อนแล้วนำมาจ่อที่ริมฝีปากบางซีดเซียวให้อย่างเอาใจ ในขณะเจ้าของริมฝีปากมองเขาตาเขียวปัดไม่ยอมรับไมตรีนั้น...
“คุณจะมาบ้านฉันทำไมแล้วยังเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของพวกเราอีก ทำไมไม่ปล่อยให้ทุกอย่างมันผ่านๆ ไป จบไป แล้วคุณก็ออกไปจากบ้านฉันซะอย่ามาข้องเกี่ยวอะไรกันอีก”
อังศณาพูดออกมาอย่างเหลืออดเมื่อชายหนุ่มที่เธอพยายามหลบหน้าและคอยหลีกหนีให้ห่างนั้นเข้ามาวนเวียนในชีวิตเธอแบบชนิดที่ว่าสลัดไม่หลุด นับตั้งแต่หลังจากคืนนั้นและสามวันมานี้ที่เธอไม่สบายจนต้องนอนซมอยู่บ้านเขาก็เสนอหน้าหล่อๆ มาคอยดูแลเธอราวคนรักก็ไม่ปาน ซึ่งมันทำให้หัวใจที่บอบช้ำของเธอเริ่มหวั่นไหว แต่เมื่อรู้ว่าเขาเป็นใครและเธอเป็นใคร อังศณาจึงบอกตัวเองว่าเธอควรอยู่ในที่ของเธอดีที่สุด ที่สำคัญชายหนุ่มตรงหน้าเธอนั้น มีคู่หมายแล้ว และหญิงสาวคนนั้นก็ทั้งสวยสง่าเพียบพร้อมเหมาะสมกับเขาทุกๆ ด้าน ส่วนเธอก็คงเป็นได้แค่ทางผ่าน และยังคงสดใหม่และเขาก็อาจจะยังติดใจอยู่ หญิงสาวคิดอย่างขมขื่น...
“เอาล่ะนะนาง ในเมื่อเธอขยันปฏิเสธฉันนัก ฉันก็จะทำให้เธอปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เรา เป็นอะไรกันบอกยายของเธอเลยดีไหม...”
ปฐวินวางช้อนลงอย่างเหนื่อยหน่ายแม่สาวยากจนจอมหยิ่งที่ขยันไล่เขาทั้งเช้าเย็นอย่างที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนทำมาก่อน นี่เจ้าหล่อนคงคิดว่าเขาจะต้องยอมเธอกระมัง...
“นี่คุณ อย่าพูดชุ่ยๆ นะ คิดว่าขู่ฉันได้เหรอ...”
“ทำไม ในเมื่อสิ่งที่ฉันจะพูดมันคือความจริง ฉันยอมเธอมามากแล้วนะ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้ามาไล่หรือขึ้นเสียงกับฉันแล้วเธอเป็นใครกันอังศณา...” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นและด้วยสรรพนามที่เข้าสู่สภาวะเดิม เขาหมดความอดทนที่จะต้องเอาใจเธอแล้วในเมื่อพูดกันดีๆ ไม่ได้ ก็ต้องใช้ไอ้วิธีเห็นแก่ตัวกันบ้างล่ะ
“คุณ...”
“หรือว่าเธออยากเรียกร้องอะไรบางอย่างจากฉันเลยทำเป็นเล่นตัว ก็รู้ใช่ไหมว่าฉันสนใจเธอ และเธอก็คงไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ต้องการยอมรับและการแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่และทะเบียนสมรสจากฉันสินะหรือยากได้เงินเยอะๆ ล่ะ อยากได้อะไรบอกมาสิ...”
“อย่ามาดูถูกฉันนะ...” อังศณาเลือดขึ้นหน้าเมื่อเขาพูดเหมือนเธอเป็นคนไร้ค่าเช่นนี้
“แต่เธอทำให้ฉันคิด อย่าปฏิเสธเลยนาง พูดกันตรงๆ เลยนะ ฉันมีข้อเสนอให้เธอแบบแฟร์ๆ ด้วย”
ปฐวินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หากแต่คนฟังรู้สึกว่ามันช่างบาดลึกลงในจิตใจ ดวงตากลมโตมองเขาอย่างเจ็บใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้นเมื่อคุณยายอังกาบเดินมาด้วยรอยยิ้มพร้อมถาดขนมที่เหลือมาสองสามอย่าง
“อ้าว... ยายนึกว่าคุณวินกลับไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนสิคะ”
“วันนี้เห็นจะไม่ได้หรอกครับคุณยายพอดีผมมีธุระ ก็กะว่าจะคุยธุระสำคัญกับนางเสร็จแล้วก็จะกลับเลย”
“จ้ะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวยายขอตัวก่อนนะ แล้วนางล่ะเป็นไงบ้างลูก อยากกินอะไรไหมเดี๋ยวยายทำให้” นางหันมาถามหลานสาวที่นั่งหน้าซีดอยู่ตรงหน้าอย่างอาทร
“มะ ไม่ค่ะยาย เดี๋ยวนางกินข้าวต้มก็อิ่มแล้วจ้ะ ยายไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ”
“อืม งั้นก็ตามใจ...” ยายอังกาบเดินจากไปแล้วหนุ่มสาวจึงหันมามองหน้ากันอีกครั้ง
“ฉันมีสองตัวเลือกให้เธอนะนาง ข้อแรกฉันจะบอกความจริงกับยายของเธออย่างน้อยๆ ฉันก็น่าจะรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้นบ้าง เธออาจจะได้ค่าทำขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากฉันเพราะฉันคงแต่งงานยอมรับเธอออกหน้าออกตาไม่ได้แน่ๆ เพราะฉันไม่ชอบการผูกมัด ส่วนข้อสองก็คือ ฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับยายของเธอ แต่เธอต้องมาเป็นผู้หญิงของฉัน โดยที่เราจะไม่เปิดเผยว่าเรามีความสัมพันธ์กันยังไง ความสัมพันธ์ของเราจะเป็นความลับต่อไป และหากเธอเป็นห่วงเรื่องค่าเลี้ยงดูไม่ต้องห่วงเลยเพราะคนอย่างปฐวินเลี้ยงผู้หญิงของเขาดีทุกคน...”
ชายหนุ่มพูดอย่างเห็นแก่ตัวและแสนจะเลือดเย็นนักในความคิดของอังศณา เพราะไม่ว่าจะข้อไหน เธอก็เสียเปรียบเขาอยู่ดี...
“คุณทำแบบนี้ทำไม ทำไมต้องเป็นฉัน คนอย่างคุณจะหาผู้หญิงที่ไหนก็ได้มาบำเรอความสุขของตัวเอง ทำไมต้องเป็นฉัน... ฉันไม่ต้องการข้อเสนอใดๆ จากคุณ กลับไปซะแล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกเข้าใจรึยัง...”
ดวงตากลมโตมองเขาอย่างโกรธเกรี้ยว นัยน์ตาแดงเรื่อเพราะพยายามกลั้นน้ำตาแห่งความอดสูเอาไว้ ในขณะที่คนฟังยิ้มร้ายกาจ...
“ก็เพราะฉันสนใจและยังติดใจเธออยู่ยังไงล่ะคนสวย... เอาล่ะ วันนี้ฉันจะกลับก่อน พรุ่งนี้ฉันจะมาเอาคำตอบและฉันก็หวังว่าจะได้คำตอบที่น่าพอใจนะจ๊ะเมียจ๋า...”
“คนเลว เห็นแก่ตัวที่สุด”
“ฉันจะเลวและเห็นแก่ตัวมากกว่านี้หากไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ...”
ดวงตาคมกร้าวสบกับดวงตากลมโตที่เรื่อแดงด้วยหยาดน้ำตาที่จวนจะหยดไม่หยอดแหล่ แม้ในใจแกร่งของเขาจะรู้สึกไหววูบกับดวงตาคู่นั้น แต่ก็ครู่เดียวเมื่อคิดอย่างเห็นแก่ตัวว่า ผู้หญิงแรกๆ ก็ทำเหมือนไม่อยากเป็นผู้หญิงของเขาเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่สุดท้ายผู้หญิงพวกนั้นก็เห็นแก่เงินที่เขาปรนเปรอให้อยู่ดี และอังศณาเองก็ไม่ต่างกันนักหรอกยิ่งได้มาเห็นชีวิตความเป็นอยู่ของเธอเขาก็ยิ่งมั่นใจว่าอังศณาต้องไม่รอดพ้นมือเขาไปได้แน่ๆ
อังศณานั่งซึมอยู่หน้าห้องผู้ป่วยรวมในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งด้วยความเครียดอยู่ไม่น้อย เมื่อคุณยายเกิดอาการหน้ามืดและเป็นลมล้มทรุดลงไปต่อหน้าเธอเมื่อคืนนี้ หมอบอกว่าโรคหัวใจของยายกำเริบขึ้นมาเพราะร่างกายก็กรำงานหนักเกินกำลังอีกทั้งคนไข้ก็ดูว่ามีความกังวลบางอย่าง... ใช่สินะ เมื่อเดือนก่อนช่วงที่เธอไม่สบายหลายๆ วันและไม่ได้ไปช่วยยายขายขนมหลังเลิกงานอย่างที่ทำอยู่ประจำ ยายอังกาบจึงต้องขายขนมอยู่คนเดียว ไหนคุณยายจะต้องมาดูแลเธอ ไหนจะต้องออกมาขายขนมและดูแลบ้านช่อง จึงไม่แปลกที่ร่างกายของหญิงชราวัยกว่าเจ็ดสิบปีเศษจะทรุดลงทั้งที่คุณยายไม่เคยต้องเข้าโรงพยาบาลมาก่อนแม้จะมีโรคหัวใจเป็นทุนเดิมก็เถอะ แล้วเรื่องที่ทำให้ยายกังวลคือเรื่องอะไร...
คนที่มีชนักปักหลังเริ่มวิตกกังวลและกลัวว่าความลับของตนจะเป็นสาเหตุให้ยายอังกาบป่วย... แต่ยายอังกาบจะรู้ได้อย่างไรเมื่อเธอกับปฐวินเก็บเรื่องระหว่างเขากับเธอไว้เป็นความลับรู้ที่กันแค่สองคน...
หรือว่ายายจะรู้เรื่องของเธอกับปฐวิน หรือว่ายายกังวลเรื่องที่เธอกับคนรักเก่าเลิกรากันไปแล้ว เธอยังต้องเสียเงินเสียทองไปกับเขาด้วยเพราะก่อนหน้านี้ก้องกรุณหลอกให้เธอไปซื้อบ้านในโครงการหนึ่ง แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นเพียงอุบายของก้องกรุณที่หลอกให้เธอเอาเงินไปให้เขาใช้อย่างหน้าด้านๆ โดยที่เธอเองเอาเงินเก็บทั้งหมดไปให้เขาจนตัวเองต้องตกที่นั่งลำบาก แต่เรื่องนั้นมันก็ผ่านมานานแล้วคุณยายก็ไม่น่าจะคิดมากเรื่องนี้... อังศณาคิดกังวลเคร่งเครียด
“นางต้องให้คุณยายพักผ่อนเยอะๆ นะครับ...” คุณหมอหนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้านพูดกับเธออย่างอาทรทำให้อังศณาตื่นจากภวังค์ความคิดของตนแล้วยิ้มบางๆ ให้หมอหนุ่มผู้อารี
“ค่ะ ขอบคุณหมอโตมากนะคะที่ช่วยดูแลยายของนางอย่างดี...”
“ไม่เป็นไรครับมันหน้าที่ของหมออยู่แล้ว อ้อ... อีกอย่างนางก็อย่าลืมดูแลตัวเองนะครับดูนางจะผอมลงไปนะ ผมเป็นห่วง และเรียกว่าพี่หมอก็ได้ครับ...” โตมร หมอหนุ่มซึ่งคุ้นเคยกับเธอเป็นอย่างดีกล่าวอ่อนโยน...
“ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะพี่หมอ...” อังศณายิ้มสดใสให้เขายอมรับไมตรีนั้นได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ
“จะยืนคุยกันตรงนี้อีกนานมั้ย...” ไม่ทันที่เธอกับหมอโตมรจะได้คุยอะไรกันมากกว่านั้นเสียงเข้มๆ ของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นพร้อมทั้งร่างสูงสมาร์ตของเขาก็เดินมาแทรกตรงกลางระหว่างอังศณากับหมอโตมรหน้าตาเฉย...
“เอ่อ คุณ...”
“ผมเป็นเจ้านายของนาง นางโทร. ไปลางานว่ายายอังไม่สบายผมเลยมาดูให้เห็นกับตาว่าเธอโกหกเพื่อหลบมาหาผู้ชายแล้วไม่ทำงานทำการรึเปล่า...”
ปฐวินกล่าวเสียงเรียบแต่แฝงไว้ด้วยความท้าทาย หมอหนุ่มหน้าเจื่อนไปเล็กน้อยก่อนหันมายิ้มให้อังศณาที่ยืนหน้าซีดก้มหน้าก้มตาอยู่อย่างเห็นใจก่อนจะขอตัวไปทำหน้าที่ของตนต่อ...
“พี่ไปดูคนไข้รายอื่นก่อนนะนาง”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่หมอ...” หญิงสาวยิ้มบางๆ ให้หมอหนุ่มน้ำใจงามแล้วหันมามองคนตัวโตตาเขียวปัด...
“แหม่นะ.. ทีกับผู้ชายคนอื่นนี่ตาหวานฉ่ำ ทีมองผัวตัวเองนี่ตาเขียวปัดเลยนะ”
“หยาบคาย...” หญิงสาวเสียงเขียวเมื่อเขาพูดจาเหน็บแนมเธอ อังศณาสะบัดหน้าเดินหนีเข้าเข้าไปในห้องผู้ป่วยรวมซึ่งมีคนไข้คนอื่นๆ นอนอยู่อีกหลายเตียงอย่างไม่คิดจะสนใจคนที่เดินตามเข้ามา และเมื่อปฐวินเดินตามเธอเข้ามาในห้องผู้ป่วยรวมของโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งนี้แล้วเขาก็นึกอยากจะเดินออกไปจากที่นี่ทันทีเพราะทั้งกลิ่นและสภาพที่เห็นนั้นไม่โสภาเลยสักนิด
ในห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าเต็มไปด้วยเตียงผู้ป่วยหญิงซึ่งส่วนใหญ่เป็นหญิงตั้งแต่วัยกลางคนจนไปถึงวัยชรานอนอยู่บนเตียงบ้างก็หลับบ้างก็คุยกับลูกหลานที่มาเยี่ยมเยียน และเมื่อเขาเข้าไปสายตาของทุกคนก็มองมายังเขาเป็นจุดเดียวตามด้วยเสียงซุบซิบอื้ออึงเมื่อเห็นว่าวันนี้มีหนุ่มรูปงามสูงสง่าเข้ามาในห้องผู้ป่วยของคนยาก ซึ่งท่าทางภูมิฐานและการแต่งกายของเขานั้นนับว่าบ่งบอกได้ถึงฐานะและชาติตระกูลที่เกินกว่าจะเป็นคนธรรมดาสามัญ... ปฐวินเก้อไปเล็กน้อยก่อนจะเดินไปหาคนที่เอาแต่หันหลังให้เขาอย่างเย่อหยิ่งทั้งที่เธอเป็นของเขาและยังเป็นรองเขาทุกทางอีกด้วย...
จนถึงขนาดนี้อังศณายังคงหยิ่งจองหองอวดดีอย่างที่สุด แม้จะนอนเคียงข้างเขาในค่ำคืนที่เร่าร้อนแต่เธอก็ยังคงสงวนท่าทีและไม่เคยเอาอกเอาใจเขาเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เคยผ่านมา แต่จะอย่างไรก็ตามเธอก็เป็นของเขาเป็นนางบำเรอของเขาล่ะน่า เจ้าหล่อนจะหยิ่งไปได้สักกี่น้ำเมื่อเขามีหมากตัวใหม่เข้ามาให้เล่นสนุกกับเธอ... ชายหนุ่มคิดอย่างคนที่เคยได้และชินกับการครอบครองทุกอย่างที่ตนอยากได้...
“สวัสดีครับคุณยาย วันนี้เป็นไงบ้างครับ...”
“สวัสดีจ้ะคุณวิน ก็เรื่อยๆ ล่ะค่ะ แต่ยายไม่ได้เป็นไรมากหรอก ยายนางน่ะวิตกเกินไป ดูสิวุ่นวายกันไปหมด”
ผู้สูงวัยรับไหว้แขกประจำบ้านที่นางเองก็ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตนเองว่าเขาสนใจหลานสาวคนเดียวของตน แต่เขาก็ดูสูงส่งเกินไป นางกลัวว่าหลานสาวจะเจ็บปวดหากสิ่งที่นางคิดนั้นเป็นจริง...
“คุณยายน่าจะได้ย้ายไปพักห้องพิเศษนะครับ น่าจะสะดวกกว่าจะได้หายเร็วๆ”
“คุณยายคะ กินข้าวนะคะจะได้กินยาแล้วนอนพักมากๆ จะได้หายเร็วๆ ได้กลับบ้านเราเร็วๆ ไงคะ”
อังศณาตัดบทอย่างไม่สนใจและไม่ยอมให้เขาเข้ามาวุ่นวายกับเธอและยาย ซึ่งท่าทางของเธอทำให้ปฐวินไม่พอใจลึกๆ แต่ก็ทำได้เพียงยิ้มให้ผู้สูงวัยอย่างอ่อนโยน
“คุณยายกินข้าวกินยาพักผ่อนนะครับ ผมลากลับก่อนแล้วเรื่องย้ายห้องไปห้องพิเศษผมจะจัดการเอง...”
เหมือนว่าเขาจงใจจะพูดให้เธอได้ยินและได้คิดก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ อังศณากัดริมฝีปากของตนจนเจ็บเมื่อรู้ตัวดีว่า นั่นคือการเอาคืนของเขาที่เธอดื้อดึงกับเขา หญิงสาวฝืนยิ้มให้ผู้เป็นยายโดยไม่พูดอะไรก่อนจะดูแลจนคุณยายอังกาบหลับไปเธอจึงออกมามองหาเขาด้วยความร้อนรนแต่เขาก็ไม่อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว....
“คนบ้า บ้าอำนาจ บ้ากาม บ้าๆๆ”
หญิงสาวบ่นเขากับตนเองอย่างฉุนเฉียว... โดยไม่รู้ว่าตนตกอยู่ในสายตาของใครคนหนึ่งที่เฝ้ามองเธอด้วยความริษยา...
