บท
ตั้งค่า

บทที่ 4.เธอเป็นของฉัน...

อังศณาหน้าตึงเมื่อเห็นร่างสูงยืนไขว้ขาเอามือล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางแสนมั่นใจอยู่หน้าบ้านหลังเล็กของตน หญิงสาวทำทีเป็นไม่ใส่ใจเขาแล้วเปิดประตูรั้วเตี้ยๆ เข้าบ้านไปโดยไม่ทักทาย ทำเหมือนว่าปฐวินไม่มีตัวตนทั้งที่ใจสาวเต้นแรงโลดลิ่วตั้งแต่เห็นเขาแล้ว และตลอดหลายเดือนมานี้เขาก็เริ่มเข้ามามีอิทธิพลต่อใจของเธอมากขึ้นๆ จนอังศณานึกหวั่นทั้งที่พยายามบอกตัวเองให้ระวังหัวใจของตนไว้ให้ดีๆ อย่าหลงเสน่ห์ของเขาอย่างเด็ดขาด... เมื่อคิดมาถึงตรงนี้อังศณาก็รู้สึกปวดร้าวขึ้นมาทันที... เวลามันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกินเธอเป็นนางบำเรอของเขามากว่าห้าเดือนแล้วหรือนี่...

“ไม่คิดจะทักทายผัวเลยรึไง ทีกับผู้ชายคนอื่นล่ะหน้าระรื่นเชียว” คำทักทายแรกของเขาทำให้ใจที่เต้นแรงของเธอยิ่งเต้นแรงมากกว่าเดิม แต่ไม่ใช่เพราะดีใจที่เห็นหน้าเขาแน่นอน...

“มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลยค่ะ”

“นี่นาง... จะมากไปแล้วนะ คำก็ไล่สองคำก็ไล่ ฉันไม่ใช่หมูไม่ใช่หมานะพอเห็นหน้าก็เอาแต่ไล่...”

เมื่อเจอท่าทางเชิดๆ ตาเขียวๆ กับคำพูดที่ไม่ใส่ใจในตัวเขาปฐวินก็เริ่มทนไม่ได้ เขาจะไม่มีวันยอมแพ้ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไม่เจียมตัวคนนี้เด็ดขาด... ชายหนุ่มเองก็คิดในใจด้วยความกรุ่นโกรธและหึงหวงโดยไม่รู้ตัว...

“อย่ามาใช้กับคำนี้กับฉัน คุณก็รู้ว่ามันไม่ใช่”

“อย่าอวดดีนักนาง ที่ฉันมาหาเธอนี่ก็เพื่อจะมาเตือนความจำให้เธอได้รู้ไว้ว่าเธอเป็นใครฉันเป็นใคร...”

“ขอบคุณนะคะที่หวังดีอุตส่าห์มาเตือนความจำกัน แต่คุณไม่ถามฉันสักคำบ้างหรือ ว่าอยากจะจดจำหรืออยากจะรู้สถานะที่คุณยัดเยียดให้รึเปล่า...”

หญิงสาวหันมามองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ยิ่งเขามาคอยเตือนความจำเธอเท่าไหร่เธอก็ยิ่งเจ็บปวด... เขาจะรู้บ้างไหมว่าเธอเจ็บปวดแค่ไหน

“หึหึ แต่เธอก็ดูมีความสุขดีกับสิ่งที่ฉัน ยัด เยียดให้ไม่ใช่เหรอ...”

“คุณ... คนบ้า...”

อังศณาหน้าแดงก่ำเมื่อรู้ดีว่าเขาจงใจเน้นเสียงคำว่ายัดเยียดนั้น ยิ่งเห็นสายตากร้าวในคราแรกเปลี่ยนเป็นพราวพรายไม่น่าไว้ใจแก้มสาวก็แดงจัดร้อนซู่ไปทั้งใบหน้าลามไปทั้งตัวเลยทีเดียว... คนบ้ากาม... ไม่วายที่เธอจะต่อว่าเขาในใจแต่ไม่กล้าพูดออกมาเพราะกลัวว่าเขาจะบ้ากามขึ้นมาจริงๆ ยิ่งตอนนี้เธอกับเขาอยู่ในบ้านกันเพียงลำพังเธอก็ไม่ควรจะไปกระตุ้นหรือทำให้เขาเกิดอารมณ์ใดๆ ไม่ว่าความใคร่หรือความโกรธ

“ฉันหิวแล้ว...”

อยู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่องคุยพลางดึงมือเธอเข้าไปในครัวเล็กกะทัดรัดโดยไม่ให้เธอได้มีโอกาสปฏิเสธหรือไล่เขาอีก ซึ่งการกระทำของเขาทำให้อังศณาตามอารมณ์เขาไม่ทัน... อะไรกันเมื่อกี้ทำหน้าเหมือนยักษ์ใหญ่จะฆ่าจะแกงเธอแต่ตอนนี้ก็ทำเหมือนว่าเธอกับเขาเป็นสามีภรรยากันและกำลังอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามันเสียนี่

“นี่คุณ หิวก็ไปหากินที่บ้านคุณสิ”

“อย่าเอาแต่ไล่ฉันได้ไหมนาง หาอะไรให้กินหน่อยสิ หิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว รู้มั้ยกว่าฉันจะหาห้องเปลี่ยนให้ยายอังไปอยู่ห้องพิเศษได้ฉันต้องเปลืองน้ำลายกับพวกหมอกับพยาบาลงี่เง่านั่นตั้งนาน”

เขาบอกพลางดึงเนกไทออกจากคอเสื้อเชิ้ตเนื้อดีแล้วถอดสูทสีเทาเข้มวางพาดไว้กบพนักเก้าอี้ไม้ตัวเก่าที่พอเขานั่งลงไปเก้าอี้ไม้คร่ำคร่าก็ดูจะเล็กลงไปทันตา

“นี่ทวงบุญคุณหรือคะ ฉันไม่ได้ขอร้องคุณเลยนะ...”

อังศณาอยากจะขอบคุณเขาเหมือนกันที่เป็นธุระจัดการเรื่องการย้ายคุณยายอังกาบไปพักห้องพิเศษรวมไปถึงการจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดให้เธอซึ่งหากยายอังกาบนอนโรงพยาบาลหลายวันก็คงจะหมดไปหลายบาท ลำพังเงินเดือนเธอแค่หมื่นเศษๆ ก็คงไม่พอจ่าย ดีที่ว่าบ้านหลังนี้เป็นของคุณยายเองจึงไม่ต้องเสียค่าเช่า ไม่อย่างนั้นเดือนนึ่งๆ เธอก็คงไม่มีเงินพอยาไส้แน่นอนหากต้องจ่ายทั้งค่าเช่าบ้าน ค่าห้องพิเศษและค่ายาของยายอังกาบ ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกมากมายในแต่ละเดือนๆ

“ทำไมไม่แทนตัวเองว่านาง ฉันเคยบอกเธอไปหลายครั้งแล้วนี่ หรือว่าต้องพูดเฉพาะตอนที่เรา...”

“หยุดพูดนะคนบ้า... เอาล่ะค่ะ คุณอยากกินอะไรคะ นางจะทำให้...” เมื่อดูท่าว่าเขาจะไม่กลับไปง่ายๆ อังศณาก็จำต้องยอมยกธงขาว และยอมเอ่ยปากพูดกับเขาดีๆ

“อืม... แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย...” ปฐวินยิ้มน้อยๆ อย่างผู้ชนะและก็ได้ค้อนงามๆ จากเธอมาเป็นรางวัลแห่งชัยชนะนั้น...

ชายหนุ่มเฝ้ามองคนที่เดินไปตั้งกระทะเตรียมทำอาหารให้เขาอย่างพอใจและนึกชื่นชมที่อังศณานั้นดูคล่องแคล่วไปเสียทุกอย่างเมื่อลงมือทำอาหาร แม้จะเป็นอาหารจานเดียวง่ายๆ อย่างเช่นผัดพริกแกงทะเลราดข้าวซึ่งเป็นอาหารโปรดของเขา และเมื่อเขาได้รับประทานอาหารจานนี้จากฝีมือเธอปฐวินก็ไม่อยากจะไปกินอาหารเมนูนี้จากที่ไหน แม้แต่จากแม่ครัวฝีมือฉมังที่บ้านหลังงามของตนที่เขาคิดว่ามันอร่อยถูกปากที่สุดแล้ว แต่เมื่อได้มารับประทานผัดพริกแกงทะเลราดข้าวของอังศณาแล้วเขาก็ไม่อยากจะลิ้มลองรสฝีมือใครอีกเลย...

หากเขาได้รับประทานอาหารฝีมือเธอทุกๆ วันจะเป็นอย่างไรนะ... จู่ๆ ความคิดนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวจนเขาเองก็ตกใจ แต่ดวงตาคมก็ไม่สามารถละสายตาจากแม่ครัวร่างบางตรงหน้าได้เลย...

ร่างบอบบางที่เขารู้ว่ามันไม่ได้บางอย่างที่คิดนั้นสวมชุดเดรสชีฟองแขนตุ๊กตาสั้นแค่เข่าสีพื้นแสนธรรมดาซึ่งราคาก็คงไม่กี่ร้อยแต่เธอกลับใส่แล้วดูงดงามน่าถนอม ยิ่งมีผ้ากันเปื้อนคาดลงไปก็ยิ่งทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงทั้งเนื้อทั้งตัว เรือนผมยาวสลวยจรดกลางแผ่นหลังนั้นถูกรวบมวยขึ้นแล้วใช้ตะเกียบปักกันผมหลุดเลื่อนรุงรังเผยให้เห็นลำคอระหงสะอาดสะอ้าน มือเรียวหยิบจับข้าวของคล่องแคล่วไม่เคอะเขินเหมือนว่าเธอตั้งใจปรุงอาหารมื้อพิเศษให้สามีสุดที่รักก็ไม่ปาน... ความคิดของปฐวินสะดุดลงทันทีเมื่อนึกถึงความเป็นจริงที่มันไม่มีทางจะเป็นไปได้...

อังศณาค่อยๆ ก้าวออกมาจากห้องน้ำอย่างระมัดระวังหลังจากที่หายเข้าไปในนั้นเกือบครึ่งชั่วโมงหลังจากที่ทำอาหารให้เขารับประทานแล้วและเธอก็ขอตัวมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะทั้งเหนื่อยทั้งร้อนทั้งเหนียวตัวและเสื้อผ้าของเธอก็เต็มไปด้วยกลิ่นกับข้าว...

“นึกว่าจะนอนในนั้นเสียอีก...” เสียงห้าวดังขึ้นทำให้คนที่กำลังจะย่องเข้าห้องของตนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องน้ำเล็กๆ ที่อยู่ระหว่างห้องของเธอกับห้องของยายอังกาบนั้นสะดุ้งเล็กน้อยพลางหันมามองเขาด้วยสีหน้าตื่นๆ มือบางกุมคอเสื้อนอนแบบเชิ้ตของตัวเองไว้แน่นราวกับว่ามันจะช่วยป้องกันเธอจากคนแถวๆ นี้ได้กระนั้น...

“นางคิดว่าคุณกลับไปแล้วเสียอีก...”

“วันนี้ฉันจะนอนที่นี่”

“ไม่ได้นะคะ...” คำพูดของเขาทำให้อังศณาเบิกตาโตมองเขาด้วยสีหน้าเป็นกังวล แต่ชายหนุ่มกลับเลิกคิ้วมองเธออย่างยียวนแล้วถอดเสื้อออกต่อหน้าเธอหน้าตาเฉยจนหญิงสาวต้องหันหน้าหนีด้วยความขัดเขินกับแผงอกกว้างตึงแน่นด้วยมัดกล้ามของเขา...

“ทำไม ในเมื่อเธอผิดสัญญาไม่ยอมไปหาฉันที่คอนโด ฉันก็ต้องมาหาเธอที่นี่ไงล่ะ”

“ก็นาง... นางต้องดูแลยาย...” เธอตอบเสียงแผ่วพลางก้าวถอยหลังเมื่อร่างสูงเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนแผ่นหลังชิดผนังและเขาก็กักเธอไว้ด้วยกำแพงกายหนุ่มแน่นของเขา หญิงสาวเงยหน้ามองเขาด้วยลมหายใจติดๆ ขัดๆ รู้สึกร้อนไปทั้งใบหน้า

“ข้อแก้ตัวน่านาง... เธอก็รู้ว่ายายอังมีคนดูแลอยู่ไม่ขาด ไม่มีอะไรต้องกังวลไม่ว่าจะเรื่องค่ารักษาหรือค่าผ่าตัด”

“แต่นาง เอ่อ... นางต้องทำงาน...” เธอบอกเขาอย่างอึดอัดเมื่อเธอตกอยู่ในสถานะที่ไม่พึงประสงค์นัก ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าเธอกับเขาแอบมีความสัมพันธ์กันซึ่งมันก็ดีหากมันจะยังเป็นความลับ เพราะถ้าหากมีคนรู้ว่าเธอเป็นนางบำเรอของเจ้านายคนใหม่เธอเองก็คงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน และคงอับอายเกินกว่าจะไปทำงานและก็คงทนไม่ได้หากเธอจะถูกเพื่อนร่วมงานมองด้วยแววตาเหยียดหยัน... คงไม่มีใครชอบหรอกที่มีเพื่อนร่วมงานเป็นนางบำเรอของคนที่ได้ชื่อว่าเจ้านาย แม้ว่ามีสาวๆ หลายคนอยากจะอยู่ในตำแหน่งนี้ของปฐวินแต่สำหรับอังศณาแล้ว เธอไม่ต้องการเกี่ยวข้องใดๆ กับเขาเลยแม้แต่น้อย...

“ตอนนี้งานเธอก็ไม่มีอะไรมากนี่นา ระบบทุกอย่างฉันเปลี่ยนแปลงวางแผนใหม่หมด ทุกคนจะทำงานได้อย่างดีและมีประสิทธิ์ภาพมากขึ้นประหยัดเวลาในการทำเอกสารมากขึ้นและมีเวลาใส่ใจกับคุณภาพงานมากขึ้นกว่าเดิมมาก และมันก็น่าจะไปได้สวยหากพนักงานทุกคนไม่เอาแต่สุมหัวนินทาเจ้านาย...”

“แต่นางไม่เคยนินทาคุณนะคะ” หญิงสาวหน้าตื่นรีบออกตัว

“แน่ใจเหรอ ฉันรู้นะเธอแอบนินทาฉันในใจบ่อยๆ”

เขาพูดยิ้มๆ อย่างรู้ทันแล้วก้มหน้าลงมาจนปลายจมูกโด่งสวยนั้นชิดกับปลายจมูกเล็กๆ ของเธอ ดวงตากลมโตที่เขาหลงใหลนั้นไหวระริกด้วยความหวั่นไหวที่เขารู้สึกได้ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความดื้อดึงที่เขารู้ดีทีเดียวว่าบทจะดื้อแล้วอังศณาดื้อรั้นแค่ไหน เห็นเงียบๆ หงิมๆ แบบนี้เถอะอังศณาดื้ออย่าบอกใครเชียว...

“เอ่อ นางจะปิดบ้านแล้ว...”

หญิงสาวพูดเหมือนไล่กรายๆ ปฐวินยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นลูกกวางสาวพยายามจะหาทางออกจากบ่วงของนายพรานเช่นเขา มือหนารั้งเอวบางให้เธอเข้ามาชิดร่างแกร่งของตนอย่างไม่ยากเย็น

“ฉันปิดให้เรียบร้อยแล้วล่ะ... ฉันต้องการอะไรเธอรู้ดีนี่นานาง... หากมัวเล่นตัวฉันอยู่จนถึงเช้าไม่รู้ด้วยนะ” เขาบอกเธอพลางไล้แก้มนุ่มช้าๆ ด้วยท่าทางของผู้ที่เป็นต่อทุกย่างก้าว...

“คุณ...” หญิงสาวหน้าตื่นเมื่อเขาพูดออกมาชัดเจนที่สำคัญเธอจะให้เขาออกจากบ้านของเธอในตอนเช้าไม่ได้แน่ๆ แค่เขามาที่นี่บ่อยๆ เธอก็แทบจะอยู่ไม่เป็นสุขแล้วเพราะเพื่อนบ้านที่ส่วนใหญ่มักสอดรู้สอดเห็นก็มาถามยายของเธอไม่เว้นวันว่าเขาเป็นใครมาจากไหนและเขาเป็นอะไรกับเธอ...

“จะจูบฉันเองหรือจะให้ฉันจูบเธอ...”

เขาถามชิดแก้มแดงๆ นั้นอย่างเอ็นดูและปรารถนาร่างงดงามนี้จนปวดร้าวไปหมดทั้งที่พยายามระงับอาการที่อยากจะโจนเข้าหาเธอตั้งแต่เห็นเธออกมาจากห้องน้ำแล้วก็เถอะ เขารู้สึกโมโหตัวเองนักที่ต้องการอังศณามากมายอย่างที่ไม่เคยต้องการใครมาก่อน ทั้งที่อังศณาไม่ได้สวยกว่าผู้หญิงคนไหนๆ ที่เขาเคยควง ทั้งยังไม่ได้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้นที่จงใจปลุกเร้าอารมณ์เสน่หาของเขาแม้แต่น้อย แต่เขาก็ต้องการเธอเหลือเกิน ยิ่งได้กลิ่นเนื้อนางหอมสะอาดจากสบู่กลิ่นดอกไม้ที่เธอใช้อารมณ์หนุ่มก็ยิ่งเตลิดไปไกล...

อังศณาเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาทรงเสน่ห์ของเขาด้วยลำคอที่แห้งผาก ไม่มีคำตอบออกจากปากเธอและไม่ทันจะได้มีเสียงใดๆ เล็ดลอดลำคอออกมา ริมฝีปากหยักสีเข้มของเขาก็ทาบลงมาบดเคล้ากลีบปากนุ่มของเธอเสียเอง หญิงสาวดิ้นเล็กน้อยเพราะรู้สึกว่าอากาศที่มีรอบกายเริ่มไม่พอเมื่อลิ้นร้อนกวาดต้อนดูดกลืนเสาะหาความหวานจากปากสาวนั้นเต็มไปด้วยความเร่าร้อน เลือดในกายสาวร้อนระอุฉีดพล่านไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว

ความซ่านรัญจวนมวนหมุนอยู่ในช่องท้องที่เกร็งสะท้านความเสียวกระสันก็ทำให้เธอเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง มือเล็กที่ก่อนหน้านี้พยายามจะผลักเขาออกไปก็โอบกอดรั้งร่างแกร่งเข้าหากายนุ่มของตนเสียเองทั้งยังแอ่นหยัดอกอิ่มเข้าหาอกกว้างของเขาอย่างลืมตัว การตอบสนองอย่างหลงลืมตัวของเธอทำให้ปฐวินครางอย่างพอใจ มือร้ายกาจก็ปลดเสื้อนอนตัวสวยออกอย่างรวดเร็วในขณะที่พาร่างบางเข้าไปในห้องของเธออย่างง่ายดาย...

“อุ๊ย คุณวิน... อื้ม... อย่าค่ะ...”

เสียงหวานพยายามคัดค้านทั้งที่รู้ดีว่าตนไม่สามารถต้านทานเพลิงสวาทร้ายจากเขาได้แต่จิตสำนึกของอิสตรีก็ยังพยายามจะทัดทาน แต่สุดท้ายอังศณาก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เมื่อร่างสูงใหญ่ของเขาเปลือยเปล่าไม่ต่างจากเธอ...

“เธอสวยเหลือเกินนาง... และเธอก็เป็นของฉัน...”

ชายหนุ่มเอ่ยชมคนตัวบางที่อวบอิ่มเฉพาะส่วนอย่างลงตัวอย่างคลั่งไคล้หลงใหล ดวงตาคมเต็มไปด้วยความหวงแหนและแสนเสน่หาจนเธอไม่อาจจะต่อกรกับเขาได้ มือร้ายดึงมือน้อยที่ปกปิดทรวงสาวอวบใหญ่เกินตัวนั้นออกช้าๆ อังศณาก็หลับตาลงอย่างเอียงอายแม้จะหลับนอนกับเขามาแล้วหลายครั้ง ร่วมรักกับเขาอย่างเร่าร้อนมาแล้วหลายครา แต่เธอก็ยังรู้สึกอายต่อสายตาของเขาอยู่ดี

ปฐวินมองคนตัวบางที่นอนระทดระทวยแก้มแดงก่ำตรงหน้าอย่างพอใจก่อนจะก้มลงตวัดปลายลิ้นร้อนเลาะเล็มปลายยอดทรวงสีหวานช้าๆ ก่อนจะอ้าปากดูดกลืนยอดอกสาวอย่างเร่าร้อน มือก็ฟอนเฟ้นเต้าทรวงงามด้วยความเมามันชื่นชอบความนุ่มละมุนมือของปทุมถันคู่นี้ยิ่งนัก...

“คุ คุณวิน...”

อังศณาเสียวซ่านไปทั้งกายเมื่อยอดอกถูกดูดกลืนด้วยลีลาร้อนแรง แผ่นหลังเนียนแอ่นลอยเหนือที่นอนนุ่มเตียงเล็กๆ ของเธอที่เล็กลงและคับแคบเกินกว่าจะนอนสองคน แต่สำหรับปฐวินแล้วไม่ใช่ปัญหาเลย เขาดึงร่างสาวมายังขอบเตียงเล็กสีหวานให้สะโพกมนอยู่ริมขอบเตียงปล่อยเรียวขาเสลาห้อยลงมาจรดพื้นแล้วแทรกร่างกายใหญ่โตเข้าไประหว่างเรียวขางามที่แยกออกจากกันเปิดเปลือยร่างสาวสดฉ่ำเปียกชื้นด้วยหยาดน้ำหวานจากเกสรดอกไม้งามที่เขาได้เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว

“โอ... นาง นางจ๋า สวย ที่สุด หวาน... ที่สุด” ชายหนุ่มครางเสียงแหบ ลำคอหนุ่มแห้งผากราวขาดน้ำมาแรมปี และเมื่อเจอแหล่งน้ำหวานล้ำเขาก็ไม่รอช้าที่จะดื่มกิน...

“อื้อออ... คุ คุณวิน... อื้มมม...”

อังศณาครางกระเส่าเมื่อลิ้นร้ายตวัดพลิ้วโจมตีร่างสาวให้ร้อนเร่าแทบมอดม้วยด้วยความซ่านเสียวเกินบรรยาย ทั้งลิ้นและนิ้วแกร่งช่วยกันสร้างความซ่านเสียวไม่หยุดหย่อนจนอังศณาแทบขาดใจ ขาเสลาสั่นระริกส่ายเสียดสีกับร่างแกร่งของเขาด้วยความซ่านรัญจวน เท้าบางยกขึ้นแนบไปกับแผ่นหลังกว้างทั้งจิกเล็บเท้าลงบนแผ่นหลังของเขาด้วยความเสียวสุดใจเมื่อลิ้นหนาสอดลึกโบกสะบัดหยอกเย้ากับกลีบดอกไม้หวานฉ่ำส่งให้เธอไปเยือนแดนดาวสว่างไสวด้วยดอกไม้ไฟที่พร่างพรายทั่วฟากฟ้า...

ปฐวินละเรียวปากจากเนินเนื้อหวานฉ่ำอย่างแสนเสียดายเลื่อนกายขึ้นมาแนบชิดร่างเปล่าเปลือยเร่าร้อนของเธอทั้งจูบไซ้เรื่อยมาจากต้นขานุ่มมายังทรวงสาวไหวสะท้านก่อนจะวกขึ้นมาปิดปากอวบอิ่มที่เผยอครางกระเส่าอยู่อย่างร้อนรน ในขณะที่มือร้อนผ่าวจับเรียวขาทั้งสองข้างของเธอตั้งชันขึ้นบนขอบเตียงก่อนจะค่อยๆ สอดกายแกร่งที่ปวดหนึบด้วยความต้องการของตนเข้าไปหยอกเย้ากลีบดอกไม้นุ่มนิ่มทว่าคับแน่นจนเขาเสียวซ่านไปทั้งกายเมื่อความคับแคบนั้นโอบรัดเขาจนแทบหายใจไม่ออกเลยทีเดียว...

“โอ้วววว นาง... ช่างแน่นอะไรอย่างนี้ อื้มมมม...” ปฐวินครางครึ้มเมื่อความคับแน่นโอบรัดสร้างความเสียวซ่านให้แก่เขาเกินบรรยายทั้งร่างสาวที่ส่ายเสียดสีกับเขาด้วยความซ่านรัญจวนนั้นก็ยิ่งโหมให้ไฟสวาทลุกโชนร้อนแรง...

“คุณวิน คุณวิน โอ...”

อังศณาเองก็ครางกระเส่าหนักหน่วงไม่แพ้เขา หญิงสาวที่เรียบร้อยและเจียมเนื้อเจียมตัวกลายเป็นสาวเร่าร้อนแสนเซ็กซี่ ร่างงามสวยสล้างสะอาดเกลี้ยงเกลากลายเป็นสีชมพู่ระเรื่อเพราะพิษพิศวาส ดวงตากลมโตที่ฉายแววเย็นชาใส่เขาเสมอหรี่ปรือฉ่ำเยิ้มเชิญชวน ริมฝีปากบวมเป่งที่เอาแต่ไล่เขานั้นเผยอครางกระเส่ายิ่งกระตุ้นเพลิงสวาทในกายหนุ่มให้ลุกฮือเกินต้านทานเช่นกัน...

ปฐวินโยกโย้กายไปข้างหน้าจนสะโพกสาวลอยเหนือฟูกนุ่มบนเตียงเล็กสีหวานที่ยับย่นจากพายุสวาท ด้วยท่วงท่านี้ทำให้ร่างแกร่งสามารถโรมรันแนบชิดสนิทสนมกับร่างนุ่มได้อย่างหนักหน่วงและลึกล้ำยิ่งเขาโหมสะโพกแกร่งด้วยจังหวะหนักหน่วงสลับกับเนิบช้าหมุนวนเสียดสีกับกายสาวก็ยิ่งทำให้คนที่อยู่ใต้ร่างแกร่งแทบขาดใจไปกับความซ่านเสียวนั้น

หญิงสาวครางไม่เป็นภาษาเมื่อความเสียวซ่านโจมตีจนเธอเริ่มจะล่องลอยสูงขึ้นๆ อีกครั้งและครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความคับแน่นเต็มตื้นจนเธอรู้สึกได้ถึงตัวตนของเขาที่อยู่ในกายเธอ...

“โอ้ววว... นาง นางจ๋า ฉัน ไม่ไหวแล้ว...”

ชายหนุ่มครางหนักๆ ในลำคอขณะที่สะโพกแกร่งขยับซอยเร็วรี่เร่งจังหวะรักให้ร้อนแรงมากขึ้นๆ มือหนาบีบเฟ้นลอนสะโพกสลับกับนวดคลึงทรวงสาวอย่างเมามันและปากหยักก็บดเคล้าดูดดุนยอดอกสีหวานสลับกันไปมา โดยที่อังศณาได้แต่ครางกระเส่าอยู่ใต้ร่างแกร่งอย่างพ่ายแพ้

เสียงครางของหนุ่มสาวพร่าพลิ้วคละเคล้ากับเสียงเนื้อนุ่มกับกายแกร่งกระทบกันราวเสียงดนตรีอันไพเราะ ก่อนที่ทั้งคู่จะจับจูงกันลอยลิ่วไปสู่แดนแสนสุขครั้งแล้วครั้งเล่า...

เขากลับไปแล้ว... อังศณาลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ด้วยความรู้สึกเบาโหวงไปทั้งใจ ดวงตากลมโตมองหมอนใบใหญ่ที่เธอกับเขาใช้หนุนร่วมกันเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาด้วยความเจ็บปวดลึกๆ ควรจะดีใจไม่ใช่หรือที่เขาไปเสียได้ไม่อยู่วุ่นวายกับเธอจนถึงเช้า ควรจะดีใจที่ปฐวินสนใจและติดตามดูแลความเป็นอยู่ของเธอกับยายอย่างดี และเธอควรจะดีใจที่ไม่มีใครรู้เรื่องของเธอกับเขา... ก็มักจะไล่เขาไปให้พ้นหน้าบ่อยๆ ไม่ใช่หรือ แล้วจะมานั่งซึมทำไม... หญิงสาวถามตัวเองและตอบเองอยู่เช่นนั้นอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรกับความสับสนในใจนี้

อังศณายอมรับว่าปฐวินเป็นคนมีเสน่ห์ เขาหล่อเหลา ร่ำรวย ชาติตระกูลดี ครบสูตรชายในฝันที่ผู้หญิงทุกคนถวิลหา แต่ความจริงที่ทุกคนต่างรู้ดีคือ เขาไม่เคยหยุดที่ใครได้นาน และเธอเองก็คงจะเป็นหนึ่งในทางผ่านของเขา เธออาจจะเป็นของแปลกสำหรับเขา ปฐวินจึงตามมาวอแวกับเธอไม่หยุด หรือบางทีเธอยังสดยังใหม่และถูกใจเขากว่าคนอื่นๆ นั่นเอง...

อังศณาคิดเรื่อยเปื่อยขณะแต่งตัวเพื่อออกไปทำงานตามปกติ แต่แล้วเสียงโทรศัพท์รุ่นโบราณที่ใช่มานานปีก็ดังขึ้นดึงให้เธอหลุดจากภวังค์ความสับสน... แจ็กเกอร์รีนโทร. มา...

“ว่าไงยะหล่อน เงียบหายไปเลยนะยะ ได้ข่าวว่าไม่สบายเหรอ เป็นอะไรแก” เสียงแจ็กเกอร์รีนแจ๋วๆ มาตามสัญญาณ

“อากาศเปลี่ยนก็โดนไข้หวัดเล่นงานน่ะสิ ไม่มีอะไรหรอก” อังศณาพยายามทำเสียงให้สดใสปกปิดความเศร้าในใจไว้มิดชิด

“ยังไงก็ดูแลตัวเองดีๆ นะแก เดือนหน้าฉันจะกลับเมืองไทยแล้วเที่ยวทั่วยุโรปจนไม่รู้จะเที่ยวที่ไหนแล้วตอนนี้ มีของฝากแกกับคุณยายเยอะแยะเลย ว่าแต่ยายอังอาการดีขึ้นมั้ยแก”

แจ็กเกอร์รีนซึ่งกำลังเดินทางฮันนีมูนทัวร์ยุโรปกับสามีเล่าด้วยน้ำเสียงสดใสเต็มไปด้วยแววของความสุข พลอยทำให้อังศณารู้สึกสุขสดชื่นไปด้วย ยิ่งรู้ว่าทางครอบครัวของโรบินนั้นยอมรับและรักแจ็กเกอร์รีนมากก็ยิ่งยินดีกับเพื่อนรักยิ่งนักจนแทบกลั้นน้ำตาแห่งความยินดีไว้ไม่ไหวเลยทีเดียว

“ก็ดีจ้ะ กลับมาเร็วๆ นะจีจี้ฉันคิดถึงแกที่สุดเลย...”

“แหมแก ทำเสียงแบบนี้ทำให้ฉันอยากจะบินกลับไปกอดแกตอนนี้เลย... ฉันต้องวางสายแล้วล่ะนาง แล้วเราค่อยเจอกันนะ ฉันรักและคิดถึงแกกับยายอังมากนะ ดูแลตัวเองด้วย บาย...”

“บายจ้ะ...”

อังศณาวางสายแล้วก้มมองโทรศัพท์แสนธรรมดาตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม เมื่อไหร่นะ เธอจะมีความสุขเหมือนแจ็กเกอร์รีนบ้าง... ถามตัวเองแล้วอังศณาก็ถอนใจเมื่อสิ่งที่เธอวาดหวังไว้นั้นมันไม่มีทางเป็นความจริงไปได้เลย...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel