บทที่ 2. คืนร้ายหัวใจผูกพัน
“นี่ปล่อยนะ ฉันไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้นปล่อย...”
ทางด้านอังศณานั้นหน้าตื่นแทบจะหายเมาเป็นปลิดทิ้งเมื่อเขารั้งร่างเธอให้เดินตามเขาไปโดยที่มันไม่ใช่ทางที่จะไปยังรถของแจ็กเกอร์รีนที่เธอเอากุญแจไว้...
“นิพนธ์ จัดการเรื่องที่เหลือต่อให้ที...”
ปฐวินบอกลูกน้องคนสนิทที่เป็นทั้งเพื่อนและมือขวาซึ่งคอยช่วยเหลือเขาแทบทุกอย่างและอยู่กับเขามานานและ นิพนธ์ ก็โค้งรับคำอย่างรู้หน้าที่แล้วพยักหน้าให้ผู้ติดตามอีกสองคนซึ่งคอยตามอารักขาชายหนุ่มอยู่ห่างๆ ในขณะที่ชายหนุ่มจับร่างบางเย้ายวนที่กำลังขัดขืนโวยวายไปยังรถยนต์คันหรูราคาแพงลิบของตนอย่างทุกลักทุเล
“นี่แม่คุณหยุดดิ้นซะทีได้ไหม หรืออยากกลับไปล่าเหยื่อต่อ...”
ชายหนุ่มพูดชิดแก้มนวลของคนที่ผินหน้าหนีเมื่อเห็นเขาชิดใกล้กับเธอมากเกินไปจนน่าหวาดเสียวแต่ก็ถลึงตามองเขาอย่างกราดเกรี้ยวเมื่อไม่สามารถต่อกรกับเขาได้...
“เอ้าเรียบร้อยแล้ว และก็ขอความกรุณานั่งเฉยๆ สักนาทีนะคุณผู้หญิง...”
เสียงนุ่มทุ้มที่ห่างออกไปเมื่อคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอเรียบร้อยแล้ว ทำให้หญิงสาวที่เอาแต่ผินหน้าหนีหันกลับมามองเขาอย่างสับสนและมึนงงเล็กน้อย...
“สรุปแล้วคุณเป็นใคร แล้วมาวุ่นวายกับฉันทำไมเนี่ย...”
เมื่อพยายามตั้งสติและพยายามไม่ให้ลิ้นพันกันเธอก็เอ่ยถามเขาเบาๆ เสียงใสอ้อแอ้เล็กน้อยพลางสอดนิ้วเรียวของตนเสยเรือนผมที่ยุ่งเหยิงของตนให้เข้าที่อย่างไม่รู้ตัวเลยว่าท่าทางที่กำลังใช้นิ้วเรียวสอดเสยเรือนผมสลวยของตนนั้นมันช่างยั่วเย้าสายตาชายหนุ่มที่เผลอจ้องมองเธออย่างเผลอไผลโดยไม่รู้ตัว...
เธอจะรู้ไหมว่าเมื่อเธอยกมือขึ้นเสยผมนั้นมันทำให้เนินอกขาวผ่องขยับเขยื้อนโชว์ความเต็มตึงและล่อตาล่อใจชายแค่ไหน แม่นางเท้าไฟช่างยั่ว...
ปฐวันคิดในใจพลางกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างลำบากยากเย็น... บ้าไปแล้ว นี่เขาต้องบ้าไปแน่ๆ ที่ตื่นตัวขนปวดร้าวกับท่าทางเพียงแค่นั้นของเธอ... มันบ้าที่สุด... ปฐวินก่นด่าตัวเองในใจด้วยความฉุนเฉียว
“ฉันชื่อปฐวินเป็นเพื่อนของร็อบ...” ชายหนุ่มตอบเรียบๆ พยายามไม่หันไปมองเจ้าหล่อนบ่อยนัก
“หืมมม ร็อบเหรอ... จริงสิจีจี้ไปฮ่องกงกับคุณร็อบ... ก็แล้วไงล่ะ ฉันดูแลตัวเองได้น่า แล้วนี่คุณจะพาฉันไปไหนน่ะ...”
หญิงสาวพอจะนึกได้ลางๆ ว่าเพื่อนรักไปไหนกับใคร และเริ่มสังเกตว่าผู้ชายคนที่นั่งข้างๆ ผ่านความมึนงงแล้วก็ต้องหันมามองเขาให้เต็มตาทั้งพยายามจ้องเขาอย่างเอาจริงเอาจังอีกครั้งด้วยความมีสติมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย...
ให้ตายเถอะ ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอนี่เป็นคนหรือเทพบุตรกันล่ะเนี่ย...
อังศณาใจเต้นแรงจนกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจของตน เมื่อรับรู้ว่าผู้ชายที่ลากตัวเธอมานั้นหล่อเหลาเขย่าใจเพียงใด เมื่อกี้รู้สึกว่าเขาหน้าตาดีเฉยๆ แต่ไม่คิดว่าพอมองดีๆ แล้ว เขาหล่อเข้าขั้นเทพเลยทีเดียว... ใบหน้าเรียวได้รูปที่โดดเด่นด้วยดวงตาคมของเขานั้นคือสิ่งที่เธอเห็นและติดตาตรึงใจนับตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้มอง ไม่รวมกับร่างแกร่งที่ดูสูงสมาร์ตของเขากับกลิ่นกายหอมสะอาดทำให้ท้องไส้สาวปั่นป่วนอย่างไม่น่าเชื่อ...
หญิงสาวพยายามระงับความตื่นเต้นแต่ลำคอก็แห้งผากจนแสบร้าวไปหมด อังศณาขยับตัวอย่างอึดอัดแล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตนช้าๆ ทำให้คนที่หันมามองต้องเกร็งไปทั้งร่างแกร่งอีกครั้งและสบถในใจอย่างฉุนเฉียว...
“แล้วตกลงคุณจะพาฉันไปไหน...” เมื่อหาเสียงตัวเองเจอหลังจากที่เงียบไปหลายนาทีเธอก็ถามเขาพลางมองข้างทางอย่างหวาดหวั่นขึ้นมา...
“ไม่พาไปขายหรอกน่า แบบนี้ไม่รู้จะขายได้ราคารึเปล่า ผ่านมากี่ศึกแล้วก็ไม่รู้ราคาคงตกแย่...”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาจึงพูดไปอย่างนั้นทั้งที่เขาไม่ได้คิดว่าจะพูดย่างนั้นกับเธอเลยสักนิด แล้วเขาก็นึกได้ว่าตนคงพูดแรงไปเมื่อเธอนิ่งไปเหมือนกำลังช็อก... ก็คงจะช็อกล่ะเพราะสำหรับอังศณานั้นเธอกำลังคิดว่าหน้าตากับพูดของเขานั้นช่างสวนทางกันที่สุด หล่อแต่ปากปีจอ... คงไม่เพียงพอกับคำนิยามนี้...
“ทำไม... ฉันจะราคาตกหรือผ่านมากี่ศึกมันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ ของๆ ฉัน ฉันจะไปนอนแบให้ใครมันก็เรื่องของฉัน นี่จอดรถเลยนะ ถึงแม้ว่าคุณจะทำเป็นหวังดีพาฉันไปส่งแต่ก็ไม่สิทธิ์มาต่อว่ากันแบบนี้ จอดรถเลยฉันจะลง...”
เมื่อโดนดูถูกซึ่งๆ หน้า บวกกับฤทธิ์ของน้ำเมาที่อยู่ในร่างกายเยอะพอสมควร จึงทำให้หญิงสาวแสนเรียบร้อยและพูดน้อยอย่างเธอถึงกับสติแตกพูดในสิ่งที่เธอเองก็ยังคาดไม่ถึงว่าผู้หญิงอย่างเธอจะพูดออกไปได้ แม้ว่าลิ้นพันกันจนแทบพูดไม่เป็นภาษาก็ตาม...
ถ้าหากยายอังของเธอมาได้ยินเธอคงถูกบิดจนเนื้อเขียวแน่ๆ
หญิงสาวยังอุตส่าห์คิดถึงผู้เป็นยายที่เลี้ยงดูตนมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกซึ่งท่านเป็นคนที่พูดจาไพเราะอ่อนหวานและเป็นกุลสตรีที่สุดซึ่งมันก็ทำให้เธอรู้สึกผิดที่พูดจาก๋ากั่นไปแบบนั้น...
ช่วยไม่ได้ก็มันพูดไปแล้วและไอ้ผู้ชายหน้าหล่อแต่ปากเสียนี่ก็พูดดูถูกเรานี่นา... อังศณาพยายามเข้าข้างตัวเองเพื่อให้ตนรู้สึกดีขึ้น
“หึ... จะลงไปล่าเหยื่อต่อรึไงแม่คุณ แถวนี้มีแต่หนุ่มกลัดมันทั้งนั้นหากลงไปในสภาพนี้รับรองได้เลยว่ามีผัวเป็นโหล...”
ปฐวินก็ห้ามปากตัวเองไม่ทันอีกแล้วเมื่อเขามองไปนอกรถพบว่าย่านนี้เป็นเขตก่อสร้างคอนโดหรูซี่งมีแคมป์คนงานก่อสร้างปลูกสร้างอยู่ในพื้นที่การก่อสร้างซึ่งขณะนี่มีคนงานหนุ่มๆ บางคนกำลังตั้งวงเหล้ากันอยู่
“มันเรื่องของฉัน หากต้องนั่งรถกับคนปากเสียฉันก็ไม่ขอทน... อุ๊บ...”
ปากก็ต่อล้อต่อเถียงกับเขาทั้งที่ตอนนี้เธอรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนและวิงเวียนไปหมดราวกับว่าโลกหมุนกลับด้านเสียอย่างนั้นทั้งยังรู้สึกว่าศีรษะเธอมันหนักอึ้งจนแทบจะประคองตัวอยู่ไม่ไหวจนทำให้เธอต้องหลับตาลงพิงกับพนักพิงเบาะหนังหรูหรานั้นเสียก่อนที่จะมีอาการที่เรียกว่า หัวทิ่ม ให้อับอายขายขี้หน้า...
“ฉะ ฉันอยากอ้วก...” ในที่สุดเธอก็พูดออกมาเสียงแผ่วเมื่อท้องไส้และลำคอมันเริ่มจะไม่ไหว ไอ้ที่ดื่มๆ เข้าไปมันกำลังจะหาทางออกเสียแล้ว
“เฮ้ยๆ นี่เธออย่าเพิ่งนะ ให้ฉันจอดรถก่อน ห้ามอ้วกใส่รถฉันนะ”
พูดจบชายหนุ่มก็รีบจอดรถเลียบข้างทางตรงที่มีไฟสว่างและไม่เปลี่ยวมากทันทีแล้วเดินลงมาเปิดประตูรถแล้วประคองร่างบางลงมาข้างนอกซึ่งพอออกมาจากรถคันหรูได้อังศณาก็โก่งคออาเจียนจนหมดไส้หมดพุงทันที...
ปฐวินเข้ามาลูบหลังลูบไหล่หาน้ำให้เธอบ้วนปากแล้วยังเช็ดหน้าเช็ดตาให้เธออย่างไม่รังเกียจอีกด้วย ทั้งที่เขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน ทั้งยังรู้สึกรังเกียจผู้หญิงที่เมามายจนดูแลตัวเองไม่ได้หรือต้องเป็นภาระให้ใครมาดูแล
“เป็นไงบ้าง ดีขึ้นรึยัง... นี่ล่ะนะ คนอวดดีไม่รู้จักประมาณกำลังตัวเอง...”
ปากก็ว่าคนที่ซวนซบมาอิงอกกว้างของตนอย่างหมดเรี่ยวแรง เปลือกตางามหลับพริ้มจนเห็นแพขนตาหนางอนช้อยที่เปียกชื้นด้วยน้ำตาซึ่งเป็นผลมาจากการอาเจียนเมื่อครู่ อังศณาไม่ตอบเพราะเธอไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด ตอนนี้หูเธออื้ออึงด้วยเสียงหึ่งๆ ทั้งยังรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะตามด้วยอาการปวดตุบๆ ที่ขมับบางหมดเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้เขา และการได้หลับตาลงมันทำให้เธอรู้สึกสบายอย่างที่สุด...
“นี่เธอเป็นไงบ้าง นี่เธอ นางๆ นาง...” ชายหนุ่มเขย่าร่างบางที่หลับตาเอนกายพิงอกกว้างของตนเบาๆ แต่เจ้าหล่อนก็ไม่มีทีท่าว่าจะตอบสนองเขาเลยแม้แต่น้อย...
“อะไรกันเนี่ย อย่าบอกนะว่าเธอหลับไปแล้ว...” ปฐวินพูดกับตนเองอย่างไม่ชอบใจนี่เขาคงเหมือนคนบ้าที่พูดเองเออเองอยู่คนเดียวแน่ๆ
“มีอะไรให้ช่วยไหมครับเจ้านาย...”
ลูกน้องที่คอยติดตามเขามาห่างๆ จอดรถแล้วลงมาดูว่าเจ้านายหนุ่มมีอะไรจะให้ช่วยเหลือหรือไม่เมื่อเห็นว่ารถของเจ้านายนั้นหยุดกลางทางและท่าทางเจ้านายของตนดูจะยุ่งยากใจกับแม่สาวสวยที่อ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมแขนของตน
“ไม่มีอะไรแล้ว พวกนายไม่ต้องลำบากหรอกฉันจัดการเอง ขอบใจ...” ปฐิวินบอกแล้วพาร่างบางเข้าไปนอนในรถแล้วเดินมานั่งประจำที่คนขับแล้วขับรถออกไปโดยไม่รู้ว่าจะพาเธอไปส่งที่ไหนดี...
“แล้วฉันจะไปส่งเธอที่ไหนล่ะนี่ คงไม่คิดจะใช้วิธีนี้อ่อยฉันหรอกนะแม่คุณ ตื่นสิตื่น...”
บ่นพึมพำอยู่คนเดียวอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่อคนที่หลับคอพับอยู่กับเบาะรถยนต์คันหรูไม่มีทีท่าว่าจะลืมตาตื่นขึ้นมา ปฐวินก็ถือโอกาสจับจ้องใบหน้านวลตรงหน้าอย่างชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจเลี้ยวรถไปยังโรงแรมหรูของตนทันที...
