ตอนที่ 17 เจ้าชายผู้ที่เอาแต่ใจ 50%
Girl Group Talk
"แก ฉันดีใจมากเลยอ่ะที่เจ้าชายคามินจะเข้ามาทำงานที่นี่ทุกวันเลย "
ผู้หญิงคนที่หนึ่งพูดขึ้นในขณะที่เม้ากันอยู่ที่โต๊ะอาหาร ระหว่างทานข้าวกลางวัน
"ถ้าเจ้าชายมาทำงานที่นี่ทุกวันนะฉันเองก็มีกำลังใจในการทำงานแล้วอ่ะแก"
"งืออออ ทำงานเหนื่อยแค่ไหนก็คงไม่เหนื่อยแล้วแหละแค่ได้เห็นหนวดเคราเจ้าชายแค่นี้ฉันก็ฟินจะแย่"
"เนอะๆ ไม่ได้เป็นเมียเจ้าชายขอแค่ได้เห็นหน้าก็ยังดีตัวเป็นเป็นแบบนี้หล่อกว่าในทีวีอีกเนอะ"
The End...
♦️♦️♦️♦️
บรรดากลุ่มสาวโสดเม้ากันถึงเจ้าชายคามิน ลอร่าได้ยินหญิงสาวหัวเราะและส่งยิ้มให้กับคิมเบอร์ลี่
"ฮ่าาาาาาาาา" ลอร่าหัวเราะ
"ดูเอาเถอะว่าบอสใหญ่ของเราฮอตแค่ไหน"
คิมเบอร์ลี่พูดพร้อมกับหัวเราะไปกับรอล่า
"ก็ฮอตขนาดแค่เห็นหนวดเคราก็ฟินแล้วอะค่ะประมาณนั้น 55555555"
เมื่อรอล่าพูดจบหญิงสาวก็หัวเราะวีดดังขึ้น
"เรานี่แปลกนะลอร่า คนอื่นออกจะกรี๊ดเจ้าชายแต่ทำไมหนูถึงรู้สึกเฉยเฉยล่ะ"
"ขนาดพี่คิมเองยังไม่ปลื้มเจ้าชายนี่คะมันก็ไม่แปลกที่หนูจะรู้สึกเฉยเฉย" หญิงสาวท้วง
"โอ้ยเด็กน้อย...ก็พี่แต่งงานมีลูกแล้วน่ะสิพี่ก็เลยไม่ได้กรี๊ดเจ้าชาย นี่ถ้าพี่โสดแบบคนอื่นพี่ก็คงจะกรี้ดเหมือนกันแหละ"
คิมเบอร์ลี่พูดขึ้น
"โฮ....พี่คิมมีลูกแล้วเหรอคะ"
ลอร่าถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
"ใช่จ้ะมีแล้ว อายุหกขวบ ตอนนี้เรียนอยู่ชั้นอนุบาลสามจ้ะ อยู่ใกล้กับออฟฟิศเราเนี่ยแหละเมื่อพี่เลิกงานพี่ก็นั่งรถไฟฟ้าแป๊บเดียวไปรับลูกที่โรงเรียนแล้วสามีพี่ก็ไปรับเราทุกคนกลับบ้านจ้ะ"
คิมเบอรี่เล่าเรื่องราวส่วนตัวของตัวเองให้ลอร่าได้ฟัง
"โหย...ฟังดูแล้วรู้สึกอบอุ่นจังเลยนะคะ"
ลอร่าพูดพร้อมกับทำหน้าฟินที่พี่คิมของเธอมีครอบครัวที่อบอุ่น
"ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกจ้า แต่ก็มีความสุขดี"
ทั้งสองสาวทานอาหารและยิ้มให้แก่กัน ทันใดนั้นก็มีบุรุษนิรนามไม่ได้รับเชิญเดินมาที่โรงอาหารของพนักงาน
ตอนนี้สาวทุกคนต่างก็หวีดร้องและจ้องมองกันเป็นตาเดียวในขณะที่เซลิมเดินมาที่โรงอาหารอย่างไม่มีรังเกียจ
ชายหนุ่มเดินแทรกตัวตามโต๊ะ สายตาคมก็จ้องมองหาลอร่าและในที่สุดเขาก็เจอ ชายหนุ่มจึงได้เดินตรงมาหาเธอที่โต๊ะอาหารทันที
เมื่อเห็นว่าใครบางคนกำลังยืนอยู่หญิงสาวที่กำลังนั่งทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยอยู่จึงได้แหงนหน้าขึ้นมอง เมื่อเธอสบตาคมจึงได้รู้ว่าบุรุษผู้นี้คือคุณเซลิมผู้ที่ทุ่มทุนสร้างและร่วมทุนกับเจ้าชายคามิน
"คุณเซริมมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับการประชุมเมื่อสักครู่หรือเปล่าคะ"
คิมเบอรี่ถามขึ้นด้วยความประหม่า หญิงสาวกลัวเหลือเกินว่าเธอและลอร่าจะทำอะไรผิดพลาดในขณะที่ทำการประชุม คิมเบอรี่ลุกขึ้นถามด้วยความตกใจ
"อ้อๆเปล่าครับ ไม่มีอะไรผิดพลาดเลยคุณไม่ต้องทำท่าทางตกใจกลัวขนาดนั้นหรอกครับ ขอโทษด้วยถ้าเกิดว่าการกระทำของผมทำให้คุณเกิดความเข้าใจผิด"
เซลิมรีบบอกกลัวว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าทั้งสองคนจะวันวิตกมากไปกว่านี้
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้วคิมเบอรี่ก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
"ไม่ทราบว่าคุณทั้งสองจะรังเกียจไหมถ้าเกิดว่าผมอยากจะขอนั่งร่วมโต๊ะด้วย"
เมื่อเซลิมพูดแบบนี้ลอร่าแทบจะสำลักอาหารที่อยู่ตรงหน้าในทันที
"งานเข้าแล้ว...ลอร่าเธอหนีไม่พ้นแน่"
หญิงสาวคิดอยู่ในใจ เธอยังจำได้ดีที่เค้าขอจับมือตอนอยู่ด้านหลังของไนท์คลับเขาเเสดงความเสน่หาเธออย่างชัดเจน
"ม มเ ไม่ เลยคะ เชิญนั่งเลยค่ะคุณเซลิม"
คิมเบอร์ลี่บอกกับเซลิมอย่างตะกุกตะกักเพราะเธอไม่ทันได้ตั้งตัวเลยว่าผู้ชายที่สุดแสนจะร่ำรวยคนนี้มานั่งทานอาหารที่โรงอาหารพร้อมกับพนักงานยังไม่มีรังเกียจ เซลิมเลือกที่จะนั่งเก้าอี้ติดกับลอร่า เมื่อนั่งลงเขาก็หันไปยิ้มทักทายหญิงสาวที่กำลังก้มหน้าหงุดทานข้าว
นัยย์ตาคมจ้องไปที่ข้างแก้มนวลๆของลอร่า คิมเบอรี่หมั่นใจแล้วว่าที่ชายหนุ่มมาปรากฎตัวที่นี่เพราะลอร่าแน่ๆ เจ้าชายคามินดูกล้องวงจรปิดแล้วถึงกับโมโหที่เซลิมแสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนใจในตัวลอร่า อาการหึงหวงของเจ้าชายคามินเริ่มก่อตัวขึ้น
เมื่อเซลิมนั่งได้ยังไม่ถึงนานเสียงโทรศัพท์ของหญิงสาวก็ดังขึ้น
กริ่ง !! !!
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูปรากฏว่าเป็นเบอร์ของผู้จัดการฝ่ายการตลาด หญิงสาวจึงรีบรับโทรศัพท์ในทันที
"ค่ะผู้จัดการ..."
"คุณมาพบผมที่ด้านหน้าบริษัทเราจะออกไปหาลูกค้าข้างนอกกันตอนนี้เลย ให้คุณมาโดยด่วนรถจอดอยู่ที่ด้านหน้าบริษัท ผมนั่งรออยู่ในรถแล้ว"
ผู้จัดการฝ่ายการตลาดกรอกเสียงมาตามสายหญิงสาวจึงรีบลุกขึ้นในทันที
"ขอตัวก่อนนะคะผู้จัดการโทรตามค่ะ บอกว่าจะพาไปหาลูกค้า"
"ถ้ายังงั้นวางจานไว้เลยเดี๋ยวพี่ไปเก็บให้ ดูเหมือนผู้จัดการท่านรีบนะ ลอร่ารีบไปเถอะเดี๋ยวพี่เก็บให้"
มเบอร์ลี่บอกกับหญิงสาว
ขอบคุณค่ะพี่คิม ... คุณเซลิมฉันขอตัวก่อนนะคะ"
ลอร่าบอกทั้งคู่ก่อนคว้ากระเป๋าสะพายแล้วรีบตรงไปที่หน้าบริษัททันที
เมื่อหญิงสาวลงมาก็ได้เจอกับรถยนต์ เมอร์ซิเดสเบนซ์ของผู้จัดการจอดรอเธออยู่และเมื่อเธอวิ่งมาผู้จัดการก็บอกให้เธอขึ้นรถในทันที หญิงสาวขึ้นรถอย่างไม่ลังเลใจแต่คนที่สงสัยก็คือคิมเบอร์ลี่
"แปลกจังทำไมผู้จัดการมีประชุมกับลูกค้าแล้วเราเป็นเลขาถึงไม่รู้ล่ะ แล้วแถมยังเรียกลอร่าไปหาลูกค้าด้วยเนี่ยนะ มันฟังดูแปลกแปลกหรือเปล่านะ"
คิมเบอรี่พูดออกมาเบาเบาแต่มันก็ดังเข้าไปในสองรูหูของเซลิมทำให้ชายหนุ่มอดคิดตามไปด้วยไม่ได้
"เอ่อ ... คุณคิมเบอรี่สนิทกับคุณลอร่าเหรอครับ"
ชายหนุ่มแอบถาม
"ก็ไม่ได้สนิทอะไรมากหรอกค่ะก็เพิ่งรู้จักกัน ตอนที่น้องเค้ามาฝึกงานเนี่ยล่ะค่ะ"
ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ แล้วเซลิมก็หลอกถามอะไรหลายหลายอย่างจากคิมเบอร์ลี่ก่อนที่จะขอตัวแล้วเดินจากไป
ทำให้สาวสาวที่อยู่ในโรงอาหารทั้งสาวเล็กสาวใหญ่ต่างก็อิจฉาคิมเบอร์ลี่ที่เซลิมนั่งคุยอยู่เป็นนานสองนาน นี่ถ้าหญิงสาวยังไม่มีลูกไม่มีสามีคงจะถูกสายตาของสาวโสด ณ ที่แห่งนี้อาฆาตพยาบาทมากกว่านี้แน่ไ
รถเมอร์ซิเดสเบนซ์คันงามของผู้จัดการขับไปไม่นานตอนนี้ก็ได้ถึงร้านอาหารที่โรงแรมหรูซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงาน
"ถึงแล้ว"
ผู้จัดการได้บอกกับเธอด้วยน้ำเสียงสุภาพ จนหญิงสาวเองก็อดแปลกใจไม่ได้ เมื่อสัปดาห์ก่อนที่เริ่มงานวันแรกผู้จัดการยังเคยดุด่าว่าเธอเลยเกี่ยวกับการทำงานที่ยังไม่เรียบร้อยแต่ทำไมวันนี้ผู้จัดการถึงได้ดูสุภาพและดูกเกรงใจเธอเป็นพิเศษกันนะหญิงสาวสงสัยแต่ก็ไม่กล้าถาม
อ๊ะ ถึงแล้วเหรอคะทำไมใกล้จัง! ถ้ามันใกล้ขนาดนี้คุณผู้จัดการบอกดิฉันให้นั่งรถตามมาก็ได้นะคะ ผู้จัดการไม่น่าลำบากพาดิฉันมาเลยค่ะ"
เธอบอกอย่างเกรงใจ
"คุณขึ้นไปก่อนนะ ลูกค้าของเราซึ่งเป็นคนพิเศษรออยู่ห้องอาหารชั้น 12 "
"แล้วคุณผู้จัดการไม่ไปด้วยกันเหรอคะ"
เธอถามด้วยความสงสัยแต่ก็ถามแบบกล้าๆกลัวกลัวเพราะเกรงใจผู้จัดการเช่นกัน
"คุณเข้าไปก่อน เมื่อคุณขึ้นไปที่ชั้น 12 แล้วคุณก็จะเข้าใจเอง"
เมื่อผู้จัดการพูดจบก็ขับรถไปในทันที ลอร่ารู้สึกงงกับสถานนะการณ์แบบนี้ เธอก็ได้แต่คิดว่าผู้จัดการอาจจะขับรถไปจอดแล้วตามเธอไปทีหลังก็ได้ หญิงสาวจึงไม่คิดอะไรมากได้แต่เดินไปกดลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้น 12 ในทันที
เมื่อลิฟท์เปิดออกหญิงสาวก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างหนักเมื่อเธอมองไปที่โต๊ะอาหารมันมีอยู่ประมาณ 10 โต๊ะเห็นจะได้ ที่นี่ตกแต่งอย่างหรูหราราคาคงจะแพงน่าดู แต่ถ้าเธอมากินกับครอบครัวมันก็ไม่แพงเท่าไหร่นะราคาแค่นี้จ่ายได้สบาย แต่ถ้าเป็นตอนนี้เธอต้องหาเงินใช้เองไม่สามารถมาทานที่แบบนี้ได้เพราะเธอกล้าท้าทายอำนาจของพ่อต้องออกจากบ้านมาทำงานหาเงินใช้เองเธอก็คงจะไม่มีปัญญามารับประทานอาหารที่รู้และราคาแพงแบบนี้ได้อีกแล้ว
หญิงสาวเดินตรงไปเรื่อยเรื่อยแล้วมองหาลูกค้าอย่างที่ผู้จัดการได้บอก ไม่นานก็มีพนักงานต้อนรับเดินมาหา
"เชิญคุณลอร่าทางด้านนี้เลยค่ะ"
พนักงานต้อนรับได้ผายมือบอกกับหญิงสาวเธอก็ได้แต่เดินตามพนักงานต้อนรับไปแต่โดยดี
เมื่อประตูห้องที่อยู่อีกฟากหนึ่งซึ่งเป็นโซนวีไอพี เมื่อประตูเปิดออกหญิงสาวมองเข้าไปไม่ไกลมากมองเห็นเจ้าชายคามินยิ้มให้กับเธอและนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร
เขายังคงใส่ชุดสูทตัวเดิมที่ใส่ประชุมในเมื่อเช้าที่ผ่านมา เมื่อหญิงสาวกำลังจะหันหลังกลับก็ต้องได้ยินเสียงข่มขู่ดังออกมาจากปากของเจ้าชายคามิน
"ถ้าอยากเรียนไม่จบก็กลับไปได้เลยนะไม่มีใครว่า !
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้วลอร่าถึงกับก้าวเท้าไม่ออก หญิงสาวกำหมัดแน่นด้วยความโกรธและโมโห นี่เธอยังคงแพ้อำนาจเขาสินะ หญิงสาวคิดในใจ
เพียงไม่นานผู้จัดการก็ได้เดินตามมา ลอร่ามองสบตาผู้จัดการตัวเอง เธอต้องการถามวันนี้มันคือเรื่องอะไรกันแน่
"ฉันคิดว่าผู้จัดการน่าจะพาฉันมาผิดที่นะคะ"
หญิงสาวถามออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ผู้จัดการพยักหน้าให้กับหญิงสาวประมาณว่าท่านรู้ดีแล้วว่าเธอคือว่าที่พระวรชายาของเจ้าชายคามิน
"กระผมต้องขอโทษด้วยที่เคยล่วงเกินว่าที่พระวรชายา ได้โปรดประทานอภัยอย่าโทษให้กระผมด้วยครับ"
ผู้จัดการบอกอย่างสุภาพพร้อมกับโค้งคำนับหญิงสาว
"ออกไปรอด้านนอก เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วคุณค่อยไปส่งเธอที่บริษัท"
นี่คือคำสั่งของเจ้าชายคามิน เมื่อผู้จัดการได้ยินแล้วจึงนั่งที่โต๊ะอีกฟากและทานอาหารกลางวันคนเดียวและรอรับรอล่าไปทำงานด้วยกันในช่วงบ่าย
"มาทานข้าวได้แล้วจะได้ไปทำงาน ! เจ้าชายคามินออกคำสั่งในขณะที่หญิงสาวกำลังยืนตัวแข็งทื่ออยู่
"ถ้าไม่อยากให้คนอื่นได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของตัวเองก็ควรจะมานั่งทานอาหารนะถ้าไม่ทานอาหารกลางวันจะมีแรงทำงานให้บริษัทอย่างมีประสิทธิภาพได้ยังไงล่ะ มาสิ่มาทานอาหาร"
เจ้าชายคามินยังคงออกคำสั่งหญิงสาวอย่างต่อเนื่อง
"เมื่อสักครู่นี้ดิฉันทานมาแล้วค่ะอิ่มแล้วและไม่หิว !
"ก็แล้วแต่นะ ถ้าอยากให้คนอื่นเดือดร้อนจากการกระทำของตัวเองก็ไม่ต้องมาทานก็แล้วกัน"
หญิงสาวเม้มปากจนห่อเลือดด้วยความโมโหเจ้าชายผู้นี้ที่ช่างเอาแต่ใจตัวเอง
"เรารู้แล้วว่าเธอทานอาหารมาแล้ว ... และทานกับใคร"
เจ้าชายคามินบอกอย่างไม่สบอารมณ์คำพูดของปากหนายังคงเต็มไปด้วยวาจาที่กวนประสาทหญิงสาวผู้นี้เสียเหลือเกิน
ลอร่ารู้สึกขัดใจมากหญิงสาวได้แต่เดินไปหาเจ้าชายที่โต๊ะและเจ้าชายก็ขยับเก้าอี้ให้กับเธออย่างสุภาพบุรุษพึงกระทำแล้วทั้งสองคนก็รับประทานอาหารกันอย่างเงียบๆ
