21
“ใจเย็น ๆนะครับหนูเล็กเดี๋ยวเราจะได้ไปขึ้นสวรรค์ด้วยกันสองคนนะจ๊ะ...ฮ่า...ฮ่า..ฮ่า...” ช้างหัวเราะเหมือนตัวโกงในละคร ทำหน้าตาหื่นกระหายแลบลิ้นเลียริมฝีปากเหมือนโจรบ้ากาม ข่มขวัญยัยตัวแสบเอาไว้ก่อน แต่ดูเหมือนคนที่กลิ้งอยู่บนเบาะรถจะไม่มีอาการหวาดกลัวสักนิด มีแต่สายตาวาววับเหมือนจะฆ่าเขาได้เลยด้วยซ้ำ.......กูทำขนาดนี้ ยัง...ยัง ไม่กลัวอีกหรือวะ... วันนี้ต้องกำราบให้อยู่หมัด...ช้างหมายมั่นต้องทำให้ได้ก่อนจะขับรถมุ่งหน้าสู่จุดหมาย
ชายหนุ่มขับรถมาถึงเรือนหลังน้อยซึ่งเป็นเซฟเฮ้าส์ส่วนตัวของเขาแล้วจึงอุ้มยัยตัวแสบเข้ามาในบ้านก่อนจะเทลงบนที่นอนให้กลิ้งเป็นลูกขนุนแลดูน่าขำที่เห็นหล่อนเอาแต่มองตาคว่ำ ชายหนุ่มค่อย ๆ เอาผ้าผูกปากออกให้ แล้วจึงแก้เชือกที่มัดมือ มัดเท้าออกให้อย่างเบามือ
ทันทีที่เป็นอิสระ คนที่นั่งรอการแก้มัดก็กระโจนเข้าใส่และก่อนที่จะได้ข่วนใบหน้าหล่อ ๆ อย่างที่กางเล็บรอก็โดนคนตัวโตกว่าจับล็อคเอาไว้ แล้วใช้น้ำหนักอันมหาศาลกดทับเอาไว้จนเกือบบี้แบน
“แค่ก...แค่ก...จะฆ่ากันหรือไง ปล่อยนะไอ้พี่ช้าง” หญิงสาวสำลักหน้าดำหน้าแดงเหมือนกับจะจมหายลงไปในที่นอน
“ปล่อยก็ได้...แต่ถ้าหนูเล็กคิดจะทำร้ายพี่อีกล่ะก้อ....พี่ปล้ำจริง ๆ ด้วย....ตกลงไหม” ไม่พูดเปล่ายังก้มลงมาหอมแก้มเสียฟอดใหญ่
หญิงสาวพยักหน้ายอมรับข้อตกลง พ่อคนตัวโตจึงได้ลุกออกมาปล่อยให้หญิงสาวเป็นอิสระ
“ทำบ้าอะไรห๊ะ....” ทันทีที่หลุดพ้นจากพันธนาการ....หนูเล็กดีดตัวขึ้นมาเท้าสะเอว ตะคอกใส่หน้าไอ้คนเถื่อน อันเป็นกิริยาที่หากคุณหญิงยายเห็นเข้าคงจะลมใส่นึกไม่ถึงว่าหลานสาวคนสวยจะเป็นได้ขนาดนี้
“พี่แค่ล้อเล่นขำ ๆ น่า แบบว่าเล่นโจรเรียกค่าไถ่อะไรแบบนี้ไง ตื่นเต้นไหมจ๊ะ.....” ช้างพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ฉีกยิ้มหน้าบานจนแทบจะถึงใบหูแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนุกด้วย
“แบบนี้น่ะเหรอล้อเล่น....เอาอะไรคิดห๊ะ...... พาหนูเล็กกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ” หญิงสาวหน้างอเป็นจวัก ออกคำสั่งตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธจัดผสมกับความเจ็บใจเสียหน้าที่สู้เขาไม่ได้ดักทางรู้ท่ารับมือได้หมด
“จะกลับไปทำไมกันมาเที่ยวไม่ใช่เหรอ ไปทำอะไรสนุก ๆ กันดีกว่า หนูเล็กเห็นภูเขาลูกโน้นไหมครับ.....” ช้างชี้มือไปที่นอกหน้าต่าง แลเห็นภูเขาลูกย่อม ๆ ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่....ชายหนุ่มชี้ชวนให้คนที่เขารู้ดีว่าเจ้าหล่อนชอบการผจญภัย.......เขาคิดว่ามองคนไม่ผิดหนูเล็กจะกลายเป็นผู้หญิงนุ่มนิ่มเรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้ได้อย่างไรตอนเด็กนิสัยแบบไหนโตมาก็ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปมากมายถึงขนาดพลิกขั้วตรงกันข้าม....และตอนนี้เธอก็เริ่มจะมีอาการลังเลอย่างเห็นได้ชัด
“แล้วไงคะ...ก็แค่ภูเขา” หญิงสาวถามเสียงสะบัดอยากจะงับหัวคนกวนประสาทให้จมเขี้ยวเสียมากกว่าคิดว่าน่าจะราคาคุยอย่างเคย......
“บนนั้นมีลานหินกว้างมีดงดอกหญ้าตอนลมพัดเอื่อย ๆ ยามค่ำคืนมันเย็นชื่นนนนนนนใจ........พี่เคยไปนอนดูดาว สวยมากขอบอก ราวกับว่าเราอยู่ใกล้ท้องฟ้าแค่เอื้อมเลยนะครับ....ว่าไงสนป่ะ.........” ชายหนุ่มพรรณนาเชิญชวนสุดตัว
“แหวะ....โม้” หญิงสาวเบ้ปากทำเป็นไม่สนใจ ทั้งที่ในใจกำลังลิงโลด...ภูเขาลูกนั้น...แม้จะนานมาแล้ว แต่เธอยังจำได้ดี
“หนูเล็กไม่อยากพิสูจน์เหรอครับ”
“ไม่ต้องมาหลอกล่อ” หญิงสาวสะบัดหน้าไปอีกทาง เพราะยังไม่หายโกรธ
“หนูเล็กจำไม่ได้แล้วเหรอที่ตอนเด็ก ๆ พี่ขึ้นไปกับไอ้วิน หนูเล็กร้องตามแทบตาย แต่คุณหญิงยายก็ไม่ยอมให้ไปด้วย แล้วตอนนี้จะรออะไรล่ะไปเหอะ.......” ช้างชวนรำลึกถึงความหลังเหมือนเด็กชายกำลังจะชวนเพื่อนหญิงหนีเที่ยวสารพัดจะโอ้โลม
“พี่ช้างต่างหากที่ไม่ให้หนูเล็กไปด้วย” หญิงสาวเถียงหน้าคว่ำตอกย้ำว่าเธอก็จำได้ไม่ลืมเช่นกัน
“จำได้ด้วยเหรอ.....หรือว่าแค้นฝังหุ่นกันแน่” ชายหนุ่มถามยิ้ม ๆ
“เฮอะ...ไม่ได้สนใจซักหน่อย ก็แค่บังเอิญนึกขึ้นได้ไม่เห็นอยากจำ......” หญิงสาวไหวไหล่เล็กน้อยลอยหน้าลอยตาวางท่าเยอะท่าแยะแต่ก็อยากไปนั่นแหละ
“ตกลงจะไปหรือเปล่า สวยนะ.....”
“ก็ได้...แต่ถ้าไม่สมราคาคุยล่ะก็.......น่าดู” หญิงสาวกอดอกทำเป็นไม่สนใจเท่าไหร่ยอมไปอย่างเสียไม่ได้ ทั้งที่เธอจำได้ตั้งแต่เขาชี้ให้ดูภูเขาลูกนั้นแล้วถึงเขาไม่ชวนเธอก็คิดจะใช้ความเป็นนายทาสบังคับให้อีพี่ช้างพาไปอยู่แล้ว
“ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยนะครับ คนงานของเราเฝ้าอยู่ด้านล่างยี่สิบสี่ชั่วโมง ข้ามเขาไปฝั่งโน้น ก็เป็นที่ของเรา พี่เพิ่งจะซื้อต่อจากเจ้าของเดิมไม่นาน ฝั่งนั้นเป็นไร่ชา แต่ปกติพี่ก็ไม่ใช้วิธีเดินข้ามเขาหรอกถ้าไม่ใช้ทางรถอ้อมไปก็ใช้ม้าแทน” ช้างตีขลุมเป็น เรา โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันสังเกต
“ที่ไร่มีม้าด้วยเหรอคะ” เธอวางความขุ่นข้องหมองใจลงชั่วขณะ เอ่ยถามอย่างตื่นเต้น
“มีครับ ถ้าหนูเล็กอยากขี่ม้าพรุ่งนี้พี่จะพาไป คอกม้าอยู่ฝั่งนู้นนนน.......” ชายหนุ่มบุ้ยปากบอกสารพัดกิจกรรมที่อิพี่ช้างจะเอามาหลอกล่อ........รอให้ติดกับดักก่อนเถอะแล้วจะรู้จักตัวตนที่แท้จริง
บรรดาพ่อ ๆ แม่ ๆ ที่ออกไปเที่ยวไร่ชาอีกฟากหนึ่งตลอดทั้งบ่าย พากันไปเยี่ยมชมที่ดินผืนใหม่ที่นายช้างเพิ่งจะซื้อมาไม่นาน และมีแผนจะทำฝั่งนั้นให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีกิจกรรมหลากหลาย พ่อเลี้ยงอาชาเล่าด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจกับลูกชายคนนี้มาก ๆ หลัง ๆ เขาแทบจะวางมือได้เลย ดูแลเฉพาะที่โรงแรมบ้างเพราะได้ผู้จัดการดีมีฝีมือ ชีวิตส่วนใหญ่จึงอยู่ที่กรุงเทพฯกันซะมากกว่า...นาน ๆ จึงจะได้มานอนเล่นพักผ่อนที่ไร่กันสักครั้ง ยิ่งเห็นลูกชายแสดงฝีมือ ขยับขยายอาณาจักรไปในทางที่ดี ก็ยิ่งวางใจหากตัดนิสัยส่วนตัวออกก็นับว่าคชินทร์เป็นคนหนุ่มอนาคตไกลไม่ใช่นั่งกินบุญเก่าที่พ่อแม่สร้างไว้ให้ไปวัน ๆ
