บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 พยัคฆ์บูรพาที่ไร้เมตตา

“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”

“ท่านอ๋อง เหตุใดจึงรับเงื่อนไขของพวกเขาง่าย ๆ เล่าพ่ะย่ะค่ะ”

“หรือว่ารองแม่ทัพโจว อยากจะยกทัพไปขนาบตีเมืองอู๋ตงของพวกเขาจนราบ และถูกโจมตีโดยกองทัพกบฏของฉีอันอีกทีเล่า”

“ทรงพระปรีชายิ่งแล้ว กระหม่อมผิดเองที่คิดน้อยเกินไป”

“ท่านพ่อ!”

“ไม่ได้นะขอรับคุณหนูโจว”

“ข้าจะเข้าไป หลีกไป!”

เฉินฟ่านหรงหันมามองหน้า “โจวต้าเหมิน” รองแม่ทัพหลันโจว ที่ดูแลกองทัพหลวง ซึ่งผู้ที่มาตะโกนเรียกอยู่หน้ากระโจมมิใช่ใคร แต่เป็นบุตรสาวของเขาเอง “โจวชิงเหมย” ซึ่งติดตามบิดามานั่นเอง

“ท่านออกไปเถอะ”

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”

“โจวชิงเหมย” มิได้รอคำสั่ง นางเดินเข้ามาในกระโจมทันที เมื่อทราบข่าวว่า คณะทูตของอู๋ตงกลับไปแล้ว เมื่อเดินเข้ามาท่านอ๋องก็มิได้แสดงสีหน้าแปลกใจอันใด

“ท่านพ่อนี่มันหมายความว่าอย่างไร ที่ฝ่ายข้าศึกขอสงบศึก แต่กลับจะส่งสตรีมาที่นี่ ช่างน่าละอายยิ่งนัก!”

“ชิงเหมย! เจ้าอย่าได้พูดจาเหลวไหล”

“ข้า…”

“โจวชิงเหมย”

นางหันมามองท่านอ๋อง และรีบคุกเข่าลงทันที นางเงยหน้าที่ดื้อดึงนั้นมองเขา แต่ท่านอ๋องมิได้มองนาง เขาเพียงเอารายงานกองทัพขึ้นมาอ่านและถามนางไปด้วยเสียงเรียบ ๆ

“ถวายบังคมท่านอ๋อง หม่อมฉันเสียมารยาทแล้ว”

“เมื่อรู้ว่าเสียมารยาท ก็ไม่ควรมาที่นี่”

“แต่ว่า!”

“ในเมื่อรู้ว่าทำผิดกฎ เจ้ารู้ดีว่าต้องทำเช่นไร”

“พี่ฟ่านหรงข้า…”

“หุบปาก!”

เฉินฟ่านหรงตะคอกเสียงดัง พร้อมกับวางรายงานที่อ่านจบแล้วลงที่โต๊ะ เขาลุกขึ้นและมองมาที่นาง สายตาดุจเหยี่ยวนั้นจดจ้องราวกับจะฆ่าคนได้

“หม่อมฉันแค่ร้อนใจ ได้ยินมาว่าข้าศึกขอสงบศึก และจะส่งสตรีมาให้ท่าน ข้าก็แค่รู้สึกว่า...”

“ข้าไม่เห็นว่า เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับเจ้าตรงไหน เจ้าเข้ามาในกองทัพนี้ เพราะใช้อิทธิพลของพ่อเจ้า ตอนนี้ยังกล้าก่อเรื่องวุ่นวายอีกงั้นหรือ”

“เอ่อ ท่านอ๋องโปรดทรงอภัย กระหม่อม...”

“ในเมื่อเข้ามาอยู่ในกองทัพ ก็ต้องทำตามกฎ เจ้าพรวดพราดเข้ามาในกระโจมแม่ทัพโดยมิได้อนุญาต คงรู้ว่าต้องลงโทษเช่นไร”

“พี่ฟ่านหรง แต่ข้าคือโจวชิงเหมยนะ! ท่านจะใจร้ายลงมือลงโทษข้าเลยหรือเพคะ”

“ในเมื่อเจ้ายินยอมเข้ามาเอง ก็ย่อมต้องทำตามกฎ ไม่เว้นว่าจะเป็นผู้ใด ทหาร!”

""พ่ะย่ะค่ะ""

“จับตัวโจวชิงเหมย โบยสิบไม้ และพากลับเมืองหลันโจว ห้ามเข้ามาในค่ายทหารของข้าอีก!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

“ท่านอ๋องเพคะ!”

“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ….”

ฟ่านหรงหันไปมองรองแม่ทัพโจว ที่ไม่กล้าแม้แต่จะขอลดโทษให้กับบุตรสาว เป็นเขาเองที่ตามใจบุตรสาวมากเกินไป ใช้อำนาจที่มีอยู่ พาโจวชิงเหมยเข้ามาโดยมิได้รับอนุญาต

ท่านอ๋องรู้มานานแล้ว แต่ก็ยังมิได้กล่าวโทษเขาสักคำ มาวันนี้เป็นโจวชิงเหมยเองที่หาเรื่องใส่ตัว โทษที่ควรได้รับ ท่านอ๋องจึงเอาคืนทั้งหมด โดยที่ไม่มีผู้ใดกล้าร้องขอ

“ท่านพ่อ! ช่วยข้าด้วย ท่านพ่อ…”

โจวต้าเหมินได้แต่ยืนมองบุตรสาว ถูกลากออกไปโบย เขารู้ดีว่าหลันอ๋องผู้นี้โหดเหี้ยมมากเพียงใด เพียงแต่บุตรสาวคนนี้ชื่นชอบพระองค์มากจนดื้อรั้น เขาเองก็ผิดที่ตามใจ และยอมพานางมาที่กองทัพนี้ แม้ท่านอ๋องจะยังมิได้กล่าวโทษทันที แต่การลงโทษเช่นนี้ก็ไม่ต่างกับการลงโทษเขาด้วยเช่นกัน

“ใต้เท้าโจว”

“พะ พ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าคิดว่าท่านเป็นขุนพลที่กล้าหาญ และถือความสำคัญของบ้านเมืองเป็นหลัก ข้ายังรู้ว่าท่านเป็นห่วงบุตรสาว ครั้งนี้ถือว่าข้าช่วยท่านก็แล้วกัน การส่งนางกลับไปที่หลันโจวเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้ว”

“ขะ ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”

“ออกไปเถอะ”

“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อทุกคนออกไปแล้ว ดวงเนตรที่โหดเหี้ยมนั้น ได้มองตามเหล่าขุนพลผู้กล้าทั้งหมดอีกครั้ง

“โจวต้าเหมิน…โง่เกินไปหน่อย ที่คิดจะใช้แผนการนี้จับข้า”

เขาเองก็รู้ถึงจุดประสงค์ ของอดีตแม่ทัพหลวงแห่งหลันโจวผู้นี้ดีว่า ต้องการให้บุตรีของเขา อภิเษกเข้าวังมาเป็นพระชายาของท่านอ๋อง แต่เฉินฟ่านหรง กลับไม่เคยชื่นชอบสตรีอย่างโจวชิงเหมยเลยแม้แต่น้อย

เจ็ดวันถัดมา

ขบวนส่งมอบตัวองค์หญิงแห่งฉีอัน มาถึงยังค่ายทหารพร้อมกับสัญญาส่งมอบตัว และสัญญาสงบศึก โจวชิงเหมยถูกส่งตัวกลับเมืองหลันโจวแล้ว หลังจากถูกสั่งลงโทษโบยไปสิบไม้ นางเกือบเอาชีวิตไม่รอดเพราะจับไข้ ดังนั้นโจวต้าเหมิน จึงรีบส่งตัวนางกลับไปทันที

“ทูลท่านอ๋อง ขบวนส่งตัวองค์หญิงมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ”

ท่านอ๋องในชุดแบบทางการ เดินมายังกระโจมรับแขก เมื่อเข้ามานั่งก็เห็นว่าคณะทูต ทยอยเดินตามกันเข้ามา ด้านหลังยังมีสตรีที่เดินตามหลังมาพร้อมกับสาวใช้เพียงหนึ่งคน

“นางมีสาวใช้แค่คนเดียวงั้นหรือ มิใช่ว่าสาวใช้ขององค์หญิงต้องมีอย่างน้อยสี่คนมิใช่หรือ”

“ทูลท่านอ๋อง เห็นว่าองค์หญิงสาม ต้องการให้มาเพียงคนเดียวพ่ะย่ะค่ะ บอกว่า…”

“ว่าอย่างไร”

เขามองไปยังสตรีที่มีใบหน้างดงาม แม้สีหน้าจะซีดเผือดแต่แววตาแข็งขืนและดื้อดึงนั้น กลับดึงสายตาเขาให้สนใจนางได้ชั่วขณะ

“นางบอกว่า มาน้อยจะได้ตายน้อย ไม่จำเป็นจะต้องพาคนมาตายกับนางมากพ่ะย่ะค่ะ”

“หึ อวดดี จองหอง ขนาดมาเป็นตัวประกัน ยังหยิ่งยโสเช่นนี้ ข้าจะรอดูว่านางจะทนได้สักแค่ไหนกัน แล้วกำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่”

“พระองค์มิได้วางพระทัย…”

“ข้าไม่เคยวางใจคนต่างแคว้น ต่อให้เป็นสตรี ข้าก็ไม่มีทางลดความระแวงไปได้ โดยเฉพาะคนอวดดีเช่นนาง”

“พ่ะย่ะค่ะ”

""ถวายบังคมท่านอ๋อง""

“ทุกคนนั่งลงเถอะ”

คณะทูตเดินไปนั่งที่ของตัวเอง สาวใช้เดินไปพยุงองค์หญิงแต่นางกลับยืนอยู่ที่เดิม เฉินฟ่านหรงได้แต่มองด้วยความสนใจ และแอบนึกหงุดหงิดเล็กน้อย ในที่นี้ไม่มีผู้ใดกล้าขัดคำสั่งเขามาก่อน

“องค์หญิง เหตุใดเจ้าจึงไม่นั่ง”

“เป็นเพียงเชลยของแคว้น ที่ถูกส่งมาด้วยความไม่เต็มใจ มีหรือจะกล้านั่งด้วยความสบายใจ เหมือนบ้านของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่เป็นที่ของศัตรู”

“บังอาจ! จับนางคุกเข่าเดี๋ยวนี้!”

“ไม่ต้อง! พวกเจ้าถอยออกไป จะเสียมารยาทกับนางได้เช่นไร ถึงจะเป็นองค์ประกัน แต่ก็ยังได้ชื่อว่าเป็น “องค์หญิง” ข้าพูดถูกหรือไม่ องค์หญิงสาม หยางอิงหยุน”

คณะทูตเริ่มนั่งไม่ติดที่ เมื่อองค์หญิงเริ่มถกเถียงกับท่านอ๋องอย่างมินึกเกรงกลัว ใบหน้าเชิดสายตาที่ไม่ยอมแพ้ของนาง ทำเอาเฉินฟ่านหรงรู้สึกเดือดดาล แต่ก็นึกสนุกอยากจะแหย่นางเล่นอีกสักหน่อย… ก่อนจะสั่งลงโทษให้สาสมพระทัย

“ทำไม หรือว่าข้าพูดสิ่งใดผิดไปงั้นหรือองค์หญิง”

“หึ ต่อให้ท่านพูดจาทุเรศจนทนฟังมิได้ ออกมาจากปากสุนัขสามหาวไร้มารยาทนั่น แล้วข้าจะทำสิ่งใดได้ นอกจากยืนสมเพชท่านอยู่ตรงนี้”

“องค์หญิง ได้โปรดเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“พวกท่านยอมรับเขาได้ แต่ไม่ได้ถามข้าสักคำว่าข้ายอมหรือไม่!”

คิดไม่ถึงว่าองค์หญิง จะพกอาวุธลับเข้ามาด้วย ดาบกริชอันเล็กของนางพุ่งเข้ามาหาท่านอ๋อง ที่ยังนั่งประทับอยู่ตรงหน้า พระองค์มิได้มีท่าทีตกใจ หรือขยับหนีเลยแม้แต่น้อย เมื่อนางพุ่งตัวเข้ามาโจมตี เขาหลบอาวุธได้พร้อมกับดื่มสุราอย่างไร้ความรู้สึก หันมาจับแขนของนางไพล่ไปด้านหลัง และจับมานั่งมาบนตักของเขา

“อยากฆ่าข้าหรือองค์หญิง เจ้ายังช้าเกินไปหน่อยนะ”

“คนสารเลว!”

นางใช้มืออีกข้างจับอาวุธลับขึ้นมา แต่ก็ถูกท่านอ๋องยกมืออีกข้างที่มิได้ถือจอกสุราจับเอาไว้ และแทงอาวุธลงกับโต๊ะ นางดีดตัวพุ่งออกมา และถูกเฟิงจิ้งผลักออกไปอย่างแรงจนล้มลง

“ช้าก่อนเฟิงจิ้ง!”

“หยางอิงหยุน” ล้มลงไปที่พื้น สาวใช้รีบวิ่งมาช่วยนางทันที พร้อมกับสีหน้าที่ซีดลงมากกว่าเดิม นางกุมหน้าอกข้างขวาเอาไว้แน่น ท่านอ๋องขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่านางบาดเจ็บ และเมื่อหันมามององครักษ์ข้างกาย มือของเขาก็มีเลือดติดอยู่เช่นกัน

“ข้าไม่มีทางลืมแค้นนี้… คนสารเลว!”

“องค์หญิง! เร็วเข้าตามหมอหลวงให้ข้าที องค์หญิงบาดเจ็บ!”

ท่านอ๋องหันไปมองเฟิงจิ้ง เขารู้ทันทีว่าต้องทำอะไร จึงรีบวิ่งออกไปเพื่อตามหมอหลวง ท่านอ๋องรีบเดินเข้าไป และรวบตัวนางขึ้นมาอุ้ม นางหมดสติไปแล้ว สีหน้าของนางยังซีดเผือดอยู่ ตอนนี้เขายังไม่แน่ใจแต่ว่า…

‘เหตุใดนางจึงบาดเจ็บได้’

“หลีกทางไปให้หมด เฟิงจิ้ง รีบพาหมอหลวงไปที่กระโจมแม่ทัพของข้า เร็วเข้า!”
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel