บทที่ 18 ท่านอ๋องต้องการคุยกับพระชายา
หมิงโร่เพิ่งจะเปิดห่อสมุนไพรไปได้เพียงสองสามห่อ พ่อบ้านโจวก็เข้ามา : “พระชายา ท่านอ๋องทูลเชิญพ่ะย่ะค่ะ”
“อะไรนะ ท่านอ๋องเป็นอะไร ?” หมิงโร่คิดเพียงว่าอาการของซือห้าวเฉินแย่ลง
“เปล่า......เปล่าพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องคงต้องการพูดคุยกับพระยาชาพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านโจวรีบตอบโดยทันที
หมิงโร่แอบใส่ความอยู่ในใจ——เชื่อนายก็บ้าแล้ว คนแก่อย่างนายร้ายจะตาย
ซือห้าวเฉินออกจะเย็นชาขนาดนั้น อยากพูดคุยกับคนอื่นคงเป็นเรื่องแปลกน่าดู
“อ้อ ไปกันเถอะ” หมิงโร่ปัดแขนเสื้อ
“พระชายาไม่เปลี่ยนชุดหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ท่านอ๋องคงไม่รีบร้อนอะไรนัก” พ่อบ้านโจวเตือนด้วยความหวังดี
“ไม่ต้องหรอก” หมิงโร่คิดว่าเสื้อผ้าที่ตนเองสวมใส่อยู่นั้นดีอยู่แล้ว อย่างน้อยก็ใส่สบาย
วันนี้เธอตั้งใจจะปรุงยา จึงสวมชุดคลุม : ด้านบนเป็นเสื้อคอป้ายสีฟ้าครามปักลวดลายดอกดาวเรือง ด้านล่างเป็นกระโปรงผ้าโปร่งสีชมพูขาว ส่วนทรงผมยังคงเป็นแบบเรียบง่าย เกล้ามวยสูงและปักปิ่นหยก เดิมทีหมิงโร่ไม่คิดจะสวมต่างหู แต่จี้เสว่ได้เลือกต่างหูหยกฝังมองคำให้เธอสวมหนึ่งคู่
“เช่นนั้นเชิญพระชายาพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านโจวเดินตามหมิงโร่อย่างนอบน้อม
หมิงโร่รู้สึกว่าการหยิบสมุนไพรออกจากถุงยามาใช้ไม่ค่อยสะดวกนัก จึงถามว่า : “ตู้ยาจะทำเสร็จเมื่อไร ?”
“หม่อมฉันจะพูดเรื่องนี้อยู่พอดี” พ่อบ้านโจวรีบพูดทันที “ช่างไม้บอกว่าเคยเห็นแต่ชั้นวางยา ส่วนตู้ยานั้น......ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
หมิงโร่นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน “ร้านยาร้านหนึ่ง” วันนั้นออก สมุนไพรถูกบรรจุอยู่ใสตะกร้าไม้ไผ่ แล้ววางเอาว้บนชั้นวางยาสมุนไพรที่มีมูลค่าสักหน่อยก็จะมีฝาปิด ส่วนสมุนไพรธรรมดาก็วางเอาไว้เช่นนั้น ตอนนั้นเธอยังคิดว่า เป็นเพราะ “ร้านยาร้านหนึ่ง” เก่าแก่จึงเป็นเช่นนี้ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นวิธีการที่ใช้อยู่เป็นปกติ
“เดี๋ยวข้าจะวาดรูปให้ช่างไม้ หากมีตรงไหนที่ไม่เข้าใจ เจ้าจงไปพาตัวช่างไม้มา ข้าจะอธิบายให้เขาฟังเอง” หมิงโร่คิดว่า หากทำกล่องยาออกมามากสักหน่อย แล้วนำไปขายให้กับร้านยา ไม่แน่ว่าอาจทำเงินได้ไม่น้อย อย่างไรเสียตู้ยาก็ออกมาในรูปแบบของลิ้นชัก การดึงเอาสมุนไพรออกมาใช้ถือว่าสะดวกไม่น้อย
หมิงโร่รู้สึกว่าตัวเองตกต่ำลง ก่อนหน้านี้คิดแต่เรื่องการศึกษาหาความรู้ทางการแพทย์ แต่ตอนนี้กลับคิดถึงแต่เรื่องหาเงิน
เฮ้อ เป็นคุณหนูที่มีคุณปู่และบรรดาศิษย์พี่คอยเอ็นดู อย่างไรเสียก็ย่อมดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่เคยต้องเป็นกังวลกับการหาเลี้ยงชีพ ไม่เหมือนตอนนี้ที่ไม่มีเงินอยู่ในมือ ทำให้รู้สึกหวั่นใจอยู่ตลอดเวลา
“ไม่ต้องวาดหรอกพ่ะย่ะค่ะ อีกเดี๋ยวหม่อมฉันจะไปนำตัวเจ้าช่างหลู่มา พระองค์ทรงอธิบายให้ฟังเขาก็เข้าใจแล้ว” พ่อบ้านโจวพูดต่อ “เมื่อก่อนตอนที่อยู่ในกองช่าง ท่านอ๋องพาตัวเขากลับมาเพราะต้องการให้เขาทำรถออกศึก ตอนนี้ท่านอ๋องไม่ยุ่งเกี่ยวกับภารกิจทางทหารแล้ว เจ้าช่างหลู่จึงเป็นช่างไม้อยู่ในจวน เมื่อวานใต้เท้าไป๋บอกว่าท่านอ๋องทรงต้องการรถเข็น วันนี้เขาก็นำไปส่งให้ที่เรือนเหมยตั้งแต่เช้าตรู่”
ทันทีที่หมิงโร่เข้าไปถีงเรือนเหมย ก็เห็นซือห้าวเฉินที่นั่งอยู่บนรถเข็น เขานั่งอยู่ในศาลากลางลานเพียงลำพัง จานหยกใบเล็กที่อยู่ตรงหน้า มีถ้วยชาสีเดียวกันวางอยู่
วันนี้ซือห้าวเฉินเองก็สวมชุดสีฟ้าครามเช่นกัน ปกและแขนเสื้อมีการปักลวดลายที่สลับซับซ้อนด้วยด้ายสีทอง ผมที่ยาวสลายใช้มงกุฎหยกรวบเอาไว้ การแต่งกายเช่นนี้ ดูอย่างไรก็เข้าคู่กันกับหมิงโร่เป็นอย่างยิ่ง
แม้แต่พ่อบ้านโจวเอง เมื่อเห็นก็แววตาเป็นประกาย เดิมทีรู้สึกว่าพระยาชาทรงแต่งกายเรียบง่ายเกินไป แต่เมื่อนั่งลงคู่กับท่านอ๋อง กลับสมกันราบกับกิ่งทองใบหยก
หมิงโร่หันมองซือห้าวเฉิน กลับไม่รู้สึกว่าเป็น “ชุดคู่รัก”
สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาในหัวก็คือ——ใส่เสื้อผ้าเหมือนกันไม่น่ากลัว ใครที่อัปลักษณ์กว่าคนนั้นต้องอาย
หมิงโร่ไม่รู้สึกว่าตนเองนั้นรูปลักษณ์ไม่ได้ด้อยไปกว่าซือห้าวเฉิน แต่มาดของหยุนชินอ๋องที่เขามี เพียงแค่เห็นดวงตาที่ลึกซึ้งราวกับทะเลคู่นั้น ก็ให้ความรู้สึกสูงส่งและมีเกียรติแล้ว เช่นนี้ตนเองก็ถูกเปรียบเทียบจนด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัดแล้ว
หมิงโร่พิจารณารถเข็นของซือห้าวเฉินอย่างละเอียด
รถเข็นคันนี้เป็นสีดำสนิท ไม่รู้ว่าใช้เทคนิคแบบไหน ดูออกว่าทำมาจากไม้ แต่กลับมีความมัมวาวราวกับหยก ทั้งพนักพิงและที่วางแขนล้วนหุ้มหนัง แม้กระทั่งล้อยังหุ้มหนังวัวเอาไว้ ทำให้ช่วยลดแรงกระแทก รถเข็นคนนี้ดูแล้วสวยงามอย่างยิ่ง และพิจารณาถึงการใช้งานและความสบายในการใช้งานอย่างแท้จริง นับได้ว่าสมบูรณ์แบบ
ตอนนี้หมิงโร่รู้สึกตั้งตารอที่จะพบเจ้าช่างหลู่ผู้นี้ ว่ามีฝีมือที่เก่งกาจขนาดไหน ที่สามารถทำของที่ประณีตงดงามเช่นนี้ ได้อย่างรวดเร็วและยอดเยี่ยมภายในหนึ่งวัน
“ท่านอ๋อง ข้าหามีธุระอะไรหรือ” หมิงโร่เอ่ยปากถาม
“ก่อนหน้านี้เจ้าเคยพูดว่าสามารถรักษาโรคหัวใจของข้าให้หายได้ ลองบอกวิธีรักษาคร่าว ๆ มาหน่อยซิ” ซือห้าวเฉินหยิบถ้วยชาที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาดื่ม
“คือว่า......” หมิงโร่ต้องเรียบเรียงคำพูดให้ดีเสียก่อน
หากเธอพูดว่า——การรักษาแบ่งออกเป็นสามขั้น : ขั้นแรกผ่าตัดเปิดทรวงอกของคุณก่อน ;ขั้นที่สอง นำสิ่งแปลกปลอมที่อุดตันอยู่ด้านในออกมา;ขั้นที่สาม เย็บทรวงอกกลับไปเหมือนเดิม
หากพูดเช่นนี้ สำหรับซือห้าวเฉินที่เติบโตมาในยุคโบราณ ไม่เคยได้ยินการผ่าตัดแบบตะวันตกมาก่อน คงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และคงจะคว้าดาบขึ้นมาตัดหัวเธอแน่นอน
หมิงโร่อยากอธิบายหลักการและขั้นตอนการผ่าตัดอย่างละเอียด แต่ศัพท์เฉพาะทางหลายอย่าง ซือห้าวเฉินเองก็ฟังไม่รู้เรื่อง ถึงแม้การผ่าตัดจะซับซ้อน แต่สิ่งที่ซือห้าวเฉินพอจะฟังรู้เรื่อง ก็คงมีเพียงแค่สามขั้นตอนคร่าว ๆ นี้เท่านั้น
หลังจากหมิงโร่พูดจบ ก็เสริมอีกว่า ถ้าหากท่านอ๋องไม่เชื่อมั่นในวิธีการเช่นนี้ สามารถหาผู้ป่วยที่เป็นโรคชนิดเดียวกับท่านอ๋อง แล้วให้เธอลองรักษาดูก่อน เพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการรักษาด้วยวิธีการของเธอ
หากหมิงโร่เริ่มต้นด้วยการอธิบายวิธีการที่ฟังดูน่ากลัวตั้งแต่แรก ซือห้าวเฉินจะต้องยกดาบขึ้นมาตัดหัวเธออย่างแน่นอน
เปิดทรวงอกแล้วคนจะมีชีวิตอยู่ได้อีกหรือ ? คนเป็น ๆ ไม่ใช่ผ้าสักหน่อย ที่เย็บแล้วจะกลับเป็นเหมือนเดิม ?
แต่ว่า เมื่อได้เห็นวิชาเข็มที่ที่ยอดเยี่ยมของหมิงโร่ รวมไปถึงของเหลวแปลก ๆ ที่ฉีดเข้าสู่ร่างกายโดยตรงตอนที่อยู่บนรถม้า รวมถึงยาเม็ดที่หมอสวีไม่อาจแยกแยะส่วนประกอบออกมาได้......ที่สำคัญที่สุดก็คือ หมิงโร่สามารถวินิจฉัยออกมาได้ว่า โรคหัวใจของเขาเกิดจากการอุดตันของสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย
นอกจากหมอเทวดาเซวแล้ว ก็มีแค่นางคนเดียวที่วินิจฉัยสาเหตุของโรคออกมาได้ ซือห้าวเฉินรู้สึกว่าวิธีการรักษาของหมิงโร่นั้น ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ
อีกทั้ง องครักษ์ลับที่ส่งให้ติดตามหมิงโร่ก็เคยรายงานว่า หมิงโร่เคยช่วยคนไข้อาการหนักที่ตรอกชิงเหลียงเอาไว้คนหนึ่ง นางทำตัวเหมือนสาวเย็บผ้า เย็บรอยแผลจนปิดสนิท และบาดแผลของคนผู้นั้นก็ไม่เกิดอาการอักเสบขึ้นอีก
ซือห้าวเฉินไม่ตั้งคำถามกับวิธีการรักษาของหมิงโร่ แน่นอนว่า หมิงโร่ไม่คิดว่าซือห้าวเฉินวางแผนที่จะรับการรักษาด้วยวิธีนี้ ในทางกลับกัน ที่เขาไม่ถาม คงเพราะไม่คิดจะใช้วิธีการนี้ต่างหาก
ศาลาเงียบสงัดอย่างน่าประหลาดไปชั่วขณะ ตอนที่หมิงโร่คิดจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่าง ไป๋เชินและชายชุดดำคนหนึ่งก็เดินเคียงกันข้ามา
หมิงโร่พยายามคิดครุ่นคิดอย่างหนัก ในที่สุดก็คิดออกว่า คนผู้นี้ดูเหมือนสายลับพิเศษที่ทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยให้ผู้นำ ไม่สะดุดตา แต่ก็ไม่อาจมองข้ามได้
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันนำหญ้าวิญญาณน้ำแข็งกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฉินโม่คุกเข่าลงหนึ่งข้าง แล้วยกกล่องผ้าที่อยู่ในมือขึ้นเหนือหัว
“ลุกขึ้นเถอะ ทำดีมาก” ซือห้าวเฉินรับกล่องผ้ามาด้วยมือเดียว เมื่อสัมผัสโดนมือก็รู้สึกเย็นเล็กน้อย
