บท
ตั้งค่า

บทที่ 17 สาวใช้ผู้ภักดี

ไป๋เชินเล่าถึงวิธีที่หมิงโร่สั่งสอนเจ้าหนูน้อยว่าควรจะเรียนวิชาประวัติศาสตร์เช่นไร มีแสงวาบปรากฏขึ้นในแววตาที่ลึกล้ำของซือห้าวเฉิน “หากใช้ประวัติศาสตร์เป็นกระจกสะท้อน ก็จะรู้ถึงสาเหตุของความเจริญรุ่งเรืองและความเสื่อมโทรมของประเทศได้” นี่เรียกว่าสั่งสอนแบบไหนกัน เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นการสอนทักษะของการเป็นจักรพรรดิ ไม่ว่าจะเป็นวิชาแพทย์หรือความรู้ หมิงโร่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจไม่น้อยจริง ๆ

ซือห้าวเฉินส่งเสียงดังหึ : “หากซือเจว๋รู้ว่าตนเองพลาดอะไรไป คงจะต้องเสียดายอย่างที่สุด”

“องค์ชายสามยกเลิกงานแต่ง คงเพราะมีพระราชสาสน์จากองค์ฮ่องเต้ โม่เป่ยเพิ่งส่งข่าวมาว่า จิ้งกั๋วกงและครอบครัวจะหลับมาถึงเมืองหลวงในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์” ไป๋เชินคิดว่าด้วยความทะเยอทะยานขององค์ชายสาม หากรู้ข่าวนี้ อย่าว่าแต่องค์หญิงหงสาที่มีหน้าตาอัปลักษณ์เลย ต่อให้เป็นหัวหมูก็คงเร่งรีบเร่งเข้าจวน

ไป๋เชินเองก็รู้สึกแปลกใจ เรื่องที่องค์หญิงหงสามีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ ถูกลือออกมาได้อย่างไร หากจะพูดว่าพระชายาของพวกเขางดงามที่สุดในโลก ก็ยังดูม่ใช่เรื่องเกินจริง คนที่พูดว่าน่าอัปลักษณ์ ไม่รู้ว่ากล้าพูดออกมาได้อย่างไร (หมิงโร่ : ใต้เท้าไป๋ ด้วยสมองที่ท่านมีอยู่ คงไม่อาจแต่งหน้าเจ้าสาวออกมาจนน่าตกใจเช่นนั้นได้หรอก ผลจากการแต่งหน้าที่แม้แต่ภูตผีกับเทพเจ้ายังต้องร่ำไห้เช่นนั้น แม้แต่ตัวข้าเองยังหวาดกลัวเลย เหอะ ๆ ๆ)

“พระชายาของข้าเป็นหลานสาวเพียงคนเดียวของจิ้งกั๋วกง พี่ชายสุดที่รักของข้าใช้นางฝังทั้งเป็นเพื่อสังเวยไม่สำเร็จ หลังจากนี้เกรงว่าคงไม่อาจนอนหลับได้สนิทใจแล้ว” ซือห้าวเฉินยิ้มเยาะออกมา

ไป๋เชินรู้สึกว่าเป็นฮ่องเต้ตานซู่นั้นไม่ง่ายเลย สมัยยังหนุ่มต้องแก่งแย่งกับพี่น้องทั้งหมดเพื่อแย่งชิงตำแหน่งฮ่องเต้ หลังจากผ่านความยากลำบากนานัปการเพื่อขึ้นนั่งบนบังลังก์มังกร น้องชายคนสุดท้องกลับปีกกล้าขาแข็ง กลายเป็นเทพสงครามที่มีกองทัพอันแข็งแกร่งอยู่ในมือ ภายหลังท่านอ๋องของตนก็กลับมาเมืองหลวงเพื่อรักษาโรคหัวใจ เหล่าองค์ชายเองก็เติบโตขึ้นอีกครั้ง เริ่มที่จะรวบรวมกำลังพลของตนเองอีกครั้ง และต่างก็จับจ้องไปที่บังลังก์......

หมิงโร่พาเจ้าหนูน้อยกลับเรือนไผ่จือเฉ่ากำลังเตรียมมื้อค่ำ กลิ่นหอมลอยฟุ้งออกมาจากห้องครัวเล็ก

หมิงโร่นั่งอยู่ริมระเบียง พบว่ามีปากตัวเล็ก ๆ อยู่ในสระน้ำ จึงให้จือซูหยิบลูกเดือยออกมาจากในครัว แล้วค่อย ๆ โยนลงไปในสระน้ำ มองดูปลาแย่งกันกินอาหาร

“องค์หญิงเพคะ” หญิงสาวสวมใส่ชุดผ้าไหมผูกเอวสีชมพูค่อย ๆ เดินเข้ามา นางเกล้ามวยสูง ประดับด้วยลูกปัดดอกไม้และปิ่นปักผมนิลสีแดง การแต่งกายเช่นนี้ดูไปต่างจากคุณหนูของตระกูลทั่วไปเลย

คนผู้นี้เหมือนกับจี้เสว่ที่อยู่ในความทรงจำ แต่ในความทรงจำของร่างเดิม หญิงรับใช้ที่คอยติดตามต่างแต่งกายเรียบง่าย หมิงโร่ขมวดคิ้วเล็กน้อย : “แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ ?”

จี้เสว่ก้มหน้า ดูเหมือนทั้งเสียใจทั้งโมโห : “พอพวกนางได้ยินว่าพระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว ก็ตามแม่นมกลับไปทั้งหมด”

หมิงโร่กลับมีสีหน้าเรียบเฉย “เมื่อหมดอำนาจก็ไม่มีใครสนใจ” ถือเป็นเรื่องปกติ หมิงโร่นึกถึงสาวรับใช้ข้างกายอีกคนขึ้นมาได้ : “จี่เยว่เองก็กลับไปพร้อมพวกนางด้วยหรือ ?”

จี้เสว่ผงะไปครู่หนึ่ง : “พี่จี้เยว่นาง......กลับไปแล้วเช่นกันเพคะ......”

ไปกันหมดแล้ว มีเพียงจี้เสว่ที่ยังอยู่ เช่นนี้เห็นได้ชัดว่าจงรักภักดีอย่างยิ่ง

แต่หมิงโร่ไม่ต้องการที่จะใกล้ชิดกับคนสนิทของร่างเดิมมากเกินไป รูปลักษณ์ภายนอกยังพอตบตาได้ แต่นิสัยกลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ความเคยชินมากมายที่แตกต่างไปจากร่างเดิม จึงง่ายต่อการถูกสงสัย

ตำแหน่งองค์หญิงหงสา ยังคงต้องใช้ต่อไป ยังไม่กล้าทำลายตัวละครทิ้งในตอนนี้

“จือซู เจ้าพาจี้เสว่ไปหาที่พักก่อน” หมิงโร่ครุ่นคิด “อย่าลืมบอกพ่อบ้านโจวด้วยว่า ลานของเรามาสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกคน”

“พระชายาวางใจเถอะเพคะ หม่อมฉันจะจัดการให้เรียบร้อยเพคะ” จือซูพาจี้เสว่ออกไป

หมิงโร่บีบจมูก แล้วเอียงหน้าไปเห็นฉากที่น่าตื่นเต้นเข้า——ตัวของเจ้าหนูน้อยกว่าครึ่ง พาดอยู่บนราวกั้น อยากที่จะยื่นมือออกไปจับปลาน้อย

เธอรีบวิ่งเข้าไปคว้าคอเสื้อของเจ้าหนูน้อย ให้เขาออกห่างจากสระน้ำ สระน้ำเล็กไม่ลึกมาก แต่สำหรับเด็กก็ยังถือว่าอันตรายอยู่ดี : “ระวังตกลงไปในน้ำนะ”

“เซวียนเอ๋อร์ไม่กลัวหรอก เซวียนเอ๋อร์ว่ายน้ำเป็น” เจ้าหนูน้อยตบหน้าอกของตัวเอง

หมิงโร่กลอกตา : “เจ้าไม่กลัวแต่ข้ากลัว พอใจหรือยัง ?”

หากเจ้าหนูน้อยตกลงไปในสระน้ำภายใต้การดูแลของตนเอง ซือห้าวเฉินต้องถลกหนังเธออย่างแน่นอน

ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญ หมิงโร่พาเจ้าหนูน้อยกลับเข้าไปในห้อง สอนเขาเล่นหมากล้อม ไม่ช้า มื้อเย็นก็เตรียมเสร็จเรียบร้อย

เจ้าหนูน้อยชมหมูเปรี้ยวหวานสับปะรดกับไก่ผัดถั่วลิสงไม่ขาดปาก เด็กตัวเล็ก ๆ แต่กินข้าวหมดไปหนึ่งถ้วยเต็ม ๆ หมิงโร่กลัวว่าเขาจะท้องอืด จึงยื่นยาซานจาให้แม่นมจินหนึ่งขวด แล้วกำชับว่าเมื่อกลับไป ให้นางนำออกมาให้เจ้าหนูน้อยกินหนึ่งเม็ด

หมิงโร่ให้จือเฉ่านำเค้กสับปะรดส่วนหนึ่งใส่กล่อง เพื่อให้เจ้าหนูน้อยนำกลับไป

เด็กน้อยเมื่อกินอิ่มแล้วก็ง่วงนอน เจ้าหนูน้อยซบลงบนไหล่ของแม่นมจิน หัวเล็ก ๆ ผงกไปมา ดูแล้วช่างน่ารักอย่างยิ่ง เมื่อเห็นแม่นมเดินไปถึงประตู เจ้าหนูน้อยก็ฝืนลืมตาขึ้น : “เสด็จแม่ พรุ่งนี้เซวียนเอ๋อร์เลิกเรียนแล้ว จะมาถวายพระพรเสด็จแม่อีกนะพ่ะย่ะค่ะ”

เจ้าหนูน้อยอยากจะมาถวายพระพรตนเองที่ไหนกัน คงจะคิดถึงอาหารและขนมที่เธอมีสิไม่ว่า : “อย่าลืมหยิบหนังสือมาด้วยนะ”

“อืม ๆ” เจ้าหนูน้อยพยักหน้า และหลับสนิทไป

หมิงโร่เดินไปถึงลานด้านหลัง เห็นไก่ตัวสีแดงที่โก่งคอขันเมื่อเช้า กำลังจิกหาอาหารอยู่ที่ข้างสวนผักขนาดเล็ก

หมิงโร่โน้มตัวลง แล้วพูดอย่างจริงจังว่า : “เจ้าแดง หากพรุ่งนี้เช้าเจ้ายังโก่งขอขันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางอีกละก็ เจ้าลองทำความเข้าใจกับไก่สามอย่างดูสักหน่อย——หัวไก่เท้าไก่สับออกมาตุ๋นน้ำแกง อกไก่นำมาทำไก่ทอด ส่วนที่เหลือก็เอามาทำไก่ผัด เจ้าว่าเป็นอย่างไรบ้าง ?”

จือเฉ่าเห็นพระชายาพูดคุยอยู่กับไก่ ก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย หากมันฟังรู้เรื่อง ก็คงจะกลายเป็นเทวดาไปแล้ว ? ไก่แจ้ที่เดิมทีกำลังคุ้ยเขี่ยหาอาหารอย่างตั้งใจ ก็นิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นจึงค่อย ๆ เดินกลับเข้าเล้าไก่ไป

หมิงโร่เองก็รู้สึกเบื่อหน่ายจึงพูดลอย ๆ ออกมา แน่นอนว่าไม่ได้คาดหวังว่าเจ้าไก่แจ้เย่อหยิ่งที่เข้าพิธีแต่งงานแทนหยุนชินอ๋องตัวนี้จะฟังรู้เรื่อง

เช้าวันรุ่งขึ้น หมิงโร่นอนรับจนตื่นเองตามธรรมชาติ ขยี้ตาแล้วลุกขึ้นจากผ้าห่ม จือซูและจี้เสว่เดินเข้ามา ช่วยหมิงโร่อาบน้ำแต่งตัว หมิงโร่มองดูสีของท้องฟ้า น่าจะเป็นเวลาประมาณเจ็ดแปดโมงแล้ว จึงตั้งใจที่จะไปวิ่งออกกำลังกายที่ลานด้านหลัง ทันทีที่ไปถึงลานด้านหลัง ก็ได้ยินเสียงไก่ขันเอ้กอีเอ้กเอ๊ก

“เอ่อ......” หมิงโร่เพิ่งนึกออกว่า เช้าวันนี้เจ้าแดงไม่ได้รบกวนการนอนของผู้อื่น

ไก่แจ้ที่เข้าพิธีแต่งงานแทนหยุนชินอ๋องตัวนี้ ไม่เหมือนกับตัวอื่น ๆ จริง ๆ

หมิงโร่วิ่งเข้าไปที่รั้วด้วยความตื่นเต้น แล้วพูดกับเจ้าแดงที่กำลังโก่งคอขัน “อืม วันนี้ทำได้ดีมาก มื้อเที่ยงจะเพิ่มขาไก่ให้เจ้า !”

“เอ้ก......” เจ้าแดงราวกับมีคนมาบีบคอ เสียง “เอ้ก” ที่จะร้องออกมาต่อหยุดลง และรู้สึกขึ้นมาทันทีว่าการเป็นไก่ช่างยากลำบากจริง ๆ

“เหอะ ๆ......ไม่ใช่เพิ่มขาไก่ ขอโทษด้วย พูดผิดไป” ที่จริงแล้วหมิงโร่รู้สึกประหลาดใจมาก ดูเหมือนเจ้าแดงจะฟังเธอพูดรู้เรื่องจริง ๆ

หมิงโร่รีบสั่งให้จือซูขุดหาไส้เดือนเพื่อนำมาป้อนให้เจ้าแดง จากนั้นก็วิ่งไปอย่างรวดเร็ว

เธอกลัวว่าหากตัวเองวิ่งช้าเกินไป จะถูกเจ้าแดงจิกเอา

หมิงโร่กินมื้อเช้าเสร็จ ก็เตรียมตัวไปห้องหนังสือเพื่อปรุงยาเม็ดและผงยาสำหรับหลอกลวงผู้คนที่ใช้อยู่บ่อยครั้ง อย่างไรเสียเธอก็รู้ดีว่า สมุนไพรที่วางอยู่ในห้องหนังสือ ถูกคนตรวจสอบแล้ว

การห่อสมุนไพรของตระกูลหมิงมีลักษณะเฉพาะตัว ยาสมุนไพรแต่ละชนิดล้วนมีการห่อที่แตกต่างกัน นอกเสียจากอีกฝ่ายจะพับกลับตามรอยเดิมอย่างระมัดระวัง มิเช่นนั้นเมื่อเธอเห็นเพียงแวบเดียวก็จะรู้ทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel