๖ วุ่นวายไม่หยุด (๓)
คนที่ช่วยได้มีเพียงเขาผู้เดียว
“แค่พี่น้องก็ไม่ได้เหรอคะ แค่ในฐานะน้องสาวที่อยากฉลองวันเกิดให้พี่ชายก็ไม่ได้เลยเหรอ พี่ปีใจร้ายกับลันมากเกินไปแล้วนะ” พอได้ยินอย่างนั้นก็ใจอ่อน ค่อยแกะมือบางที่โอบรอบเอวออก ก่อนถือของขวัญไว้อย่างนั้นไม่เปิดดูข้างใน
“ขอบคุณครับ”
หล่อนเห็นท่าทีเขาเหมือนไม่ค่อยชอบใจกับการกระทำครั้งนี้ของตนเท่าไหร่ จึงแสร้งทำหน้าเศร้าแล้วนั่งลงบนโซฟา สองมือวางไว้บนหน้าตักจนเขามีใบหน้าอ่อนลง ไม่ได้เคร่งขรึมเช่นตอนแรก
“ถ้าพี่ไม่รีบลันมีเรื่องจะพูดกับพี่...อยากขอให้พี่ช่วยหน่อย” เมื่อเขายังยืนนิ่งไม่เอ่ยถาม เธอจึงพูดราวกับไม่อยากรั้งร่างหนาเอาไว้ เป็นไม้ตายที่ใช้ยามกำลังงอนซึ่งปีแสงก็ยอมอ่อนลงทุกครั้ง ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของเธอ
“หรือพี่จะกลับเลยก็ได้ค่ะ ลันทนได้ไม่เป็นไรหรอก แค่ถูกตามรังควานมันไม่ได้หนักหนาเท่าไหร่ เดี๋ยวลันก็ผ่านมันไปเอง ลันเป็นคนเลือกนี่เนอะ ทิ้งคนดีไปคว้าผีห่าซาตาน พี่คงจะสมน้ำหน้าลันสินะคะ พี่กลับไปเถอะค่ะ ลันอยู่คนเดียวได้” น้ำตาคลอเบ้าจนเขานึกสงสาร ไม่ได้เดินออกจากบ้านของเธอแต่เลือกจะนั่งอยู่ตรงนั้น พร้อมรับฟังปัญหาของหญิงสาว
“พูดมาเถอะ พี่อยากฟัง”
นานหลายชั่วโมงกว่าเธอจะระบายความในใจแล้วยอมปล่อยให้เขากลับบ้าน ล่วงเข้าสู่วันใหม่แล้วรถยุโรปเพิ่งเคลื่อนเข้ามาจอดในเรือนหอ แล้วเดินขึ้นห้องนอนของตัวเองไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ค่อยสอดกายเข้ามาในผ้าห่มพร้อมคว้าคนข้างกายมากอดเอาไว้
เธอสะลึมสะลือมองสามี ค่อยขยับเข้าไปกอดเขาเช่นเดียวกัน
“อื้อ พี่ปีมาแล้วเหรอ เน่อยากกอดพี่ปี” กอดแล้วก็ยังพูดให้เขาได้อมยิ้มเอ็นดูหล่อน
“ตัวพี่ปีเย็นจังเลย” ร่างหนาสัมผัสได้ถึงแขนเรียวที่เปลือยเปล่า ขาเนียนก็เช่นเดียวกัน จึงเลิกผ้าห่มออกแล้วมองดูชุดของเธอ ถ้าห้องสว่างกว่านี้คงได้เห็นกระต่ายน้อยแสนน่ารักชัดขึ้น แต่เพราะดึกแล้วจึงไม่อยากรบกวนคนง่วง เธอกำลังตั้งครรภ์ควรพักผ่อนให้มาก
“ก็เพิ่งอาบน้ำ...ชุดอะไรเนี่ย”
“กระต่ายน้อยของพี่ปีไง แต่ตอนนี้ง่วงแล้ว นอนเถอะนะ” หลับอย่างรวดเร็วเพราะถ่างตารอเขาหลายชั่วโมงจนทนความง่วงไม่ไหว
“ครับ”
กอดเธอพร้อมหลับตามไปติดๆ เรื่องปกติของพวกเขาที่ชายหนุ่มยังคงยืนยันกับน้องชายอย่างชัดเจนว่าไม่ได้ดรุณี
โดยไม่ได้ทบทวนเลยว่าการกระทำของตัวเอง ต่างจากสิ่งที่บอกคนอื่น!
สามีชวนไปงานแต่งของคนในแวดวงธุรกิจ ถึงเธอจะไม่รู้จักแต่ก็ตื่นเต้นเพราะเป็นครั้งแรกที่เขาชวนออกงานหลังจากที่เราแต่งงานกัน จึงต้องเลือกชุดที่สวยเป็นพิเศษ พิถีพิถันในการแต่งหน้าทำผม จนออกมาสวยสามีมองตาค้าง
ควงแขนปีแสงไปขึ้นรถด้วยรอยยิ้มกว้าง ชุดเดรสยาวกรอมเท้าสีหวานดูไม่ออกว่ากำลังตั้งครรภ์ แต่เธอก็ยินดีบอกทุกคนว่ากำลังท้อง ถึงจะถูกนินทาลับหลังในวงสังคมว่าท้องก็แต่งก็ไม่สนใจ เมื่อตนได้เขามาเคียงกายแล้ว
คนอื่นไม่มีความหมายสำหรับดรุณีเลยสักนิด
“ตื่นเต้นจังเลยค่ะ ได้ออกงานกับพี่ปีครั้งแรก พี่ปีแน่ใจนะว่าเน่สวยแล้ว ต้องเติมอะไรอีกหรือเปล่าคะ” ก่อนลงจากรถก็ถามเขาอีกครั้ง ชายหนุ่มยิ้มอ่อนด้วยความเอ็นดู พยักหน้าให้ความมั่นใจพลางคว้ามือบางให้ลงจากรถ กลัวว่าหล่อนจะเติมหน้าอีก
เขาคิดว่าเท่านี้ก็สวยมากแล้ว ไม่ต้องเติมอะไรอีก...
“ไม่ต้อง แค่นี้พอแล้ว”
“เน่เชื่อพี่ปี” ยิ้มกว้างแล้วเดินเข้าไปในโรงแรมพร้อมเขา มีคนมากหน้าหลายตาเดินเข้ามาทักทายสามี เธอเองก็ยิ้มทักทายเข้าสังคมเก่งเช่นเดียวกัน ไม่ได้เคอะเขินในสถานการณ์นี้สักนิด มองภาพบรรยากาศแสนหวานก็คิดถึงงานมงคลสมรสของตัวเองบ้าง จึงได้กระซิบกับคนข้างกาย
“งานแต่งเขาสวยจังเลยนะคะ ว่าแล้วก็อยากแต่งงานอีกรอบ เราจัดงานแต่งของเราทุกสัปดาห์เลยดีไหม เน่จะออกแบบชุดไม่ซ้ำ” เริ่มสนุกเมื่อตอนนี้ฝีมือการตัดชุดและออกแบบพัฒนาจนตัดชุดใส่เองแล้วมีคนทักมาถามว่าซื้อที่ไหนค่อนข้างเยอะ
เธอจึงเริ่มจะวางแผนเรื่องนี้อย่างจริงจัง ว่าจะวางภาพแบรนด์เป็นอย่างไร เน้นลูกค้ากลุ่มไหน คงต้องใช้เวลาศึกษาสักพักค่อยเริ่ม อาจจะสองถึงสามปี ตอนนั้นลูกคงโตพอดีจะได้ให้สามีคอยช่วยดูแลแล้วตนก็มุ่งทำงาน
แค่คิดก็มีความสุขมากแล้ว มีเขาอยู่ในแผนชีวิตเสมอ...
“เงินได้เกลี้ยงพอดีน่ะสิ” ยิ้มเอ็นดูกับความคิดของเธอ ค่อยจับจูงมือบางเพื่อเดินไปนั่งที่โต๊ะของกลุ่มเพื่อน แต่ยังไม่ทันจะถึงที่ก็มีคนมาขวางเอาไว้ เมื่อเงยหน้ามองก็ค่อนข้างตกใจพอสมควร
ทำไมลันตาถึงอยู่ที่นี่
ใบหน้าคมเหลือบมองภรรยากลัวว่าเรื่องที่ตนแอบไปหาแฟนเก่าจะเข้าหูเธอ ยิ่งเห็นรอยยิ้มของดรุณีลดลงก็ยิ่งหวั่นใจ จนไม่เป็นตัวของตัวเอง
“พี่ปี...ไม่คิดว่าพี่ปีจะมางานแต่งของคุณกรณ์ด้วย” คนที่ถูกเชิญมาเช่นเดียวกันเลือกยิ้มให้เขาก่อนหันมามองคนข้างกายแฟนเก่า ปิดความอิจฉาไว้ไม่มิด ทั้งที่ความจริงหล่อนต้องยืนเคียงข้างเขาไม่ใช่เหรอ ทำไมเด็กคนนี้ถึงมีสิทธิ์นั่นล่ะ
“ครับ”
ดรุณีรู้ตัวดีว่ากำลังเผชิญหน้ากับอะไร มือกอดแขนสามีเอาไว้แน่น นึกถึงภาพของเขากับแฟนเก่าในอดีตก็ยิ่งหวงแหนปัจจุบันมากกว่าเดิม ไม่คิดว่าลันตาจะกลับไทย นึกว่ามีแฟนแล้วอยู่ต่างประเทศเสียอีก
แล้วทำไมถึงเข้ามาทักทายคนที่ตัวเองทรยศอย่างสนิทสนมเหมือนไม่มีเรื่องบาดหมาง เกิดอะไรที่เธอไม่รู้ขึ้นหรือเปล่า
“นี่คงเป็นภรรยาของพี่ใช่ไหมคะ พี่ชื่อลันค่ะ” แนะนำตัวอย่างเป็นกันเอง มีเพียงหล่อนที่นึกหงุดหงิดกับสายตาที่ลันตามองสามีตัวเอง มันมีเลศนัยแปลกๆ ที่ไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่
“สวัสดีค่ะ...เนเน่ค่ะ เป็นภรรยาของพี่ปี”
คนกลางเริ่มอึดอัดอยากพาเธอไปนั่งเก้าอี้ แต่เหมือนหญิงสองคนจะคุยกันยังไม่จบ แล้วยังมีท่าทีเหมือนจะก่อสงครามขึ้นอีกต่างหาก ใจไม่ดีจนอยากเอ่ยแทรก กลับถูกลันตาเอ่ยแสดงความยินดีที่ไม่ได้มาจากใจจริง
“เสียดายที่พี่ไม่ได้ไปร่วมแสดงความยินดีวันงาน เลยไม่ได้เห็นว่าเจ้าบ่าวหล่อแค่ไหน จำได้ว่าพี่ปีเคยไปลองชุดแต่งงานแล้วหล่อมากเลย...” พูดถึงการไปลองชุดแต่งงานกับเขาครั้งที่ยังคบกัน โดยที่ดรุณีไม่เคยทราบมาก่อนจึงค่อนข้างปวดใจ
ทว่าหล่อนพยายามไม่เอามาใส่ใจ อย่างไรปัจจุบันปีแสงก็อยู่ข้างตน
“มีรูปค่ะ เดี๋ยวเน่เอารูปงานของเราให้พี่ลันดูดีไหมคะ พี่ปีกับเน่สวยหล่อเหมาะสมกันมากเลย พี่ลันกินอะไรหรือยัง หิวไหมคะเดี๋ยวเน่จะพาไปกินเอง” ปล่อยแขนของสามีแล้วเดินยิ้มตาปิดมาควงแขนลันตาสร้างความสับสนแก่ร่างสูงเป็นอย่างมาก
ลากอีกฝ่ายมาที่โซนของกินซึ่งมีให้เลือกกินตามใจชอบ สิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่อาหาร แต่เป็นการถามข้อมูลเพื่อให้รู้เขารู้เรา ดูก็รู้ว่าลันตาไมได้เข้ามาทักทายในฐานะคนเก่า แต่กำลังแสดงให้เธอเห็นว่าต้องการทวงคืนปีแสง
ใครจะยอมกันล่ะ!
