๔ รับผิดชอบ (๓)
คุณภูชิต อัครเศรษฐ์กุมบังเหียนธุรกิจเอาไว้เองทั้งหมด มีพี่น้องทั้งหมดสามคนและต่างก็ทำงานในหน้าที่ของตัวเอง เมื่อบิดาของท่านเสียไปก็ได้พี่คนโตขึ้นดำรงตำแหน่งประธานบริษัท แล้วปีแสงก็พิสูจน์ฝีมือจนนั่งตำแหน่งรองประธานฝ่ายบริหารได้ ถึงแม้บรรดาคุณอาทั้งหลายจะคัดค้านและไม่ยินยอม แต่ก็ไม่มีใครเก่งพอจะโค่นหลานชายล้ม
นอกจากงานที่หนักแล้ว การสร้างมิตรภาพก็ทำให้เขาเหนื่อยเช่นกัน แต่ไม่ทำก็ไม่ได้เพราะยังต้องพึ่งพาคนอื่นบ้างในบางเรื่อง อย่างน้อยการที่มีคอนเนคชั่นเอาไว้ก็ดีกว่าไม่ใช่หรือ
“จะดีเหรอคะ...ขอโลเดียวก็พอค่ะ” เธอยิ้มจนตาหยีแล้วค้อมศีรษะเป็นการขอบคุณเมื่อกุ้งตัวใหญ่ถูกวางตรงหน้า เพิ่งรู้ว่าชายหนุ่มเงียบมาตลอด
“พี่ปีกินไหมคะ อร่อยมากนะ น้ำจิ้มรสเด็ดมาก เผ็ดอย่างที่พี่ชอบเลย...พี่ไม่ชอบแกะเปลือกไม่เป็นไร เดี๋ยวเน่แกะให้เองค่ะ บอกเลยชำนาญมาก” จัดการทุกอย่างให้เขาเป็นที่เรียบร้อย จึงวางกุ้งไว้บนจานให้เขาพร้อมยิ้มหวานเป็นเอกลักษณ์ของตน
เธอกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ทุกสายตาจึงมองด้วยความเอ็นดูไม่เว้นกระทั่งปีแสงเองก็ตาม หล่อนไม่ได้สงวนท่าทียามอยู่ต่อหน้าเขา กลับเป็นตัวเองทำให้ร่างสูงเริ่มซึมซับความเป็นดรุณีมากขึ้นทุกที
รับประทานอาหารกันจนอิ่มก็ไปต่อที่ห้องคาราโอเกะของบ้าน ท่านประธานบริษัทที่ปีนี้อายุใกล้เข้าเลขหกก็ลุกมาร้องเพลงสนุกสนาน โดยมีลูกสาวคนใหม่คอยให้กำลังใจอยู่ข้างกายไม่ห่าง หล่อนถือไมค์เอาไว้ไม่ยอมให้เพื่อนสนิทอย่างแสงเหนือได้แสดงเสียงร้องอันแสนไพเราะ
ขณะที่แม่กับลูกคนโตนั่งอยู่บนโซฟายาวด้านหลัง มองจอขนาดเจ็ดสิบสามนิ้วขึ้นชื่อเพลงที่ยังเลือกกันไม่ลงตัวสักที ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สายตาคมจับจ้องดวงหน้าหวานของหญิงสาวไม่ละไปทางอื่น เห็นว่าเธอแอบเบี่ยงหน้าหลบมาไอสองถึงสามครั้ง อีกทั้งตัวก็เริ่มร้อนจนสังเกตได้ยามถูกเธอแตะแขน
หรือจะไม่สบายนะ...
ตั้งข้อสังเกตแต่ก็ไม่ได้ถามให้เป็นเรื่องเป็นราว เพราะเห็นว่าเธอกำลังสนุกกับการร้องเพลง โดยมีคุณภูชิตและแสงเหนือคอยสนับสนุน
“คุณพ่อร้องก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวเน่จะเป็นคอรัสให้เอง” เมื่อเลือกเพลงได้แล้วก็ทำการร้องร่วมกัน เพลงที่เลือกเป็นนักร้องคนโปรดของท่านประธาน จึงได้มีความสุขยามเปล่งเสียงออกมา ทั้งยังมีดรุณีที่คอยสนับสนุนจึงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ยิ้มหัวเราะออกมาจากใจไม่ใช่แค่แสร้งทำ
คนในครอบครัวเห็นว่าประมุขของบ้านมีความสุขก็พลอยทำให้ยิ้มตามไปด้วย โดยเฉพาะคุณผู้หญิงของบ้านที่ไม่เห็นคนในครอบครัวยิ้มกว้างหัวเราะเสียงดังมานานแล้ว ก็ทำให้เอ็นดูร่างบางมากขึ้น แม้มารดาของหล่อนจะเป็นฆาตกรที่ทำการฆาตกรรมเพื่อนสนิทของตน
แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความเอ็นดูที่มีต่อหญิงสาวลดน้อยลงไปด้วยเลย แยกแยะได้ว่าเป็นคนละคนกัน ไหนจะความน่ารักของดรุณีทำให้อยากได้มาเป็นลูกสาวอีกคน จนต้องหันไปถามลูกชายที่นั่งเงียบไม่พูดจา
“ปี” ขยับเข้ามาใกล้แล้วเรียก คนที่กำลังเหม่อมองภาพตรงหน้าเลือกจะหันมามองแม่ เลิกคิ้วด้วยความสงสัย
“ครับคุณแม่”
“ลูกคิดยังไงกับน้อง” เข้าเรื่องทันที
มีสาวน้อยมาตามจีบบุตรชายคนโตของนางกว่าสามเดือนแล้ว เข้าตามตรอกออกตามประตู แสดงความรู้สึกชัดเจน เป็นคนน่ารักเข้ากับทุกคนที่บ้านอัครเศรษฐ์ได้ ยิ่งพูดคุยด้วยก็สนุกสนาน ถึงตอนนี้หน้าที่การงานจะยังไม่ได้ชัดเจนเพราะคิดจะเริ่มธุรกิจส่วนตัวด้วยการทำแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเอง แต่ท่านก็ไม่ได้เห็นว่าเรื่องงานจะสำคัญตรงไหน
แต่งเข้ามาค่อยทำงานส่วนนั้นก็ได้ หรือจะช่วยงานปีแสงก็ย่อมได้เช่นเดียวกัน
“ครับ...” ลูกชายไม่ยอมตอบตามตรง เหมือนเขาเองก็ยังคิดไม่ตกเช่นเดียวกันว่ารู้สึกกับเธออย่างไร
ที่มั่นใจคือยังไม่ได้รัก เพราะยังลืมรักครั้งเก่าไมได้และกลัวการเริ่มต้นใหม่...
ถูกลันตานอกใจโดยโยนความผิดมาให้เขาว่าทำงานจนไม่สนใจหล่อน กลายเป็นบาดแผลที่ซึมลึกในใจจนไม่กล้าจะรักใคร กลัวจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นมาอีกที่ลงท้ายตนก็ต้องเสียใจ
สำคัญกว่านั้นคือหล่อนอายุน้อยกว่า ชีวิตของหญิงสาวเพิ่งเริ่มอย่างจริงจัง ยังไม่ได้ออกไปดูโลกกว้างด้วยซ้ำก็ต้องมาติดอยู่กับเขาที่ผ่านโลกมามากจนนึกเบื่อทุกสิ่ง อยากพักผ่อนอยู่บ้านไม่ต้องออกไปไหน ความต้องการของเราสวนทางกัน อาจยากในการคบหา
นั่นคือสิ่งที่เขาคิด...จึงเลือกจะปฏิเสธดรุณี
“แม่รู้ว่าเน่ไม่ได้มาบ้านเราเพราะแค่อยากเล่นกับเหนือหรอก แล้วน้องก็บอกแม่หมดแล้วว่าชอบปี...กำลังจีบปี” คราวนี้เจ้าตัวถึงกับหันขวับมองร่างบางที่สนุกกับการร้องเพลง พรูลมหายใจเหนื่อยหน่ายกับความเถรตรงของหล่อน
“เน่บอกคุณแม่อย่างนั้นเหรอครับ”
“ใช่ แม่อยากรู้ว่าลูกคิดยังไงกับน้อง มีสิทธิ์จะพัฒนาความสัมพันธ์กันหรือเปล่า...แม่ว่าน้องน่ารักดีนะ แล้วครอบครัวเราสองคนก็สนิทกันด้วย ถ้าลูกจะลองเปิดใจแม่ก็สนับสนุนน้องเต็มที่เลย” ท่านบอกความคิดในส่วนของตัวเอง แต่เขาก็ยังยืนกรานกับความคิดของตนเช่นเดียวกัน
“ผมยังไม่อยากมีความรักตอนนี้ครับ ขออยู่เป็นโสดบ้างดีกว่า” ความรักครั้งเก่าสร้างมาเกือบเจ็ดปียังพังทลายลง เขามองไม่ออกเลยว่ารักครั้งนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน หล่อนอาจจะแค่อยากเอาชนะก็เป็นได้ เพราะโดยปฏิเสธมาตลอด อีกไม่นานคงเบื่อไปเองนั่นแหละ
ดรุณีจะรู้จักความรักได้อย่างไร เขาไม่เชื่อหรอก...
“ลองมองบ้างก็ดีนะ เผื่อชีวิตจะได้สดชื่นขึ้น” คนเป็นแม่ตบบ่าบุตรชายเมื่อเห็นความสับสนในดวงตาคม แอบยิ้มกริ่มมองถึงอนาคตอันใกล้ว่าไม่นานคนปากแข็งอาจตกหลุมรักสาวช่างตื้อก็เป็นได้
ก่อนเพลงที่คุณภูชิตร้องจะจบลง ต่อด้วยเพลงลูกทุ่งที่เขาไม่เคยฟังมาก่อน แต่ด้วยน้ำเสียงและสายตาของหญิงสาวที่ส่งมาให้กัน ทำเอาเผลอสบตาแล้วดำดิ่งไปกับความรู้สึกที่ได้รับจากร่างบาง จนไม่แน่ใจว่ามันคือความจริงหรือเปล่า
“อยากมีสิทธิ์หวง เมื่อเห็นเธอควงคนอื่น เจ็บช้ำกล้ำกลืน ต้องนอนสะอื้นเดียวดายรักเธอข้างเดียว แถมยังเป็นชู้ทางใจ รักเธอข้างเดียว ไม่เห็นจะดีตรงไหน ตัดอกตัดใจ ไม่คิดแย่งแฟนใครหรอกหนา”
