๔ รับผิดชอบ (๔)
ดรุณีจับไมค์มั่นคงแล้วร้องเพลงที่สื่อความหมายถึงคนตรงหน้า กลายเป็นนักร้องเดี่ยวเมื่อแสงเหนือกับคุณภูชิตเดินมานั่งโซฟา ปล่อยให้เธอโซโล่เพียงลำพัง แล้วหญิงสาวก็ไม่มีท่าทีเขินอายสักนิด แสดงออกตรงไปตรงมาว่ากำลังร้องเพลงจีบใคร เป็นเขาเสียเองที่เขินจนใบหน้าร้อนผ่าว
“อยากบอกว่ารัก รักเธอสักหมื่นพันครั้ง สิ่งที่รับฟัง มีเพียงท่านเทวดา ก็อยากจะขอให้รักเธออยู่คู่ฟ้า แต่หากวันไหน รักเธอไม่สมปรารถนา บังเอิญเลิกราช่วยมาจ้องตาฉันที”
เธอยังคงตั้งหน้าตาตั้งร้องเพลงสื่อความหมายถึงเขา ฝ่ายชายก็พยายามทำขรึมเอาไว้ แต่สายตาแทบไม่ละไปทางอื่นเลย ทำให้แสงเหนือที่นั่งข้างกันแอบอมยิ้ม ค่อยยกโทรศัพท์มาถ่ายนักร้องคนสวยแล้วเลื่อนมายังเสี้ยวหน้าคมด้านข้างซึ่งกำลังตกอยู่ในภวังค์
“ก็อยากจะขอเป็นคนถัดไป ไม่มากใช่ไหมฉันขอเธอเพียงเท่านี้ กว่าจะลืมเธอคงใช้เวลาหลายปี ถ้าฟ้ายินดีคงมีโอกาสแลกใจ ไม่เคยจะคิดจะแช่งให้ใครเลิกกัน ประตูสวรรค์จงอยู่ในนั้นเรื่อยไป จะไม่รบกวนให้เธอต้องว้าวุ่นใจ จะขอเป็นยามเฝ้าหน้าประตูได้ไหม ร้องไห้วันใด ให้ฉันดูแลใจเธอ”
เธอขอซึ่งหน้าแต่เขาก็ไม่อาจตอบอะไรได้ อายที่หญิงสาวกล้าทำทุกอย่างต่อหน้าคนในครอบครัวของตน และดูเหมือนทุกคนก็จะรู้กันเป็นอย่างดีจึงกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม มีเพียงแสงเหนือที่กระทุ้งศอกแล้วถามเสียงล้อเลียน
“เคลิ้มเหรอครับพี่ชาย”
“ไปนอนไป” ร่างสูงรีบลุกออกจากห้องไปเป็นคนแรก เข้าห้องของตัวเองก่อนจะอาบน้ำไล่ความร้อนที่ใบหน้าและลามไปถึงร่างกายส่วนอื่น ยิ่งคิดถึงแววตาหวานหยาดเยิ้มจนพาลให้นึกย้อนไปยังค่ำคืนในห้องพักที่ปารีส สัมผัสแสนหวานที่ติดตรึงใจจนสลัดไม่ออก เนื้อตัวเนียนนุ่มกับรสชาติหวานที่ได้ลิ้มลอง
จนนึกอยากชิมอีกครั้ง...
ไม่...นี่เขาคิดบ้าอะไร!
สะบัดศีรษะแล้วเปิดน้ำชโลมกายอีกครั้งให้หยุดคิดเรื่องพวกนี้สักที
เช้าวันต่อมาตามแผนเดิมคือออกไปไหว้พระและเที่ยวตามจุดสำคัญ ร่างสูงอยู่ในชุดไปรเวทแสนสบายคือเสื้อกล้ามทับด้วยเสื้อฮาวายและกางเกงขาสามส่วน ผมปล่อยสบายไม่ได้เซ็ทเหมือนทุกครั้ง ลงมารอข้างล่างก่อนใครเพื่อน ระหว่างนั้นก็จิบกาแฟไปพลางแล้วค่อยลุกจากเก้าอี้เมื่อเห็นว่าทุกคนพร้อมออกเดินทางแล้ว
ยกเว้นเพียงคนเดียว...
“ไปกันแค่นี้เหรอครับ” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อไม่เห็นหญิงสาวที่ควรทักทายเขาเสียงใสแล้วเดินมากอดแขน หล่อนหายไปไหนจึงพยายามมองหา และเมื่อไม่พบดรุณีก็จำต้องถามแต่ก็ยังไม่เอ่ยถึงชื่อของหล่อน
“น้องเน่ไม่สบายน่ะลูก สงสัยเมื่อวานตากน้ำค้างนานเกินไป แม่บอกจะอยู่เป็นเพื่อนก็ไม่ยอมท่าเดียว อยากให้ไปสนุกตามแผนเดิมมากกว่า” เขาขึ้นห้องไปก่อนจึงไม่ทราบว่าหญิงสาวไปนั่งกินกุ้งเผาตากน้ำค้างอยู่นอกชานเรือนคนเดียว
ถอนหายใจเสียงดังเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก่อนมองขึ้นไปยังชั้นสองแล้วนึกเป็นห่วง ไม่รู้ว่าหญิงสาวจะเป็นหนักแค่ไหน แววตาฉายชัดถึงความกังวล หากปล่อยให้เธออยู่คนเดียวจะดีหรือ เพราะแม่บ้านที่พามาด้วยก็จะไปเที่ยวข้างนอกเช่นเดียวกัน
เขากำลังจะบอกให้แม่บ้านคอยอยู่ที่นี่เพื่อดูแลเธอ แต่ไม่ทันแสงเหนือที่พูดขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วตกลงเองทั้งหมด
“แต่ถ้าไม่มีคนอยู่ด้วยก็น่าเป็นห่วง...ไหนๆ พี่ปีก็มาบ่อยแล้ว เอาเป็นว่าวันนี้พี่ก็อยู่เฝ้าเน่แล้วกัน ไม่ต้องไปกับพวกเราหรอก”
“ใช่ๆ พ่อก็ว่างั้น ฝากน้องด้วยนะปี” คุณภูชิตตบบ่าลูกคนโตแล้วเดินขึ้นรถตู้เป็นคนแรก ตามด้วยคุณวีรินทร์ที่พยักหน้าเห็นด้วย ปิดท้ายที่น้องชายยิ้มกว้างค่อยตามบุพการีไปขึ้นรถ ไม่วายโบกมือให้พี่ชายยิ้มหน้าแป้นอีกต่างหาก
“หะ เดี๋ยว เดี๋ยวสิ...” เขาจะทัดทานก็ไม่ทันเมื่อรถคันนั้นแล่นออกจากบ้านเป็นที่เรียบร้อย
กลายเป็นว่าตนต้องอยู่กับหญิงสาวเพียงลำพัง...
“แค่กๆ” แค่เข้ามาในห้องพักแขกที่เล็กกว่าห้องนอนหลักของเขาก็ได้ยินเสียงคนบนเตียงไอมาเป็นอย่างแรก สีหน้าของหล่อนไม่ค่อยสู่ดีเท่าไหร่ เขาจึงออกไปหยิบน้ำกับแก้วขึ้นมาให้หญิงสาว จากนั้นก็เอายามาด้วยค่อยกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง
เดินมานั่งลงที่ขอบเตียง คนที่หลับสนิทค่อยเปิดเปลือกตาอย่างเชื่องช้า พอเห็นว่าเป็นชายหนุ่มถึงได้ยิ้มออกมา แต่แววตาก็อ่อนล้าต่างจากทุกครั้งที่เขาได้สบ จนนึกสงสารเธอที่ต้องโดนพิษไข้เล่นงาน
“ดื่มน้ำก่อนสิ” รินน้ำใส่แก้วแล้วยื่นไปตรงหน้าดรุณี เจ้าตัวค่อยผุดลุกมาดื่มน้ำและกินยาตามที่เขาแกะมาให้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นค่อยล้มตัวลงนอนเหมือนเดิม
“อือ พี่ปีไม่ไปเที่ยวเหรอ” คุณวีรินทร์กับแสงเหนือเข้ามาดูอาการเธอในห้องแล้วบอกให้พักผ่อน คิดว่าทุกคนจะออกไปข้างนอกแล้วปล่อยหล่อนไว้คนเดียวเสียอีก ไม่เชื่อว่าชายหนุ่มจะอยู่ที่นี่
เขามาเฝ้าเธอ...ไม่ออกไปกับครอบครัวอย่างนั้นเหรอ แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองด้วยซ้ำ
“เธอไม่สบาย”
“เน่อยู่คนเดียวได้” พยายามแสดงออกถึงความเข้มแข็ง ทั้งที่เสียงแหบแห้งจนพูดอะไรไม่ออก เขาจึงเลือกจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูแล้วชุบน้ำก่อนบิดให้หมาดมาเช็ดตามใบหน้าและลำคอของอีกฝ่าย ก่อนชะงักเมื่อเห็นว่าเธออยู่ในชุดนอนเดรสสายเดี่ยวที่ไม่ได้สวมชั้นในปกปิดร่างกาย
“นอนเถอะน่า” บอกเสียงพร่าแล้วรีบสั่งตัวเองห้ามคิดถึงเรื่องไม่เป็นเรื่อง เขากำลังคิดลามกกับคนป่วยซึ่งมันไม่สวมควรเป็นอย่างมาก
ลุกไปห้องน้ำแล้วเอาผ้าชุบน้ำอีกครั้งค่อยมาเช็ดตามข้อพับให้หญิงสาว การปฏิบัติของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ทำให้เธอมองตามแล้วร้องไห้ด้วยความอ่อนแอ ตอนที่ไม่สบายก็มีมารดาคอยอยู่ข้างกายตลอด บัดนี้ที่ท่านไปไม่หวนกลับ แค่จะแสดงออกถึงความรักก็ยังทำให้คนในครอบครัวเห็นไม่ได้ เพราะแม่ของเธอสร้างเรื่องราวเอาไว้มากมายเหลือเกิน
“ร้องไห้ทำไม” ตกใจที่เห็นน้ำตาเม็ดใหญ่ไหลเปื้อนแก้มหล่อนจนต้องรีบถาม
“เน่คิดถึง คิดถึงคุณแม่...พี่ปีอยู่กับเน่ก่อนนะห้ามไปไหนนะ อยู่กับเน่ได้ไหมคะ...พี่ปีขา” ร่างบางผุดลุกแล้วผวากอดเขาเอาไว้ ผ้าห่มร่นไปกองอยู่บนตักโดยเธอไม่สนใจว่าตอนนี้มีเพียงผ้าผืนบางที่เป็นชุดนอนกั้นกายของพวกเราเอาไว้
“พี่ก็อยู่ตรงนี้ไง ไม่ไปไหนหรอก” กอดตอบด้วยความสงสาร เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวร้องไห้สะอื้นจนตัวโยน ก่อนที่หญิงสาวจะผละออกแล้วเช็ดน้ำตาไม่ให้บดบังภาพใบหน้าคม จากนั้นจึงบอกรักเขาพร้อมยืดกายจุมพิตที่แก้มสากสองข้างสลับกันไปมา
“เน่รักพี่ปี รักพี่ปีที่สุดเลย จุ๊บๆๆๆ” ร่างสูงไม่ทันตั้งตัวว่าเธอจะทำเช่นนี้ ทั้งที่เขาเป็นผู้ชายและมีพละกำลังมากกว่าเป็นเท่าตัว ไหนจะตอนนี้ที่เธอป่วย หากถูกผลักก็ไม่มีทางที่หญิงสาวจะต้านไหวอยู่แล้ว ทว่าตอนนี้เขากลับยอมให้ปากอวบอิ่มประทับลงบนริมฝีปากของตัวเอง สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่ร้อนผ่าวจากกายแบบบาง
เธอไม่ได้เริ่มเคลื่อนริมฝีปาก เพียงแค่แช่ไว้เช่นนั้นแล้วค่อยดูดกลืนริมฝีปากล่างของเขาคล้ายจะหยอกล้อ จากนั้นจึงผละออกแล้วถอดชุดนอนตัวบางออก เผยให้เห็นเรือนร่างงดงามขาวผ่องที่ชายหนุ่มยังคงจำได้ไม่ลืมว่านุ่มลื่นมือแค่ไหน
คนใจแข็งมองภาพตรงหน้าแล้วทำได้แค่นิ่ง ก่อนจะถูกเธอดึงบนเตียงแล้วทาบทับบนกายของเขาเอาไว้ ปีแสงบอกตัวเองว่ามันไม่ควร แต่ดอกบัวงามตรงหน้าก็ล่อสายตาเสียเหลือเกินจนเผลอกลืนน้ำลากอึกใหญ่ลงคอ อยากเอาลิ้นไปแตะที่ปทุมถันเม็ดใหญ่ให้มันชูชัน ตวัดลิ้นรัวทรวงอกสล้างทั้งสองข้าง กำมันเอาไว้ในมือแล้วบีบอย่างใจต้องการ
เขาอยากทำเช่นนั้น...จนไม่ได้ต้านทานสิ่งที่หล่อนกำลังจะทำ
เพราะตนเองก็ต้องการเช่นเดียวกัน
“เน่...อย่า” พึมพำเมื่อมือบางเลื่อนไปยังกางเกงของเขา
ปลดกระดุมพร้อมรูดซิป เตรียมรั้งออกจากขาแกร่งกลับถูกมือหนาคว้าไว้ก่อน
“พี่ปีตามใจเน่สักครั้งไม่ได้เหรอคะ” เธออ้อนวอนเสียงพร่า
ความต้องการพุ่งสูงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อทุกอย่างเป็นใจขนาดนี้ก็ไม่อาจปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปได้ หล่อนครอบครองแก่นกายชายแล้วฟังเสียงครางของเขาที่แสดงถึงความพึงพอใจ ปรนนิบัติชายหนุ่มอย่างดีด้วยความคิดถึงกับสัมผัสที่โหยหา
พวกเขาจำไม่ได้แล้วว่าร่วมรักกันไปนานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีก็จบลงที่เขาต้องช่วยทำความสะอาดร่างบางซึ่งนอนหมดสภาพอยู่บนเตียง ปล่อยให้ปีแสงนึกโกรธตัวเองที่ยอมให้ด้านมืดเข้าครอบงำจนหลงระเริงในกามารมณ์
แล้วอย่างนี้จะมีหน้าปฏิเสธหล่อนได้อย่างไร...
“น้องล่ะ”
ร่างสูงลงมานั่งดูพระอาทิตย์ตกยามเย็นพร้อมคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น มือกุมขมับพลางพรูลมหายใจหนักหน่วง สัมผัสได้ถึงไอร้อนจากลมหายใจของตัวเอง รู้ดีแล้วว่าคงติดหวัดจากคนบนห้องเป็นแน่ เล่นแนบชิดกันเสียขนาดนั้น
หรือนี่คือแผนของเธอที่จะทำให้เขาป่วยแทน...
รถตู้แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านพักตากอากาศ เขาเห็นคนที่ลงจากรถต่างยิ้มกว้างมีความสุข ปล่อยให้ตนทุกข์เพียงลำพัง
แต่ความทุกข์ครั้งนี้ดันเป็นทุกข์ที่เขาสร้างขึ้นเอง ตนจะหลีกเลี่ยงก็ได้แต่เลือกไม่ทำเพราะต้องการหญิงสาวเช่นเดียวกัน มองมือของตนเองยังจำได้ดีว่าสอดประสานกับมือเล็กแล้วกระแทกเข้าไปในกายของหล่อนแรงแค่ไหน เร็วเพียงใดจังหวะที่น้ำหลั่งรู้สึกเบาหวิวราวลอยอยู่กลางอากาศ
เขาจำได้หมดทุกท่วงท่าจนต้องนั่งเครียดอยู่แบบนี้...
มารดาเดินเข้ามาแตะไหล่แล้วถาม ชายหนุ่มจึงชี้ไปยังด้านบนที่หล่อนกำลังหลับสนิทอย่างสิ้นฤทธิ์ ถูกกินจนคนตะกละอิ่มสบายตัว ต่อจากนี้จะกล้าสู้หน้าดรุณีได้อย่างไร เขาคิดไม่ตกกับเรื่องในอนาคตที่กำลังจะเกิด
รู้ดีว่ายังไม่พร้อมเริ่มใหม่ แล้วเธอก็เป็นน้องสาวที่เขาเคยประกาศกร้าวว่าไม่มีทางมองเป็นอย่างอื่น
ทำไมขาดสติได้ขนาดนี้นะปีแสง!
“นอนอยู่ข้างบนครับ” ชี้ไปด้านบนแล้วมองน้องชายที่เดินเข้ามาใกล้ ต้องโทษคนต้นคิดที่ทำให้เขาต้องอยู่กับเธอลำพังจนเกิดเรื่องขึ้น แสงเหนือยังคงยิ้มกว้างก่อนจะหุบยิ้มเมื่อเห็นว่าพี่จ้องเขม็งเหมือนจะหาเรื่อง
“มีอะไรหรือเปล่าพี่ หน้าดูเครียดนะ” พอถูกทักก็หลบสายตาแล้วส่ายหน้าท่าเดียว รีบเปลี่ยนเรื่องไม่อยากถูกซักไซ้
“เปล่า คิดเรื่องงานนิดหน่อย ไปเที่ยวสนุกหรือเปล่า”
“ก็ดีครับ ผมไปพักผ่อนก่อนนะ” เขาลุกตามน้องเข้าบ้าน แล้วก็กลายเป็นคนเงียบขรึมและสงวนท่าทีกับหญิงสาวที่เพิ่งฟื้นจากไข้
เมื่อกลับไปถึงบ้านก็บอกมารดาว่ามีโปรเจคสำคัญต้องรับผิดชอบจึงขอนอนที่คอนโดมิเนียม จากนั้นก็บินไปดูงานต่างประเทศเกือบสามเดือนเพื่อมาพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเอง ทำงานหัวหมุนเพื่อให้ลืมบางเรื่อง
โดยที่คนรอก็เริ่มท้อ...แต่เธอไม่มีทางถอยอย่างแน่นอน
“พี่ปีจะหลบหน้าเน่ไปอีกนานแค่ไหน” เมื่อชายหนุ่มกลับถึงไทยและมาทำงานเป็นวันแรก บอกเลขานุการไม่ให้ใครเข้ามารบกวน แต่หญิงสาวก็ผลักประตูเข้ามาพร้อมหยุดอยู่ตรงหน้าแววตาเอาเรื่อง กว่าสามเดือนที่ไม่ได้พบเธอ หญิงสาวดูสวยขึ้นเป็นกองแววตาก็ดื้อรั้นเช่นเดียวกัน
“เน่...พี่ไม่ได้ตั้งใจจะหลบ ช่วงนี้งานพี่เยอะ...” ปฏิเสธทั้งที่รู้ว่ามันไม่ใช่ความจริง
เขาต้องการหลบหน้าหล่อนเพื่อปฏิเสธเรื่องของเราทางอ้อม เป็นคนผิดที่ไม่ยอมรับผิดชอบในการกระทำของตัวเอง ยิ่งคิดก็ยิ่งละอายจนไม่กล้าจะสบดวงตากลมวาว
“เน่รู้ว่าเรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้ แต่คราวนี้เน่คงปล่อยผ่านเหมือนครั้งก่อนไม่ได้แล้ว ขอโทษนะคะที่ต้องพูดอย่างนี้...” มือบางกำเข้าหากันแน่น ทั้งโกรธและโมโหกับการหนีหน้าของเขา เธอต้องรออีกนานแค่ไหนถึงจะสมหวัง
แต่ต่อจากนี้ดรุณีจะไม่รออีกต่อไป
“เน่ท้อง” บอกสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นให้เขาทราบ ร่างหน้าผุดลุกจากเก้าอี้แล้วถามเสียงดังไม่เชื่อหูตัวเอง แม้จะได้ยินชัดเจนก็ตาม
“อะไรนะ!”
“เน่ท้องได้แปดสัปดาห์แล้วค่ะ” ย้ำชัดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
โซ่ที่คล้องเราสองคนเอาไว้ด้วยกัน และเขาไม่อาจหนีมันได้อีก!
