๓ ตื้อเท่านั้น (๔)
“รีบไปเถอะ”
“ค่ะ”
เป็นครั้งแรกที่ได้ใช้เวลาร่วมกัน เธอเหลือบมองปีแสงบ่อยครั้งแม้เขาจะไม่สนใจก็ตาม เอาแต่เข็นรถแล้วตามหาสิ่งที่มารดาฝากซื้อ ไม่ทันสังเกตว่าคนข้างกายมีความสุขมากเพียงใด
รู้สึกเหมือนเราเป็นคู่ข้าวใหม่ปลามันมาซื้อของเข้าบ้าน แค่คิดตัวก็แทบจะบิดเป็นเลขแปด เม้มปากแน่นไม่ให้ตัวเองยิ้มตลอดเวลา กระทั่งเขาซื้อของครบพร้อมจ่ายเงินเรียบร้อย เตรียมกลับบ้านก็โดนรั้งเอาไว้จากคนข้างกาย
“พี่ปีได้ของครบหมดแล้ว ต่อจากนี้ก็เป็นเวลาของเน่บ้างนะคะ เราไปดูหนังกันดีไหมหรือว่าจะไปทำอะไรดีคะ ไหนๆ วันนี้เน่ก็ว่างแล้ว ส่วนพี่ปีก็น่าจะว่างเหมือนกัน พรหมลิขิตทำงานก็ต้องสานต่อนะคะ ไปไหนดีเอ่ย” ไม่ปิดบังความรู้สึกของตัวเอง บอกอย่างตรงไปตรงมาว่าชอบ
เขาคิดจะปฏิเสธเธอ แต่พอเห็นหญิงสาวจ้องตาปริบก็นึกสงสาร หล่อนอุตส่าห์เดินเป็นเพื่อนเกือบชั่วโมง อีกอย่างตอนนี้ก็ใกล้เที่ยงแล้วด้วย แค่อาหารมื้อเดียวคงไม่เป็นปัญหาหรอก
“กินข้าวก็ได้” คนฟังยิ้มกว้างมีความสุข พยักหน้าตอบรับแล้วร่ายยาวถึงอาหารที่เขาอยากรับประทาน
“ได้ค่ะ...อาหารจีน อาหารไทย อาหารอิตาเลี่ยน อาหารญี่ปุ่นให้สิทธิ์พี่เลือกได้เลย” น่าแปลกที่คราวนี้ดวงหน้าคมจ้องหล่อนนิ่ง อดที่จะเปรียบเทียบกับอดีตแฟนสาวไม่ได้ที่เขาเป็นฝ่ายถามตลอดว่าอยากกินอะไร แล้วหล่อนก็ปฏิเสธทุกรอบก่อนชวนทะเลาะจนกินข้าวไม่มีความสุข
“เธออยากกินอะไร”
“ส่วนตัวอยากกินอาหารไทยค่ะ” นึกว่าหญิงสาวจะเซ้าซี้ตามใจเขาเสียอีก เมื่อดรุณีบอกเช่นนั้นก็ต้อตามใจหน่อยแล้ว
“ตามใจเธอแล้วกัน พี่เลี้ยงเองถือเป็นการขอบคุณที่ช่วยเลือกของ”
“ตกลงค่ะ!”
เธอเดินตัวปลิวนำแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาถือของเต็มสองมือ จึงเดินกลับมาช่วยชายหนุ่มถือ แม้ตอนแรกปีแสงจะปฏิเสธแต่ก็ยอมความช่างตื้อของเจ้าหล่อน คนตัวเล็กชวนเขาคุยระหว่างเดินไปร้านอาหาร เจื้อยแจ้วไม่หยุดแววตาสดใสมีความสุข
ร่างสูงฟังอย่างเดียวแล้วพยักหน้ารับบ้างในบางครั้ง กระทั่งถึงร้านอาหารไทยที่มีเก้าอี้นั่งว่าง เข้ามาข้างในเลือกโต๊ะแล้วว่างของเอาไว้ยังเก้าอี้ เลือกจะนั่งตรงข้ามเพื่อมองหน้าเขาถนัด
“เราเลือกของที่ชอบคนละสองอย่างมากินด้วยกันนะคะ” บริกรเดินเข้ามาพร้อมรับเมนู เธอจึงเลือกสิ่งที่อยากรับประทาน ขณะที่ถามความเห็นของเขาเช่นเดียวกัน อยากใช้เวลาร่วมกับชายหนุ่ม แล้วเขาก็ไม่ได้มีอาการค้านแต่อย่างใด
“เน่ขอมัสมั่นไก่กับผัดผักรวมค่ะ...พี่ปีเอาอะไร” เลือกของที่ตัวเองชอบ แล้วรอว่าชายหนุ่มจะสั่งอะไร เธอจะได้รู้เมนูโปรดของเขาบ้าง
“ปลาราดพริกกับกุ้งผัดพริกเกลือแล้วกัน” ยื่นเมนูให้พนักงานแล้วมองเธอที่จ้องเขาเช่นเดียวกัน
“ขอน้ำเปล่าค่ะ”
แล้วพนักงานก็เดินไปด้านหลัง ปล่อยคนทั้งสองอยู่ด้วยกันตามลำพัง เธอชวนเขาคุยไม่ให้บรรยากาศเงียบ ถามเรื่องที่ตัวเองอยากรู้ทั้งหมด ถือเป็นโอกาสดีที่จะเริ่มรุก เพราะดูแล้วเขาคงไม่หวนกลับไปหาแฟนเก่าอีก
“พี่ปีชอบอาหารทะเลเหรอคะ กินอาหารเผ็ดเก่งหรือเปล่า” ความกระตือรือร้นและสดใสของร่างบาง ทำให้เขารู้สึกสดชื่นไปด้วย ตอบคำถามอย่างผ่อนคลายไม่ได้รู้สึกอึดอัดอย่างใด
“ก็กินเก่งนะ ชอบอาหารรสจัดมากกว่ารสอ่อนแต่ก็กินได้หมดนั่นแหละ”
“อ้อ...เน่ชอบอาหารรสอ่อนแต่ก็กินเผ็ดได้ค่ะ แต่ถ้าชอบจริงๆ ก็ชอบอาหารญี่ปุ่นมากกว่า แล้วพี่ชอบอาหารอะไรคะ” คำถามทุกอย่างดูลื่นไหลกว่าที่หล่อนคิด อีกทั้งเขาก็ไม่ได้มีท่าทีปิดกั้นอย่างที่เคยนึกกลัว จึงถามทุกอย่างที่ตัวเองอยากทราบระหว่างรออาหาร
“กินได้หมดแล้วแต่ว่าตอนนั้นอยากกินอะไร” ใบหน้าหวานพยักหน้าขึ้นลง เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดแล้วเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็วจนเขาตามไม่ทัน
เธอจ้องเขานิ่งแล้วเห็นว่าชายหนุ่มมีท่าทีผ่อนคลายกับตัวเอง โอกาสนี้แหละที่จะพูดเรื่องสำคัญกับปีแสง หล่อนคิดว่าการจะจีบใครสักคนไม่ใช่ทำได้เลย ต้องมาจากความเต็มใจของอีกฝ่ายด้วย ใจเต้นรัวขณะเอ่ยปากถาม
“พี่ปีโสดไหม” ร่างหนาชะงักเล็กน้อย ยกยิ้มมุมปากแล้วเป็นฝ่ายถามหล่อนกลับ
“ถามทำไม...จะจีบหรือไง” เบิกตากว้างไม่คิดว่าเขาจะถามตรงประเด็นขนาดนี้ หล่อนแทบจะข้ามโต๊ะไปนั่งข้างอีกฝ่ายแล้วอ้อนขอจีบ แต่ที่ทำคือยกมือขึ้นกุมไว้กลางอกพลางจ้องปีแสงตาแป๋ว
จนชายหนุ่มเผลอคิดว่าน่าเอ็นดู…ก่อนไล่ความคิดนั้นออกอย่างรวดเร็ว
“ได้หรือเปล่าล่ะ” เขาไม่ตอบในทันที ยังคงเงียบเหมือนต้องการใช้ความคิด จนอาหารจานแรกเริ่มมาเสิร์ฟจึงตัดบทในทันที คล้ายปฏิเสธเป็นนัยทว่าหล่อนกลับเลือกเชื่อตามความต้องการของตัวเอง
“อาหารมาแล้ว กินข้าวเถอะ”
“ไม่ปฏิเสธถือว่าตกลงนะ...เน่จะจีบพี่ปี หนีไม่พ้นหรอก”
ทั้งที่คิดจะให้เขาอนุญาต แต่เมื่อชายหนุ่มไม่พูดก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากมัดมือชกอย่างเดียว
“พี่ปีมาแล้วววว!”
คนที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านต้องชะงักเมื่อเห็นหญิงสาววิ่งมาจากบ้านหลังใหญ่ของครอบครัว ตรงมาหยุดยืนด้านหน้าเขาพร้อมยื่นแก้วน้ำที่มีหยดน้ำเกาะเต็ม เธอยิ้มหวานแล้วยังพยายามเขย่งปลายเท้าให้สูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อจะได้สบตากับชายหนุ่มถนัดกว่านี้อีกสักหน่อย
“น้ำหวานเย็นชื่นใจหน่อยไหมคะ น้ำกระเจี๊ยบที่คั้นสดไม่หวานไม่เปรี้ยวเกินไป รสชาติอร่อยแน่นอนลองชิมดูค่ะ อ้า...” นอกจากเสิร์ฟถึงที่ยังป้อนถึงปากจนเขาต้องรีบจับแก้วไปดื่มเอง อึกแรกชื่นใจจนดื่มไปครึ่งแก้ว สร้างความดีใจแก่หล่อนเป็นอย่างยิ่ง
“มาได้ยังไง”
“มาให้คุณน้าสอนทำขนมค่ะเอาใจพี่ปีค่ะ เป็นยังไงบ้างคะ น้ำกระเจี๊ยบอร่อยไหมคะ” เธอไม่ยอมเปิดทางให้เขาเข้าบ้านหากไม่ยอมตอบคำถาม แล้วชายหนุ่มก็รู้ดีจึงพยักหน้าไปตามเรื่อง
“อร่อย” คำตอบสั้นแต่สร้างความดีใจแก่หล่อนเป็นอย่างมาก
ตั้งแต่วันที่หญิงสาวบอกว่าจะจีบก็เริ่มเดินหน้าด้วยการเข้ามาอยู่ในชีวิตของเขา จนคนรอบข้างรู้กันหมดว่าดรุณีกำลังจีบปีแสง แม้กระทั่งคนที่บ้านอัครเศรษฐ์ก็รู้เห็นเป็นใจให้เธอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวด้วย
เขาจนปัญญาจะไล่หล่อน…ทำได้แค่ตามน้ำอย่างเดียว
“บอกแล้ว! เข้ามาเลยค่ะ ยังมีแยมโรลรสกาแฟให้กินรองท้องก่อนกินข้าวเย็นอีกนะ เชิญเลยค่ะ...” จากที่จะเข้าบ้านของตัวเองก็เปลี่ยนทิศทางไปบ้านของบิดา โดยมีหล่อนจูงกึ่งลากไปทางบ้านหลังใหญ่ ไม่สนใจเสียงพึมพำด้านหลัง
“นี่บ้านใครกันแน่วะ”
เพราะดูเหมือนเธอจะทำตัวเป็นเจ้าของบ้านคนใหม่เรียบร้อยแล้ว
