๑ ปักใจ (๔)
เดินออกมาจากห้องนอนของตนเมื่อเปลี่ยนชุดเรียบร้อย กำลังจะลงไปจิบน้ำชาและพูดคุยกับบิดาให้หายคิดถึงก็เจอพี่ชายต่างมารดาเดินออกจากห้องด้วยชุดไปรเวทที่ดูดีเกินกว่าจะสวมอยู่บ้าน จึงได้เอ่ยทัก
“พี่ฉายจะไปไหนเหรอคะ”
“ว่าจะไปบ้านเพื่อนสักหน่อย” เจ้าหล่อนทำตาวาวเพราะรู้ว่าเพื่อนสนิทของพี่มีไม่กี่คน หนึ่งในนั้นก็คือคนที่หล่อนอยากพบหน้าเพราะเห็นเขาผ่านทางโซเชียล ไม่ได้เจอตัวจริงมาหลายปีแล้ว
“ใครคะ!” ขยับเข้ามาใกล้จนอายุมากกว่าเริ่มงุนงง
“บ้านปีแสง” ชื่อนั้นแหละที่หล่อนอยากได้ยิน
ดรุณีไม่รอช้ารีบเกาะแขนพี่ชายเอาไว้ พร้อมเอ่ยเสียงดังด้วยความตื่นเต้น แววตาเต็มไปด้วยประกายสดใสทำเอาร่างหนาถึงกับไปไม่เป็น ทำแค่จ้องใบหน้าสวยหวานของอีกฝ่ายนิ่งคล้ายกำลังค้นหาเหตุผล
“ไปด้วยค่ะ!” เมื่อเห็นว่าพี่ชายไม่ตอบ จึงหาข้ออ้างที่พอจะนึกออก แล้วชื่อของแสงเหนือก็เป็นเหตุผลในการจะไปบ้านอัครเศรษฐ์ได้อย่างดีเยี่ยม
“เอ่อ คือว่า เหนือค่ะ! เหนือบอกว่าอยากกินขนมฝีมือคุณแม่ ถ้าเน่ไปบ้านอยากฝากให้เอาขนมของคุณแม่กลับไปที่ลอนดอนด้วย...ตามนั้นค่ะ ขอไปด้วยนะคะพี่ฉาย…นะคะ”
พอเธอเกาะแขนแล้วอ้อนนิดหน่อย คนเป็นพี่ชายก็โอนอ่อนแล้วพยักหน้ายอมให้ไปด้วยกัน สร้างความดีใจแก่ดรุณีเป็นอย่างยิ่ง
“ไปสิ”
เธอจะได้เจอหน้าปีแสงแล้ว แค่คิดก็ตื่นเต้นจนมือชื้นเหงื่อไปตลอดทาง พยายามเม้มปากเพื่อไม่ให้ตัวเองยิ้มกว้างก็ทำได้ยาก จึงเลือกหันหน้าออกไปมองข้างทางแล้วอมยิ้มมีความสุขอยู่คนเดียว
จนกระทั่งได้พบดวงหน้าคมอีกครั้ง หล่อนยิ้มให้ปีแสงที่ยืนรอต้อนรับเพื่อนสนิทอยู่หน้าบ้าน แต่กลับไม่ได้รับรอยยิ้มตอบนอกจากปรายตามองอย่างนึกรำคาญเท่านั้น
เห็นน้องสาวของเพื่อนก็เหมือนเห็นความยุ่งยาก แล้วเขาก็ไม่ชอบความยุ่งยากเสียด้วยสิ
“นึกว่านายจะมาคนเดียว” ถามเพื่อนแต่คนตอบดันเป็นหญิงอายุน้อยกว่า
“เน่จะมาขอให้คุณน้าช่วยทำขนมจะได้เอาไปให้เหนือกินค่ะ”
เธอไม่มีท่าทีสะท้านเมื่อเห็นว่าเขาไม่ต้อนรับ แต่พยายามตอบด้วยน้ำเสียงสดใส กลบเกลื่อนความน้อยใจที่อีกฝ่ายไม่เห็นตนในสายตาสักนิด
แต่กระนั้นยังสงสัยว่ามองเป็นน้องสาวก็ไม่ได้เหรอ…
“เข้ามาก่อนสิ” เชิญแกเข้ามาในบ้านแล้วส่งสายตากับเพื่อนสนิทถึงเรื่องสำคัญที่จะพูดด้วย ตะวันฉายจึงบอกให้น้องสาวไปอยู่กับมารดาของปีแสง
“เน่ไปคุยกับคุณแม่ที่ห้องครัวสิ พี่จะไปคุยธุระกับปีสักหน่อย”
“ค่ะพี่ฉาย” เธอพยักหน้าทำตามเป็นอย่างดี
กำลังจะเดินเข้าห้องครัวไปทักทายคุณวีรินทร์ อัครเศรษฐ์คุณผู้หญิงของบ้านแต่กลับต้องชะงักเมื่อเห็นว่าท่านไม่ได้อยู่คนเดียว กำลังง่วนอยู่หน้าเตากับสาวสวยผู้เป็นว่าที่สะใภ้ คนที่ได้หัวใจทั้งดวงของปีแสงไปครอบครองอย่างน่าอิจฉา
“เก่งมากหนูลัน หัดไม่นานก็ทำได้แล้ว อย่างนี้ปีจะไปไหนรอด...ลองอีกอันไหมจ๊ะเดี๋ยวแม่สอนทำอาหารที่ปีชอบกิน จะได้ตั้งโต๊ะมื้อเที่ยงด้วยเลย” แววตากลมหม่นเศร้าเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เธอแอบน้อยใจที่ตัวเองไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น แต่ก็เข้าใจได้เป็นอย่างดีจึงพยายามแย้มยิ้มมีความสุข ค่อยทักทายมารดาของเพื่อนสนิทที่เห็นกันบ่อยครั้ง
“ดีค่ะคุณแม่” คำตอบของว่าที่สะใภ้ดังขึ้นพร้อมการทักทายของผู้มาใหม่ คุณวีรินทร์จึงหันมองตามเสียงแล้วยิ้มกว้างต้อนรับเพื่อนสนิทของบุตรชายคนเล็ก
“สวัสดีค่ะคุณน้า”
“อ้าว น้องเน่ ไปไงมาไงจ๊ะ เหนือกลับมาด้วยหรือเปล่า” รีบเข้ามาทักทายแล้วมองซ้ายขวาเผื่อลูกชายจะกลับมาเซอร์ไพรส์แต่ก็ไร้เงาของแสงเหนือ อยู่ต่างประเทศนานจนจะลืมบ้านเกิดเมืองนอนอยู่แล้ว
“เปล่าค่ะ เน่กลับมาคนเดียว...พอดีเหนือบอกว่าอยากกินขนมที่คุณน้าทำไปให้คราวก่อนเลยฝากเน่มาบอกค่ะ” ใช้ข้ออ้างเดียวกับที่บอกพี่ชายเอาไว้ เธอยิ้มทักทายผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหลังเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาสบตากับคุณวีรินทร์ที่แสดงออกถึงอาการดีใจยกใหญ่เมื่อลูกคิดถึงขนมที่แม่ทำไปให้คราวก่อน
“จริงเหรอ! ลูกคนนี้น่าจะโทรมาบอกแม่ก่อนสิ ยังไม่ทำเตรียมไว้เลย เอาอย่างนี้เดี๋ยวแม่จะรีบทำแล้วฝากหนูเอาไปให้เหนือหน่อยนะ”
“ค่ะ” พยักหน้าแล้วยิ้มอย่างเดียว
มองคุณผู้หญิงของบ้านอัครเศรษฐ์ที่เดินไปหาแฟนลูกชายคนโตอย่างลันตา วิเศษบุรี หน้าตาสะสวยกริยามารยาทก็อ่อนหวาน ไม่แปลกใจทำไมเป็นที่รัก
สำคัญที่สุดคืออายุน้อยกว่าปีแสงแค่สองปี ไม่ได้ห่างเป็นรอบเหมือนหล่อน
“หนูลันมาช่วยแม่ทำไหมจ๊ะ เมนูนี้ก็ของโปรดปีแสงเหมือนกัน...น้องเน่ไปนั่งรอที่ห้องรับแขกก็ได้นะคะ แม่ทำแป๊บเดียว...ต้องอยู่กินข้าวเที่ยงด้วยกันก่อนนะ”
จากตอนแรกที่อยากอยู่นานหน่อย บัดนี้ความอยากอยู่เริ่มหมดไปเมื่อคิดว่าต้องเห็นภาพบาดตาของคนทั้งสอง เธออยากกลับบ้านมากกว่า ไม่น่าหาเรื่องให้ตัวเองต้องเจ็บปวดเลย
“ต้องแล้วแต่พี่ฉายค่ะ” แบ่งรับแบ่งสู้ก่อนจะเดินมานั่งรอที่ห้องรับแขกเพียงลำพัง สั่งตัวเองให้นิ่งไว้ห้ามเสียน้ำตาเป็นอันขาด รอกระทั่งพี่ชายเดินมาหาก็ยิ้มกว้างเดินเข้าไปกอดแขนเหมือนต้องการที่พึ่ง
“กลับเลยไหมเน่”
แม้เขาจะงุนงงเล็กน้อยแต่ก็ถามน้องสาว ซึ่งเธอก็พยักหน้าทันทีไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว รู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินอย่างไรก็ไม่รู้ โดยเฉพาะชายตรงหน้าที่ไม่ต้อนรับกันเลย
“ค่ะ” เงยหน้ามองเขาอีกครั้งก็เห็นชายหนุ่มยิ้มกว้าง
เธอตาพร่าไปชั่วขณะคิดว่าเขายิ้มให้ตน แต่ปีแสงก็เดินเลยไปหาแฟนสาวแล้วโอบเอวบางเอาไว้ หล่อนจึงทำได้เพียงก้มหน้าด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
รอยยิ้มที่ครั้งหนึ่งเคยให้กันได้ บัดนี้ไม่มีอีกแล้ว…
“ขนมมาแล้วจ้ะ นี่ให้เหนือส่วนนี่ของน้องเน่ แล้วก็แม่ฝากไปให้คุณอาทิตย์ด้วยนะฉาย” ท่านนำกล่องขนมใส่ถุงให้เรียบร้อย เขาจึงรับมาถือไว้ก่อนยกมือไหว้
“ครับคุณแม่”
“ไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”
ดวงตากลมเหลือบไปเห็นว่าร่างสูงก้มลงกระซิบกับคนรักแล้วหัวเราะกันมีความสุข มือของเขาก็ยังโอบอีกฝ่ายไว้แน่นจนคนที่ทำได้แค่มองกระบอกตาร้อนผ่าว
รีบไหว้คุณวีรินทร์แล้วเดินไปที่รถยนต์อย่างรวดเร็ว เปิดประตูนั่งเบาะข้างคนขับ รอกระทั่งรถเคลื่อนตัวออกจากบ้านอัครเศรษฐ์จึงปล่อยน้ำตาที่กลั้นไว้ให้ไหลออกมา
“เน่ เน่...ร้องไห้ทำไม” พี่ชายถึงกับตระหนก รีบจอดรถข้างทางแล้วถามด้วยความเป็นห่วง
“หนูแค่หาว”
ข้ออ้างฟังไม่ขึ้นสักนิด น้ำตาไหลเป็นทางจะบอกว่าแค่หาวได้อย่างไร
“หือ”
งุนงงมากกว่าเดิม จะปลอบก็ไม่รู้อีกฝ่ายร้องไห้เพราะอะไร จึงทำได้เพียงแค่ตบไหล่เล็ก
“แค่หาวค่ะ ไม่ได้ร้อง ฮึก ไห้สักหน่อย”
เจ้าตัวยังคงปฏิเสธแต่ก็ร้องไหไม่หยุดเช่นเดียวกัน
ตั้งปณิธานในใจเอาไว้แล้วว่าจะตัดใจจากปีแสงให้ได้!
