๑ ปักใจ (๒)
“ฮือ”
ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือแผ่นหลังกว้างเดินห่างออกไป จนสุดท้ายก็หายไปจากครรลองสายตา หญิงสาวทรุดนั่งปล่อยโฮ เป็นครั้งแรกที่เคยอกหัก
ไม่คิดมาก่อนเลยว่ามันจะเจ็บมากขนาดนี้ เหมือนหัวใจถูกแทงเป็นพันครั้ง เจ็บจนจำได้ขึ้นใจแต่ก็ยังไม่อาจบภาพพี่ชายแสนอ่อนโยนไปได้สักที
คนหัวทึบอย่างเธอมีเพียงเขาเท่านั้นที่ทนสอนหนังสือได้เป็นปี ช่วยทบทวนวิชาเรียน ซื้อขนมมาฝาก แล้วยังยิ้มหวานให้กันตลอด รู้ว่าปีแสงทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่เป็นเธอเองที่หลงคิดไปไกลมากกว่านั้น
สุดท้ายก็ต้องเจ็บลำพัง…
เวลาผ่านไปหลายปีคิดว่าทุกอย่างจะดีขึ้น กลับมีปัญหาถาโถมไม่หยุดทั้งเรื่องของครอบครัวที่มารดาถูกจับเข้าคุกข้อหาฆาตกรรม นักเรียนไทยในลอนดอนไม่มีใครเข้าใกล้เธอ
จะมีเพื่อนเพียงคนเดียวก็คือแสงเหนือ อัครเศรษฐ์ หนุ่มหล่อที่สาวต่างหลงใหลแต่ก็ยังไม่เห็นเพื่อนตกลงปลงใจกับใครสักคน ทั้งโรงเรียนเหมือนพวกเขาคบกันแค่สองคนเท่านั้น
เธอไม่อยากหาเพื่อนใหม่เพราะเรื่องของแม่มักตามมาหลอกหลอน กลัวว่าคนที่คบหาจะเอาตนไปคุยลับหลังในทางเสียหาย จึงเชื่อใจเพียงแสงเหนือเท่านั้น
ส่วนเรื่องแฟน…แน่นอนว่ามีอยู่แล้ว
แต่ก็เป็นความรักประเดี๋ยวประด๋าวไม่ได้ยั่งยืน ส่วนใหญ่คบต่างชาติที่มีสถานะแค่สามเดือนก็ต้องเลิกราร่ำไป ไม่รู้ว่าตนดวงกุดเรื่องคนรักหรืออย่างไร ไม่เคยคบใครได้นานสักคน จนได้ฉายาสาวสวยผู้ไม่ซ้ำหน้าให้คนอื่นมองด้วยความรังเกียจ
ช่างประไรล่ะ ถึงทำตัวดีพวกนั้นก็ไม่เคยมองหล่อนในแง่ดีอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้นก็ทำตามใจตัวเองไปเลยให้รู้แล้วรู้รอด
คิดอย่างนั้นแล้วควงชายหนุ่มไม่ซ้ำหน้าเพื่อประชดใครบางคนที่ไม่เคยออกไปจากใจของเธอได้สักที แม้จะรู้ว่าเขารักกันดีกับแฟนมาหลายปีแล้วก็ตาม ตั้งแต่เธออายุสิบห้าจนตอนนี้สิบแปดก็เห็นว่าปีแสงกับแฟนสาวรักใครกลมเกลียว
ทำให้คนที่ได้แค่มองถึงกับมานอนร้องไห้ โดยมีเพื่อนสนิทคอยปลอบอย่างเบื่อหน่าย
แสงเหนือนั่งอยู่ปลายเตียงแล้วยกมือกอดอกพลางพ่นลมหายใจหงุดหงิด อีกไม่นานก็จะเรียนจบไฮสคูลต่อมหาวิทยาลัย ซึ่งเขาคิดว่าจะไปต่อบริหารที่นิวยอร์ก ส่วนเพื่อนสนิทอย่างดรุณีจะเรียนด้านแฟชั่นที่ฝรั่งเศส
ช่างน่าเสียดายที่ต้องแยกย้ายไปเรียนตามความชอบของตัวเอง
คบหาเป็นเพื่อนทั้งยังเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก นึกแล้วก็ใจหายเหมือนกัน…
“เลิกร้องเถอะเน่ เธอจะร้องทำไมนักหนา ร้องไปพี่ปีก็ไม่เลิกกับพี่ลันมารักเธอหรอก” เมื่อก่อนก็ปลอบใจด้วยความสงสาร แต่มาบัดนี้นึกรำคาญกับรักฝังใจของอีกฝ่ายเสียแล้ว
เคยเตือนไปหลายรอบ ทั้งยังชี้แจงเหตุผลไปหลายครั้งแต่เพื่อนสนิทก็ไม่เคยฟังกันเลย ผู้ใหญ่อายุเกือบสามสิบที่ไหนจะมาคบเด็กสิบเจ็ดสิบแปดกันล่ะ ใครจะอยากเอาขาข้างหนึ่งก้าวเข้าตะรางกัน
แต่ดรุณีสนเสียที่ไหน…คร่ำครวญเพ้อพกถึงความรักที่มีต่อปีแสงจนคนเป็นเพื่อนทำได้แค่ฟังอย่างเหนื่อยหน่าย
“ช่างฉันเถอะน่า!”หันมาตวาดกลับแล้วนอนซุกใบหน้าลงที่หมอนสีทึบ
“เห็นคุณแม่บอกว่าพี่ปีมาคุยเรื่องแต่งงาน ยังไงสองคนนี้ก็ต้องแต่งงานกันนั่นแหละ เธอหมดสิทธิ์จะเป็นพี่สะใภ้ของฉันแล้ว หรือว่าถ้าอยากเป็นพี่สะใภ้ก็ยังเหลือพี่เอกที่ว่าง ลองจีบดูไหมแต่น่าจะจีบยากหน่อยนะเพราะพี่เอกชอบผู้ชาย” ลองเสนอแนวทางดูแต่หล่อนไม่ได้ชอบคนอื่น
หัวใจทั้งดวงมีแค่ปีแสงคนเดียวเท่านั้น ตวัดสายตาไปมองคนที่นั่งยิ้มกริ่มอย่างหงุดหงิด เลือกจะเช็ดน้ำตาที่เปื้อนใบหน้าแล้วถามเสียงเข้ม หล่อนไม่อยากได้ยินเสียงใครทั้งนั้น
“เงียบได้ไหมเหนือ ฉันต้องการร้องไห้คนเดียว”
“แล้วมาร้องอะไรห้องฉัน อยากร้องคนเดียวก็ไปร้องห้องตัวเองสิ”
ก็ร้องคนเดียวมันเหงานี่น่า!
เจ้าของห้องถอนหายใจเมื่อพูดจบก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของคนตรงหน้าหนักว่าเดิม เหมือนว่าเจ้าหล่อนจะไม่ทำอะไรแล้วชีวิตนี้นอกจากร้องไห้กับรักไม่สมหวัง
“ฮึก”
เจ้าของห้องปล่อยให้เพื่อนร้องไห้อยู่อย่างนั้นโดยไม่ปลอบหรือพูดอะไรอีก รู้ดีว่าพูดไปก็เปลืองน้ำลายเปล่า หล่อนไม่มีทางเห็นด้วยกับเขาอย่างแน่นอน หัวดื้อเสียขนาดนั้น โดยปฏิเสธก็ยังไม่เลิกจะหวังลมๆ แล้งๆ อีก
ยังดีที่ไม่ได้เข้าไปแทรกกลางคนทั้งคู่ มีเพียงแอบเข้าไปเช็คความเคลื่อนไหวในโซเชียลแล้วเอามาเจ็บเอง
“ทำยังไงพี่ปีถึงจะชอบฉัน” คำถามเป็นรอบที่ร้อย คำตอบของเขาก็ยังเหมือนเดิมไม่มีรักษาน้ำใจหรือเลี้ยงไข้เลยสักนิด เพราะไม่เห็นหนทางที่พี่ชายจะชอบเพื่อนสนิทของตน
“ยาก พี่ปีไม่ชอบคนเด็กกว่า เท่าที่รู้มาก็คบคนอายุเท่ากันหรือไม่ก็แก่กว่าหมดเลย เธอน่าจะเกิดเร็วกว่านี้สักสิบปี อาจจะมีหวัง” พยักหน้าหลังพูดจบแล้วลุกไปหยิบขนมมาเปิดกิน
ร่างบางที่เอาแต่นอนซุกหมอนรีบลุกนั่งบนเตียง ตวาดกลับเสียงดังอย่างโมโหกับสิ่งทีตนไม่สามารถแก้ไขได้
“แล้วฉันแก้ไขเวลาเกิดตัวเองได้หรือไงเล่า”
ร่างสูงไหวไหล่เพราะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เขาก็แค่พูดเพื่อให้ตัดใจเพียงเท่านั้น
“ตัดใจน่าจะง่ายที่สุด เชื่อฉันว่าเธอต้องตัดใจ ผู้ชายมีเป็นร้อยเป็นพันไปรักทำไมคนที่เขาไม่มีใจให้เรา เลิกหวังเถอะเพราะยังไงก็ไม่สมหวังหรอก” คนถูกขัดถึงกับหยิบหมอนมาปาใส่เพื่อน โวยวายพลางเริ่มเบะปากน้ำตาร่วงอีกครั้ง
“นาย...ไม่ให้กำลังใจกันเลย!” เจ้าของห้องไม่พูดอะไรนอกจากรับหมอนไว้แล้วนั่งมองหล่อนร้องไห้ไปเรื่อย รู้ดีว่าปลอบอย่างไรก็คงไม่หยุดหรอก สิ่งที่ทำได้คือปล่อยให้ร้องจนพอใจนั่นแหละ
