บท
ตั้งค่า

8

รมิดาไม่ตอบ ซุกหน้าลงกับไหล่หนา ซ่อนน้ำตาที่เอ่อคลอด้วยความตื้นตัน ใจหล่อนกล้าที่จะกอดคอเขาไว้เพราะเชื่อว่าตักนี้ อ้อมกอดนี้ อบอุ่นปลอดภัยสำหรับหล่อน

“รมิดา”

“ขา......” เด็กสาวขานรับเสียงหวาน อยู่กับซอกคอ

“ยังไม่ตอบเลยว่ากลัวหรือไม่กลัว”

“ไม่กลัวแล้วค่ะ....ก็คุณใจดีกับหนูนี่คะ”

“หึหึ....เมื่อเย็นมีอะไรจะพูดกับฉัน...หืม...”

“จริงสิ ...หนูจะขออนุญาตทำงานบ้าน งานครัวบ้าง จะได้ไหมคะ” น้ำเสียงกระตือรือร้นขึ้นมาทันที ดวงตาใสแจ๋วมองมาอย่างรอคอย แขนเรียวยังคล้องลำคอหนาอยู่อย่างนั้น

“อืม...จะอนุญาตดีหรือเปล่านะ” ทำท่าคิด แกล้งทรมานเด็ก

“นะคะ....หรือจะให้หนูช่วยงานในไร่ก็ได้ค่ะ” รมิดาไม่อยากอยู่ว่าง ๆ หายใจทิ้งไปวัน ๆ

“อยู่บ้านนี่แหละ ไปเรียนทำกับข้าวกับป้าพิณก็ได้”

“ขอบคุณนะคะ” สาวน้อยคลี่ยิ้มสดใส อยากจะหอมแก้มขอบคุณเหมือนในละครที่เคยดู เขาเป็นสามีของหล่อน...ความจริงน่าจะทำได้...ไม่น่าเกลียดหรอกน่า รมิดาได้แต่จด ๆ จ้อง ๆ แต่ก็ไม่กล้าได้แต่มองแก้มที่มีเคราเขียวครึ้มนิ่งอยู่อย่างนั้น

“หน้าฉันมีอะไรติดเหรอ” อาชาลูบแก้มตัวเองเก้อ ๆ

“ปะ...เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร” รมิดาหน้าร้อนซู่ รีบเอามือออกจากลำคอหนา มาประสานวางไว้ที่ตักของตัวเองอย่างไม่รู้จะทำอะไรดี

“อยากจูบฉันใช่ไหม” สายตาวิบวับ แพรวพราวล้อเลียนเมียเด็ก

“เอ่อ..ค่ะ...อุ้ย...ไม่ใช่นะคะ....อุ๊บ....” พ่อเลี้ยงอาชาไม่รอให้เมียตัวน้อย นึกหาคำแก้ตัวให้วุ่นวาย เขาอยากจะจูบให้ดูดดื่ม แต่...ยังก่อน...พ่อเลี้ยงหนุ่มทำแค่เพียงแนบริมฝีปากไปบนเรียวปากนุ่ม เคล้าคลึงหยอกล้อเบา ๆ เท่านี้ก็ทำให้ทุกเส้นขนของคนตัวเล็กบนตัก พร้อมใจกันตั้งชูชัน เรือนร่างอวบอิ่มสั่นสะท้าน จนต้องยึดไหล่หนาไว้แน่น

“กลัวเหรอ” พ่อเลี้ยงหนุ่มถามเสียงแหบพร่า เมื่อตัดใจถอนริมฝีปากออกมา

“เปล่าค่ะ หนูไม่ได้กลัวนะคะ” รมิดาหน้าแดงก่ำ ครั้งนี้หล่อนไม่ได้ตกใจกลัวเหมือนตอนที่โดนขยำขยี้หน้าอก จึงรีบปฏิเสธ เกรงว่าเขาจะรำคาญเด็กไม่ประสีประสาอย่างหล่อนมากกว่า

“ไม่กลัวฉัน แล้วทำไมตัวสั่น” เขาแกล้งเธออีกแล้ว

“คือ...หนู...” รมิดา คิดหาคำพูดที่ตรงกับความรู้สึกไม่ออก

“งั้นฉันถามใหม่ ....เธอรู้สึกดีใช่ไหม” ถามพร้อมกับส่งสายตาอบอุ่นไปให้

“ค่ะ” สาวน้อยตอบแบบไม่ลังเล

“แล้วอยากให้ฉันทำแบบนั้นอีกหรือเปล่า” ปลายนิ้วแตะริมฝีปากนุ่ม กดไล้เบา ๆ

“คุณชอบจูบหนูเหรอคะ” รมิดาหน้าตื่น แก้มสาวแดงปลั่ง จนตอบไม่ตรงคำถาม

“แบบที่ทำเมื่อกี้ยังไม่เรียกว่าจูบ แค่เอาปากชนกันเอง” รอยยิ้มขบขันที่ซ่อนไม่มิดปรากฏบนใบหน้าคมดุ ทำให้เด็กสาวใจชื้นขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้โกรธ

“แค่เอาปากชนกัน !...” รมิดาตกใจ ตาโตเท่าไข่ห่าน แค่เอาปากชนกันก็จะขาดใจตายอยู่แล้ว นี่ถ้าโดนจูบ......โอย....ใครก็ได้ช่วยหนูที.......

“อืม....วันหลังค่อยสอนให้ วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน ไปกินข้าวกันเถอะ” ถือว่าชายหนุ่มใจเย็นที่สุดในชีวิตแล้วก็ว่าได้ เขาไม่เคยต้องอดทนกับเหยื่อ หรืออาจจะเป็นเพราะเด็กสาวคนนี้ไม่ใช่เหยื่อ หล่อนใสซื่อเกินไป บริสุทธิ์สะอาดเกินไป จนเขาลังเลที่จะเป็นผู้ทำลาย...บางทีเขาอาจจะทบทวนบางอย่างใหม่....

รมิดายังนั่งอึ้งอยู่บนตักกว้างอย่างนั้น จนกระทั่งพ่อเลี้ยงต้องส่งเสียงเตือน

“จะให้ฉันลงไปกินข้าวแบบนี้จริง ๆ เหรอ” พ่อเลี้ยงหนุ่มถามยิ้ม ๆ ก็เขานุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว แถมยัยเด็กเซ่อนี่ก็ยังไม่ยอมลงจากตักเขาเสียที

“อ้อ....ค่ะ” เด็กสาวก้มหน้าหลบสายตาวิบวับ หน้าตาเห่อร้อนไปหมด ปล่อยแขนที่โอบรอบลำคอของเขา และเลื่อนตัวออกจากตักกว้าง ก่อนจะตรงไปที่ตู้ใบใหญ่ เปิดออกและเลือกเสื้อผ้ามาส่งให้ โดยคนตัวโตยืนมองอย่างพิจารณาก่อนจะทอดถอนใจ ออกมาเบา ๆ อย่างคนที่ตัดสินใจบางอย่างไม่ได้เสียที…..ไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมต้องคิดเยอะด้วยวะ ในเมื่อหล่อนเป็นของเขาอย่างชอบธรรม....อืม....ชอบธรรมอย่างนั้นเหรอ........

รมิดาแปลกใจ ที่วันนี้พ่อเลี้ยงกลับมากินข้าวกลางวันที่บ้าน เพราะป้าพิณบอกว่าปกติจะไม่ค่อยกลับ มักจะกินกับคนงานที่โรงครัวนั่นแหละ แต่หล่อนก็ดีใจที่เห็นเขามา เพราะเขาไม่ดุเหมือนเมื่อวันแรก ๆ อีกแล้ว กลับดูอ่อนโยนมากขึ้นด้วยซ้ำ ซึ่งป้าพิณบอกว่า น่าจะเป็นเพราะพ่อเลี้ยงรักและเอ็นดูหล่อนไม่น้อย แต่ก็ไม่กล้าถามเขาหรอก ได้แต่แอบดีใจเงียบ ๆ คนเดียว

“รมิดา เป็นอะไร” พ่อเลี้ยงถามขณะนั่งจิบกาแฟ หลังกินอาหารกลางวันเสร็จ

“เปล่านี่คะ”

“ก็เห็นนั่งยิ้ม ดีใจอะไร”

“อ๋อ.....ดีใจที่คุณไม่ดุหนูแล้ว” เด็กสาวตอบประสาซื่อ

“แค่นี้ถึงกับนั่งยิ้มเลยหรือ” ชายหนุ่มแปลกใจว่าจะมีใครหาความสุขให้ตัวเองได้ง่ายแบบนี้ไหม บางคนต้องรอให้ได้ของถูกใจอย่างพวกกระเป๋า รองเท้าของแบรนด์เนม กัดฟันเก็บเงินแทบตายกว่าจะซื้อได้ ถึงจะยิ้มออก แต่ยัยเด็กนี่แค่ไม่โดนดุก็ยิ้มได้แล้ว...เลี้ยงง่ายจริง ๆ แม่คุณเอ้ย......

“บ่ายนี้ฉันจะเข้าไปธุระ ในตัวจังหวัด อยากไปด้วยกันไหม” เอ่ยปากชวน ทั้งที่รู้คำตอบ

“หนูไปด้วยได้หรือคะ” ถามกลับหน้าบาน ฉีกยิ้มจนตาหยี

“ได้สิ เธอไม่ใช่นักโทษซักหน่อย”

รมิดาก้มมองตัวเอง ในชุดเอี๊ยมขาสั้น แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาคมเข้ม ที่มองอยู่ก่อนแล้ว เป็นเชิงหารือ ว่าจะใส่ชุดนี้ไปได้หรือไม่

“ไปเปลี่ยนชุดเถอะ เดี๋ยวใครต่อใครได้พากันคิดว่าฉันพาลูกสาวไปเที่ยว” พ่อเลี้ยงพูดยิ้ม ๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel