4
“หนูไม่ได้.... ไม่ได้อ่อยนะคะ....” รมิดาช้อนตามองคนกล่าวหาด้วยแววตาใสซื่อ หล่อนโตพอที่จะเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร แต่ก็นึกไม่ออกว่าตัวเอง ไปทำอย่างนั้นกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“แล้วทำไมถึงไม่นอนห้องโน้น ตามฉันมาทำไม ถ้าไม่ต้องการให้เกิดเรื่องแบบนี้ ไม่เห็นหรือไงว่าฉันน่ะผู้ชายทั้งแท่ง” พ่อเลี้ยงถามเสียงหนัก พยายามควบคุมอารมณ์โกรธ ไม่ให้จับยัยเด็กบื้อนี่หักคอ โทษฐานที่บังอาจทำให้เจ้าอาชาน้อยค้างคา
“หนู....หนูกลัว ไม่กล้านอนคนเดียวค่ะ” รมิดาสารภาพตามตรง ดวงตากลมโตที่มองมานั้นช่างใสซื่อบริสุทธิ์ ให้ตายสิ...เขามองไม่เห็นได้ยังไงกัน
“กลัวอะไร”
“เอ่อ.....” สายตาล่อกแล่ก มองไปรอบห้อง เครื่องเรือนห้องนี้ไม่ได้แตกต่างจากห้องแรก เพียงแต่มีเขาอยู่ด้วยเท่านั้น จึงทำให้ลดทอนความกลัวต่อสิ่งที่มองไม่เห็นลงมาก แต่ตอนนี้คนก็น่ากลัวไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน
“ตอบ !”
“หนูกลัว........” เด็กสาวพูดไม่ออก เนื้อตัวสั่นขึ้นมาอีกครั้ง
พ่อเลี้ยงอาชาถึงกับตบหน้าผากตัวเองแรง ๆ ถ้าเป็นไปได้อยากจะเอาหัวพุ่งชนกำแพงให้มันรู้แล้วรู้รอดไป เมื่อพอจะนึกออกว่าแม่สาวน้อยนี่กลัวอะไร....กูอยากจะบ้า
“เอาล่ะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว” อาชาสั่งเด็กสาวเสียงเข้มด้วยความหงุดหงิด
“หนูขอโทษค่ะ...คุณจะไม่ขายหนูให้คนอื่น ใช่ไหมคะ” ดวงตากลมโตมีน้ำใส ๆ เอ่อคลอตลอดเวลาแลดูเศร้าสร้อย เมื่อสำนึกได้ว่าทำให้เขาโกรธแล้วข้อความในจดหมายก็เข้ามารบกวนจิตใจอีกครั้ง
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ใครจะขายเธอ ไปเอาความคิดบ้า ๆ นี้มาจากไหน” พ่อลี้ยงอาชา จ้องหน้าเด็กสาวเขม็ง
“คุณป้าเขียนจดหมายสั่งไว้ว่า ให้หนูทำตัวดี ๆ ให้ตามใจคุณ เพราะถ้าคุณโกรธ คุณจะขายหนูให้กับคนอื่นค่ะ” น้ำตารื้นขึ้นมาอีกแล้ว มันไม่ยอมแห้งเหือดง่าย ๆ ถึงแม้เสียงสะอื้นจะหยุดไปแล้วก็ตาม
“เอาเถอะ... สาวน้อย ฉันจะไม่ทำอย่างนั้น ถ้าเธอทำตัวดี ๆ โอเคไหม” บอกเสียงอ่อนลงมากความหงุดหงิดหายไปหมดแล้ว เขารั้งร่างรมิดาขึ้นมานั่งบนตักลูบผมให้อย่างอ่อนโยน วงแขนแกร่งโอบกอดปลอบประโลมพร้อมกับโยกตัวเบา ๆ อยากจะ เขกกบาลตัวเองนัก คิดไปได้ยังไง ว่ายัยเด็กเซ่อนี่ช่ำชองโลกีย์ เสียเหลือเกิน...ไม่เคยตาถั่วขนาดนี้นี่หว่า….สงสัยจะหน้ามืด
“หมายความว่าคุณจะรับหนูเป็นเมียตลอดไป ไม่ขายให้ใครแล้วใช่ไหมคะ” สาวน้อยหัวอ่อน หล่อนถูกสั่งมาอย่างไร ก็ทำอย่างนั้น ไม่เคยคิดออกนอกกรอบ
“แล้วเธออยากให้เป็นแบบไหนล่ะ” ถามกลับเสียงนุ่มนวล เด็กคนนี้เหมือนถูกโปรแกรมมาแล้วว่าต้องมาเป็นเมียเขา
“ถ้าคุณจะเมตตา....ขอร้องอย่าขายหนูให้ใครเลยนะคะ หนูยินดีเป็นเมียของคุณค่ะ” ดวงตากลมโตแฝงความเศร้าสร้อย มองมาที่เขาอย่างวิงวอน รอคอย ขอความมั่นใจ พอเขาทำดีด้วยหล่อนก็เริ่มใจชื้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้กลัวเขาแทบตาย แต่ก็กลัวการถูกขายไปอยู่กับคนอื่นมากกว่า
“ตกลง ฉันรับเธอเป็นเมียก็ได้...พอใจหรือยัง” อาชาอดไม่ได้ ที่จะยื่นนิ้วไปคีบปลายจมูกโยกเบา ๆ อย่างเอ็นดู ยัยเด็กเซ่อนี่ คิดว่าการเป็นผัวเป็นเมียมันง่าย ๆ แค่นี้หรือวะ ยังไงก็ยอมตามน้ำไปก่อน เดี๋ยวจะยิ่งขวัญเสียไปกันใหญ่ ....กูนะกู หาเรื่องใส่ตัวเองแท้ ๆ…
“ขอบคุณค่ะที่เมตตาหนู” รมิดาหันไปกราบที่อกของคนตัวโตอย่างอ่อนช้อย
“รู้หรือเปล่า ว่าคนเป็นเมียเขาต้องทำอะไรกันบ้าง”
“ก็...พอจะรู้ค่ะ” ตอบเสียงแผ่ว ก้มหน้างุด
“แล้วทำไม เมื่อกี้ถึงต้องร้องไห้ขนาดนั้นด้วย ในเมื่อนั่นก็หน้าที่เมียเหมือนกัน”
“ก็หนูตกใจนี่คะ จู่ ๆ คุณก็...เอ้อ....คุณคงจะยังไม่....เอ่อ......ขอเวลาให้หนูทำใจก่อนได้ไหมคะ...ก่อนที่จะยอม...... ยอมคุณ” รมิดารู้สึกอึดอัดขัดเขิน แทนการหวาดกลัวเขาก่อนหน้านี้
“แล้วตอนนี้หายตกใจหรือยัง” แกล้งถามหน้านิ่ง
“คือ...หนู...” รมิดาทำหน้าเหยเก
“โอเค...ฉันให้เวลาเธอทำใจ ค่อย ๆ สร้างความคุ้นเคยก็แล้วกัน ...นอนได้แล้ว ฉันง่วง” พ่อเลี้ยงอาชาล้มตัวลงนอนยกเลิกความคิดที่จะแกล้งเด็ก แต่ก็กอดเรือนร่างอวบอิ่มของเด็กสาวไว้ไม่ยอมปล่อย เขาชักชอบกลิ่นหอม ๆ เนื้อนุ่ม ๆ จนอยากจะกกกอดเอาไว้ทั้งคืนแล้วสิ
“คุณ.....” รมิดาตัวแข็ง ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อ จะขัดขืนก็ไม่กล้า
“กอดเฉย ๆ น่า... ทำตัวตามสบายไม่ต้องเกร็ง” พ่อเลี้ยงอาชากระซิบเบา ๆ ชิดใบหู ลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดลงมา ทำเอาคนตัวเล็กถึงกับย่นคอหนี ทำให้คนตั้งใจแกล้ง อมยิ้มอารมณ์ดี ถึงแม้ความต้องการทางกายจะยังไม่สงบลงซะทีเดียว แต่เขาก็พยายามกดข่มมันไว้ ไม่อยากบุ่มบ่ามให้เสียของ ในเมื่อแม่สาวน้อยเต็มใจให้เขาขนาดนี้ เขาก็จะอดทนใจเย็น รออีกนิด ก็ไม่เสียหลาย
เปลือกตาบางใสขยับขยุกขยิกก่อนจะลืมตาขึ้นมาพบกับความแปลกตา เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองถูกพามาที่นี่ มากับพ่อเลี้ยงอาชา ผู้ชายหน้าดุ คนที่จะเข้ามาเป็นเจ้าชีวิตต่อจากนี้ไป คิดถึงขึ้นมาก็อดสะท้อนใจไม่ได้ ถึงแม้จะเป็นเด็กกำพร้าแต่คุณลุงกับคุณป้าก็เลี้ยงหล่อนมาอย่างดี ทะนุถนอมราวกับไข่ในหิน จนกลายเป็นความอ่อนแอ เปราะบาง คิดเสมอว่าท่านทั้งสองจะต้องปกป้องคุ้มครองหล่อนตลอดไป ถ้าไม่เพราะความจำเป็นท่านคงไม่ทำแบบนี้ รมิดาเสียใจ แต่ก็ไม่ได้คิดโกรธเคืองท่านทั้งสองแม้แต่น้อย......พ่อเลี้ยงอาชาก็คงไม่โหดร้ายนักหรอก ไม่อย่างนั้นหล่อนคงไม่อยู่รอดปลอดภัยถึงเช้านี้ ......ตายแล้ว...นี่หล่อนตื่นเสียสายโด่ง...เขาจะโกรธไหมนะ...เด็กสาวเพิ่งจะรู้สึกตัว
เด็กสาวพาเรือนร่างอวบอิ่มเต็มสาวเข้ามาในห้องน้ำจัดการกับตัวเองเรียบร้อย จึงรีบ แต่งตัวลงมาชั้นล่าง ไม่เห็นแม้เงาของผู้ชายตัวโต เจอก็แต่หญิงสูงอายุ วัยใกล้เคียงกับคุณป้าของหล่อน กับสาวรุ่น ที่เป็นลูกมืออีกสองคนกำลังทำงานบ้านอย่างขะมักเขม้น
“สวัสดีค่ะ คุณป้า” รมิดาพนมมือไหว้ ผู้สูงวัยอย่างนอบน้อม ก่อนจะส่งยิ้มสดใสไปให้อย่างต้องการฝากเนื้อฝากตัว
“ไม่ต้องสวัสดีป้าหรอกค่ะ ป้าเป็นแม่บ้านของที่นี่ ชื่อป้าพิณนะคะ ว่าแต่คุณเถอะ หิวหรือยังคะ พ่อเลี้ยงสั่งเอาไว้ให้ดูแลคุณให้ดี” นางพิณยิ้มแย้มให้อย่างคนใจดี
