15
“เฮ้ย ! นี่แกคิดเล่น ๆ กับน้องเขาหรือวะ” แทนไท นึกสงสารสาวน้อยหน้าใส ถ้าจะเป็นแค่ของเล่นของไอ้เพื่อนตัวแสบ เพราะแววตาและท่าทางที่หล่อนแสดงออกมานั้น คิดเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากรักและเทิดทูน พ่อเลี้ยงหนุ่มอย่างหมดใจ
“เปล๊า”
“แล้วแกไม่คิดจะจัดงานแต่ง ให้เป็นเรื่องเป็นราวหรือวะ หรือว่าทางผู้ใหญ่เขาไม่ยอม” แทนไท รู้เรื่องเพียงคร่าว ๆ จากนางพิณเมื่อสักครู่นี่เอง บังเอิญเขาผ่านมาแถวนี้จึงได้แวะมาเซอร์ไพรส์เพื่อนรัก แต่กลับเจอเรื่องเซอร์ไพรส์กว่า
“ฉันตั้งใจจะให้เขาเรียนให้จบก่อน ส่งไปให้แม่ดูแลให้สักสี่ปี” บอกเพื่อนตามตรง
“เฮ้ย ! เป็นไปได้หรือวะ” แทนไท แปลกใจที่เพื่อนกลายเป็นคนดีมีคุณธรรมขึ้นมา ปกติจ้องจะ ทำ กับผู้หญิงเสียมากกว่า
“แกก็เห็น ว่าเขาใสซื่อ จนฉันทำลายเขาไม่ลงว่ะ ก็เลยส่งไปให้คุณแม่เจียระไนให้ เพื่อจะได้เป็นแม่ของลูกฉัน ในอนาคตไงวะ”
“แสดงว่าคนนี้จริงจัง”
“เออ....”
“สาธุ...เป็นบุญของน้องเขาจริง ๆ เลยว่ะ รอดปากเหยี่ยวปากกาไปได้อย่างหวุดหวิด” แทนไท ยกมือท่วมหัว
“มากไป ไอ้แทน กูไม่เลวขนาดนั้น เว้ย...มึงก็รู้ ที่ผ่านมา ทุกคนเต็มใจ...”
“โอเค...รู้อย่างนี้กูก็สบายใจ จะได้กลับซักที”
“อ้าว...มึงไม่อยู่ค้างคืน เมากะกูหน่อยหรือวะ”
“ไม่ได้ว่ะ...เมียท้อง เป็นห่วง”
“จริงดิ...ดีใจด้วยนะเพื่อน...คลอดเมื่อไหร่บอกด้วย”
“เออ ๆ ...เอาไว้มึงแวะไปที่ผับสิ จะได้คุยกันให้เต็มที่ เมากลิ้งยังไงก็ได้”
“อืม...กูจะลงไปกรุงเทพฯ เร็ว ๆ นี้แหละ จะไปจัดการเรื่องเรียนให้รมิดา ว่าจะอยู่สักสองสามวัน ถ้าว่างจะแวะไปหา”
“พาน้องเขาไปด้วยนะ เผื่อมีอะไร กูจะด้วยช่วยดูแลให้”
“มึงคิดอะไรกับเมียกูหรือเปล่าวะ” ทั้งที่รู้ แต่ก็อดหงุดหงิดไม่ได้
“น้อง...น้องสาวโว้ย !”
“เออ งั้นกูก็ฝากช่วยดู ๆ ด้วยแล้วกัน” คราวนี้พูดจริงจัง
หลังจากนั้น เพื่อนรักก็ร่ำลากันอีกพักใหญ่ พ่อเลี้ยงอาชาถูกตามตัวเข้าไปในไร่อีกครั้ง เพราะมีเรื่องด่วนเข้ามา เขาจึงเสียเวลาตลอดช่วงบ่าย เพื่อสะสางงานให้เรียบร้อยก่อนจะไม่อยู่อีกหลายวัน กระทั่งล่วงเลยเวลาอาหารเย็นจนถึงค่ำกว่าจะได้กลับเข้าบ้านอีกครั้ง ส่วนรมิดาเปิดไฟสว่างโร่ นอนเล่นสมาร์ทโฟน อยู่บนเตียงเพื่อข่มความกลัวที่ต้องอยู่คนเดียว ถึงแม้จะรู้ว่า คนงานผู้หญิงนอนเป็นเพื่อนอยู่ชั้นล่างก็ตาม
“ยังไม่หลับอีกเหรอ” พ่อเลี้ยงหนุ่มเอ่ยทักเมียตัวน้อยที่กำลังลุกขึ้นนั่ง เมื่อได้ยินเสียงเขาเปิดประตูเข้ามา
“หนูรอคุณอยู่ค่ะ เหนื่อยไหมคะ” ตอบพร้อมกับส่งรอยยิ้มสดใส วางมือจากสิ่งอื่น หันมาให้ความสนใจสามีที่เพิ่งจะกลับเข้ามาอย่างกระตือรือร้น
“รอฉัน ?”
“ค่ะ คุณทานข้าวมาหรือยังคะ จะอาบน้ำก่อนไหม หรือว่าปวดเมื่อยตรงไหน ให้หนูนวดให้ไหมคะ” รมิดาถามในสิ่งที่คิดว่าเป็นหน้าที่ของภรรยาที่พึงปรนนิบัติสามี ตามที่ป้าพิณแนะนำ
“พอ ๆ ไม่ต้องเลย ฉันช่วยตัวเองได้ เธอนอนไปเหอะ” พูดแล้วก็หมุนตัวเข้าห้องน้ำและรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว จะได้นอนกอดเมียให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ ก่อนจะต้องอยู่ไกลกัน
รมิดานอนกระสับกระส่าย ไม่สบายใจว่าตังเองทำอะไรผิดอีกแล้วหนอ ทำไมเขาถึงทำเหมือนโกรธ ไม่อยากให้เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเขา ทั้งที่อีกไม่กี่วันก็จะไปอยู่กรุงเทพฯ แล้ว คิดแล้วก็อดน้อยใจขึ้นมานิด ๆ ไม่ได้
“เป็นอะไป...หืม...งอนหรือเปล่า” เสียงนุ่มเอ่ยถามหลังจากที่นอนยวบลงพร้อมกับกลิ่นหอมสดชื่นหลังอาบน้ำ พ่อเลี้ยงหนุ่มอาบน้ำเสร็จ ก็ขึ้นมานอนซ้อนหลังร่างเล็กที่หันหลังให้ คว้าเอวเข้าไปกอดแนบอกตามความเคยชิน
“หนูเปล่างอนค่ะ”
“โกหก”
“หนูไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ นะคะ...คุณนั่นแหละ เป็นอะไรคะ ไม่ให้หนูทำหน้าที่ที่เคยทำ” ปลายเสียงสั่นเครือ ไม่ยอมหันหน้ากลับมาซุกอกอย่างที่เคยทำประจำ
พ่อเลี้ยงอาชานิ่วหน้า พยายามนึกว่าเขาทำอะไรผิดไปอีกวะ ยัยตัวยุ่ง ถึงได้เสียอกเสียใจ ทำท่าจะร้องไห้แบบนี้…หรือว่า....เขาพยายามเดา
“ถ้าเธอหมายถึงเรื่องอาหารเย็น ฉันกินมาแล้วจากโรงครัวที่ไร่ ส่วนเรื่องอาบน้ำ วันนี้ฉันไม่อยากแช่ตัวนาน เลยรีบอาบน้ำ เพื่อจะมานอนกอดเธอนี่ไง เลยไม่ให้เธอช่วยถูหลังเหมือนเคย เข้าใจหรือยัง ยัยเด็กซื่อบื้อ” ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาแจกแจงกิจกรรมส่วนตัวให้ใครฟังละเอียดยิบแบบนี้
“เหรอคะ หนูก็นึกว่าคุณโกรธหนูซะอีก เสียใจแทบแย่ ” รมิดาหันหน้าเข้าหาเขา ซุกตัวเข้ากับอกกว้างอย่างไร้แง่งอน
“อ้อนแบบนี้ ระวังจะไม่ได้นอนนะ”
“หนูรู้ว่าคุณไม่ใช่คนใจร้าย”
“เดี๋ยวนี้หัดพูดจา มีเหลี่ยมมีคู แพรวพราวขึ้นนะ”
“เปล่าซักหน่อยค่ะ หนูพูดไปตามความจริง” เรียวแขนเล็กโอบไปรอบเอวสอบ ใบหน้าคลอเคลียอยู่แถวอกกว้างจมูกกับปากปัดป่ายสร้างความปั่นป่วนให้เจ้าของอ้อมกอดไม่น้อย เด็กสาวแอบสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด ไม่ยักรู้ว่ากลิ่นกายผู้ชายก็ทำให้เสพติดได้เหมือนกัน
“รมิดา” เรียกเสียงแตกพร่า
“ขา” ขานรับเสียงหวาน
“ทำอะไร..หึ..”
“เปล่าค่ะ...เอ่อ....นอนกอดคุณอยู่ค่ะ” จะตอบตามความเคยชินก็กลัวเขาจะว่าโกหกอีก จึงต้องรีบแก้ให้ตรง แต่ก็ยังพูดไม่หมด รมิดาตอบความจริงครึ่งเดียว ความจริงทั้งกอดทั้งหอมต่างหาก
“ชอบกอดฉันเหรอ”
“ค่ะ กอดคุณแล้วหนูหลับสบายดีค่ะ”
“แล้วถ้าอยู่กรุงเทพฯ จะกอดใคร...หืม ยัยตัวยุ่ง”
“คุณก็ไปหาหนูบ่อย ๆ สิคะ” จะรบกวนเขาเกินไปหรือเปล่านะ... แต่หล่อนก็อยากให้เป็นแบบนั้นจริง ๆ นี่นา....
“พูดแบบนี้เดี๋ยวก็ขายไร่ ไปอยู่เฝ้าเสียหรอก” พ่อเลี้ยงหนุ่มรั้งร่างเล็ก ขึ้นมานอนเกยบนอก เพื่อให้สายตาอยู่ระดับเดียวกัน
“อย่านะคะ เดี๋ยวพี่ ๆ คนงานจะลำบาก เขาจะทำงานที่ไหนกันล่ะคะ” รมิดาตกใจ รีบบอกไปอย่างที่คิด
“น่าชื่นใจแทนคนงานจริง ๆ เลย ที่แม่เลี้ยงรมิดาเป็นห่วงขนาดนี้” ชายหนุ่มอมยิ้ม แววตาวิบวับ
“แม่เลี้ยง หรือคะ” รมิดาถามแล้วก็หน้าแดง ก็หล่อนเพิ่งจะสิบแปด ถ้าจะใช้คำนั้นมันคงขัดเขินชอบกล
“ใช่สิ เป็นเมียพ่อเลี้ยง ก็ต้องเรียกแม่เลี้ยงไงจ๊ะ”
“ไม่เอาอ่ะ หนูยังไม่ชิน”
