10
“คุณน่ะ หนูยังไม่หิวสักหน่อย” รมิดา ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยแย้งเบา ๆ เพราะเขาพูดเหมือนหล่อนเป็นเด็กตะกละ...น่าอายชะมัด
“ได้ค่ะ” รสารับคำ เหลือบมองเด็กสาวที่เขาเรียกว่าเมีย เต็มปากเต็มคำ แล้วอยากจะตบสักฉาด ยัยเด็กนี่คงจะร่านคงจะแรดน่าดู...ถึงได้จับพ่อเลี้ยงเอาไว้อยู่หมัด...หล่อนไม่เคยเห็นเขาพามา มีแต่ข่าวกับคนโน้นคนนี้ไปเรื่อย ไม่เคยมีใครได้ชูคออยู่ข้างๆ เขา ทั้งที่ ที่ตรงนั้นควรจะเป็นของหล่อนมากกว่า
รมิดา เงยหน้าไปเจอกับสายตาท้ารบชัดเจน นึกไม่ออกจริง ๆ ว่าเคยเจอกันที่ไหน หล่อนได้แต่ทำหน้ายุ่ง คิ้วขมวดใช้ความคิดอย่างหนัก...นึกไม่ออกจริง ๆ
“รมิดา มานี่หน่อย”
เด็กสาวสลัดความคิดกวนใจออก เดินเข้าไปหาสามีใกล้ ๆ เขาหมุนเก้าอี้ออกมาแล้วดึงหล่อนลงไปนั่งตัก
“เดี๋ยวฉันจะต้องเข้าประชุม อย่างช้าไม่เกินสองชั่วโมง รอไหวไหม” สั่งความเหมือนเด็กน้อย พลางไล้มือไปตามกรอบหน้า มองมาด้วยสายตาอ่อนโยน
“หนูรอไหวค่ะ สบายมาก คุณไม่ต้องห่วงนะคะ” รับคำเสียงใส แขนเรียวคล้องอยู่ที่ลำคอของเขาโดยอัตโนมัติ ทุกครั้งที่นั่งบนตัก สงสัยจะกลัวตก
“อย่าซน อย่าออกไปข้างนอกรู้ไหม ถ้าง่วงก็นอนในห้องนี้ไปก่อน ฉันประชุมเสร็จแล้ว อยากไปไหน จะพาไปเอง”
“รับทราบค่ะ” เด็กสาวทำท่าตะเบ๊ะรับคำสั่งก่อนจะยิ้มกว้างขวาง
“น่ารักมาก อย่างนี้ต้องให้รางวัล” พ่อเลี้ยงก้มลงหอมแก้มทั้งซ้ายทั้งขวาไถลเลยไปถึงซอกคอ ทำเอาสาวน้อยดิ้นยุกยิก หัวเราะคิก
“อื้อ.....หนูได้รางวัลบ่อยจัง”
“ไม่ชอบเหรอ” ชายหนุ่มถามเก้อ ๆ
“ชอบค่ะ แต่เคราคุณ ทิ่มแก้มหนู”
“อ้าว ! เจ็บก็ไม่บอก”
“เปล่าค่ะ...จั๊กจี้” สาวน้อยทำหน้ายู่ใส่
พ่อเลี้ยงหนุ่ม หัวเราะลั่น สงสัยจะต้องโกนหนวดโกนเคราเสียที ความจริงเขาก็ไม่ได้ตั้งใจเอาไว้หรอก เพียงแต่ขี้เกียจดูแลบ่อย ๆ แถมสาว ๆ บางคนยังบอกว่าชอบ ยิ่งกรี๊ดไปอีก ก็เลยปล่อยเอาไว้......
หลังสั่งความเรียบร้อย ชายหนุ่มก็ออกจากห้อง หลังแน่ใจว่าแม่ตัวยุ่งจะไม่ออกไปสร้างปัญหาหรือซุกซนที่ไหน
เลขาสาวเปิดประตู พร้อมกับประคองถาดน้ำหวาน กับขนมเข้ามาด้วยตัวเอง แต่ครั้งนี้ หน้าตา ท่าทาง ของหล่อนเตรียมพร้อมเปิดเกมรบชัด ๆ
“อยากสบายล่ะสิ ถึงยอมเป็นเมียพ่อเลี้ยง เขาน่ะคนละรุ่นกับเธอเลยนะ” รสาพูดหลังจากวางถาดของว่าง อย่างกระแทกกระทั้น ไม่จำเป็นต้องสงวนท่าทีอะไรอีก
“พูดกับฉัน ใช่ไหมคะ” รมิดา ถามให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้หูฝาด พี่สาวคนสวยทำไมแปลงร่างเป็นแม่มดไปได้หนอ
“ก็เธอนั่นแหละ มีใครอีกไหมล่ะในห้องนี้...ปัญญาอ่อนจริง” ดวงตาแทบลุกเป็นไฟ เมื่อคิดว่าโดนคนอ่อนกว่ากวนประสาท
“ค่ะ....” รมิดารับคำง่าย ๆ ถึงแม้มันจะไม่ถูกทั้งหมด แต่หล่อนก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะอธิบายให้ผู้หญิงคนนี้ฟัง เมื่อเห็น ๆ อยู่ว่าหล่อนไม่ได้มีท่าทางเป็นมิตร ไม่น่าคุยด้วยเลยสักนิด
“แน่ใจแล้วเหรอ ว่ารับมือกับอารมณ์ของเขาได้” รสายังตามจิกไม่ลดละ หล่อนดำเนินตามแผนที่วางขึ้นอย่างเร็วจี๋
“คุณหมายความว่าไงคะ” รมิดาเลิกคิ้วถาม ดวงตาบ้องแบ๊วดูใสซื่อไม่มีพิษภัย หล่อนไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนี้ ต้องการอะไรกันแน่ถึงได้กล้าเปิดศึกซึ่ง ๆ หน้า แถมยังไม่กลัวว่ารมิดาจะฟ้องพ่อเลี้ยงอาชาเลยหรือไง
“ก็พ่อเลี้ยงน่ะสิ บทรักเขาเร่าร้อน รุนแรง เข้าขั้น...ซาดิสม์.....รู้จักไหม....ฉันก็แค่มาเตือนเธอไว้ เห็นหน้าอ่อน ๆ แบบนี้ ไม่น่าจะรับมือไหว” รสายิ้มสะใจ ที่ได้โยนระเบิดลูกเบ้อเร้อใส่ และยิ่งสมใจมากขึ้น เมื่อเห็นแววตาไหววูบของฝ่ายตรงข้าม
“คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไงคะ” รมิดามองหญิงสาวตรงหน้า ยอมรับว่าตกใจมาก
“ฮึ....เอาเป็นว่าฉันเคยนั่งในตำแหน่งที่เธอนั่งมาก่อน รู้แค่นี้ก็พอ” รสากุเรื่องเป็นตุเป็นตะ
“หมายความว่า คุณก็เคยเป็น.....เอ่อ......” สาวน้อยกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ขนาดหญิงสาวตรงหน้าสวยอย่างกับนางแบบ ยังถูกปลด รมิดาคิดว่าตัวเอง ไม่ได้มีอะไรเทียบกับผู้หญิงตรงหน้าได้เลย ก็คงจะถูกเขาผลักไสไล่ส่งเร็ว ๆ นี้แน่ แต่เรื่องนั้น ไม่สำคัญเท่าเรื่องที่เพิ่งรู้มาหมาด ๆ ว่าพ่อเลี้ยงอาชาเป็นพวกมีอารมณ์รุนแรง หรือเขาจะซาดิสม์จริง ๆ รมิดาขนลุกเกรียว วนเวียนอยู่กับความคิดของตัวเอง จนลืมคู่สนทนาเสียสนิท
“เอาล่ะ ฉันก็มาเตือนเธอแค่นี้แหละ แต่อย่าคิดไปถามพ่อเลี้ยงเชียวนะ เพราะเขาจะไม่มีวันบอกความจริงกับเธอ แล้วยังจะจัดการกับเธอเร็วขึ้น นอกเสียจากว่า เธอจะมีรสนิยมเดียวกับเขา ทนไหวไหมล่ะ สาวน้อย” รสา ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย แล้วก็เดินนวยนาดจากไป รู้ว่าเสี่ยงแต่ก็ขอลองสักตั้ง
รมิดาสับสนผู้หญิงคนนี้เชื่อได้หรือเปล่านะ แต่ท่าทางของเธอเหมือนนางร้ายในละครเลยอ่ะ....โอ้ย...กลุ้ม....
เวลาผ่านไปกว่าสองชั่วโมง เด็กสาวนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง โดยลืมของว่างที่ รสายกมาให้เสียสนิท พอรู้ตัวก็เริ่มจะหิวก็พอดีกับที่พ่อเลี้ยงกลับเข้ามาในห้อง
“เป็นอะไร หน้าตาดูไม่สบายเลย เบื่อเหรอ” ถามอย่างเป็นห่วงพร้อมกับเอื้อมมือไปกุมมือบางมาบีบเบา ๆ คนตัวเล็กสะดุ้งน้อย ๆ สายตาที่มองมาดูสับสนไม่มั่นคง มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่เขาเข้าประชุม ทำไมรมิดาถึงได้มีอาการแปลก ๆ นี่ขนาดเขารีบสุด ๆ แล้วนะ ไม่รู้ทำไมเป็นห่วงแต่คนที่นั่งรออยู่ในห้อง
“เปล่าค่ะ หนูไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ นะคะ” รมิดาส่ายหน้า บีบเนื้อบีบตัว กลัวว่าเขาจะไม่พอใจ
ชายหนุ่มเดินเข้าไปหา แล้วก็นั่งลงใกล้ ๆ เอื้อมมือแตะไหล่เบา ๆ แต่สาวน้อยกลับสะดุ้งโหยง คราวนี้ถึงกับผงะถอย ทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ ๆ รมิดาก็มีทีท่าหวาดกลัวเขาแบบนี้
“เธอ ได้ออกไปข้างนอกหรือ ไปเจอใครมาหรือเปล่า” พ่อเลี้ยงหนุ่ม เริ่มหาเบาะแส
“เปล่าค่ะ” อ้อมแอ้มตอบ ก้มหน้าไม่กล้าสบตาคู่คม
“แล้วมีใครเข้ามาหาเธอไหม”
“เอ่อ....คือว่า...มะ...ไม่มีค่ะ”
“รมิดา อย่าโกหก ฉันไม่ชอบ” พ่อเลี้ยงถามเสียงเข้ม
“คุณรสา เอาของว่างมาให้ค่ะ”
