บทที่ 1 อิงกาญจน์ (2)
เห็นพฤติกรรมของลูกสาว คุณนายธารดาวจึงหงุดหงิดมากกว่าเก่า ดูเถอะ ตั้งแต่กลับจากฝรั่งเศสอิงกาญจน์ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทั้งกิริยามารยาท ความเป็นสุภาพสตรีที่นางบ่มเพาะไว้ตั้งแต่เด็ก ๆ เป็นอันตรธานหายเกลี้ยง ซ้ำอิงกาญจน์ยังกลายเป็นสาวสมัยใหม่ที่เปรี้ยวปรู๊ดปร๊าดจนนางปวดหัวความดันแทบขึ้น
“นี่ยัยอิง เป็นสาวเป็นนางหัดนั่งให้มันเรียบร้อยหน่อยสิลูก แม่เห็นเราเมาหัวราน้ำกลับมาก็ว่าแย่แล้วนะ แล้วดูกิริยามารยาทสิ ต้องให้แม่พร่ำสอนอีกกี่หนเราถึงจะจำ แบบนี้ถ้าคู่หมั้นของเรามาเห็นเข้า แม่ว่า...” คุณนายธารดาวหยุดปากเท่านั้นเมื่อหันมาเจอลูกสาวหลับปุ๋ยไปแล้ว
“เฮ้อ... ให้ได้อย่างนี้เถอะ ลูกนะลูก!!” ผู้เป็นแม่ถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ทั้งโกรธทั้งโมโหในเวลาเดียวกัน “เห็นทีพรุ่งนี้เราคงต้องคุยกันยาวแล้วล่ะ” คุณนายธารดาวส่ายหน้าระอาก่อนเรียกเด็กในบ้านให้ช่วยกันพยุงลูกสาวขึ้นห้องนอน
อิงกาญจน์ตื่นขึ้นพร้อมอาการเมาค้างเหมือนอย่างเคย เธอปวดหัวหนึบและคลื่นไส้อยากอาเจียน พอลุกจากเตียงนุ่มได้หญิงสาวจึงรีบวิ่งเข้าห้องน้ำแล้วอาเจียนของตกค้างอีกครั้ง พอรู้สึกดีขึ้นหญิงสาวจึงล้างหน้าล้างตาแล้วกลับมาล้มตัวนอนบนเตียงนุ่ม
“โอ๊ยปวดหัวชะมัด” หญิงสาวบ่นอุบเอามือกุมขมับก่อนคว้านาฬิกาบนหัวเตียงมาดู
พอเห็นเวลาเธอจึงพ่นลมหายใจออกมาทางปาก ตอนนี้เลยเวลาอาหารกลางวันไปแล้ว!! อิงกาญจน์ทำหน้าเซ็ง ๆ หากเธอลุกจากเตียงลงไปข้างล่างตอนนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าเธออาจจะโดนคุณนายธารดาวผู้เป็นแม่เลกเชอร์เพิ่มอีกหนึ่งกระทงด้วยข้อหานอนตื่นสาย!!
“เอาไงดี?” ระหว่างคิดหาวิธีเอาตัวรอดจากการโดนดุเสียงเคาะประตูห้องจึงดังขึ้น อิงกาญจน์แกล้งหลับต่อทันที แต่แม่ของเธอก็เข้ามาในห้องแล้วปลุกเธอด้วยวิธีบีบจมูก
“ไม่ต้องแกล้งหลับเลย แม่รู้นะว่าเราตื่นแล้ว”
“โอ๊ย หนูหายใจไม่ออก” หญิงสาวโวยวาย คุณนายธารดาวจึงยอมปล่อยมือ
“เมื่อไหร่จะลุกจากที่นอน?”
“กำลังจะลุกอยู่พอดี คุณแม่ก็มาเรียกก่อน มีอะไรหรือเปล่าคะ?” อิงกาญจน์แกล้งถาม ซ้ำยังอ้าปากหาวหวอดแล้วบิดขี้เกียจขับไล่ความเมื่อยขบ
“มีแน่ แม่มีเรื่องสำคัญจะคุยกับเรา ไปอาบน้ำให้เรียบร้อยแล้วลงไปคุยกับแม่ข้างล่าง” คุณนายธารดาวสั่งด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ค่า” หญิงสาวรับคำเสียงยานคางลุกขึ้นจากเตียง คว้าผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
อีกครึ่งชั่วโมงถัดมาอิงกาญจน์ที่มีสีหน้าสดชื่นกว่าตอนตื่นนอนจึงลงมาพบผู้เป็นแม่ที่ห้องโถงตามคำสั่ง
“คุณแม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับหนูคะ?” หญิงสาวยิ้มมาแต่ไกล
“นั่งลงสิ”
อิงกาญจน์ทำตามคำสั่งของผู้เป็นแม่อย่างว่าง่าย
“จำได้มั้ยว่าเมื่อคืนหนูเมามากแล้วก็หลับคาโซฟา”
อิงกาญจน์เม้มปากเป็นเส้นตรง หลบสายตาของผู้เป็นแม่พยักหน้าน้อย ๆ แต่ก็ไม่วายอ้อมแอ้มถาม “คุณแม่พาหนูขึ้นห้องเหรอคะ?”
“แม่กับชมพู่ช่วยกันน่ะ แม่พูดตรง ๆ นะยัยอิง แม่ไม่ชอบให้เราทำตัวเหลวไหลแบบนี้เลย เป็นสาวเป็นนางแต่เมาหัวราน้ำกลับมาบ้านแทบจะทุกวัน แล้วก็มีข่าวซุบซิบตามหน้าหนังสือพิมพ์บ่อย ๆ แม่ไม่ชอบพฤติกรรมของเราเลย ถ้าคุณหญิงป้ามาเห็นเข้าจะพลอยเสียมาถึงแม่ด้วยรู้มั้ยที่แม่อบรมสั่งสอนเราไม่ดี”
“คุณแม่คิดมากไปแล้ว หนูก็กินเที่ยวอยู่กับยัยปัด ไม่เห็นมีอะไรเสียหายเลย โอ๊ย!” อิงกาญจน์ร้องเสียงหลงออกมาทันทีเมื่อถูกผู้เป็นแม่หยิกเนื้อ
“หนูเจ็บนะ” หญิงสาวเอามือถูบริเวณที่ถูกหยิกแล้วทำหน้ายุ่ง
“เป็นสาวเป็นนางเที่ยวกลางค่ำกลางคืนมันอันตราย เมื่อไหร่เราจะเลิกพฤติกรรมแบบนี้ซะที แม่ล่ะเหนื่อยใจจริง ๆ” ดุลูกสาวแล้วคุณนายธารดาวจึงหยิบยาดมมาดม
อิงกาญจน์ทำหน้าบูด “ก็หนูไม่มีอะไรทำนี่คะ เที่ยวกลางคืนสนุกจะตาย”
“เฮ้อลูกนะลูก” คุณนายธารดาวถอนหายใจพลางเอามือกุมขมับ เห็นทีงานนี้นางได้เครียดจนความดันขึ้นแน่ “ถ้าว่างจนไม่มีอะไรทำก็ไปช่วยงานที่ร้านซะ”
“ไม่เอา หนูไม่ชอบ” อิงกาญจน์ปฏิเสธโดยไม่เสียเวลาคิด เธอไม่อยากนั่งหาว เฝ้าหน้าตู้กระจกในร้านขายเครื่องเพชรเป็นวัน ๆ อีกอย่างถ้าเธอไปนั่งอยู่ในร้านขายเพชร พนักงานก็พลอยเกร็งไปด้วย สู้อยู่สบาย ๆ แบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอ นึกอยากจะเที่ยวก็เที่ยว นึกอยากจะกินก็กิน อิสระจะตาย
“นั่นก็ไม่เอานี่ก็ไม่เอา แล้วจะเอาอะไรล่ะลูก?” คุณนายธารดาวถามด้วยน้ำเสียงระอา
“ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ หนูยังค้นหาตัวเองไม่พบ” หญิงสาวตอบหน้าตาเฉย แต่คนฟังอย่างคุณนายธารดาวก็อดค้อนคมใส่ลูกสาวอีกไม่ได้
“แล้วเมื่อไหร่หนูจะค้นพบตัวเองล่ะ อิง หนูไม่ใช่เด็กแล้วนะลูก หนูโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว หนูควรมีการมีงานทำไม่ใช่เที่ยวเตร่ขอเงินแม่ใช้ไปวัน ๆ”
“หนูไม่รู้จะทำอะไรนี่คะ งานก็มีแต่น่าเบื่อ ขอเวลาให้หนูสักพักเถอะนะคะ”
คุณนายธารดาวส่ายหน้า “สักพักน่ะ เมื่อไหร่?”
อิงกาญจน์เงียบไปเพราะไม่มีคำตอบ
“ว่าไงยัยอิง”
