ณ ใต้เงารักซาตาน

80.0K · จบแล้ว
อาคาเซีย/แวววิวาห์/สลิลโรส/ผิงอัง
74
บท
6.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เพียงแรกเห็น หัวใจที่ตายด้านเพราะความรักก็มีปฏิกิริยาขึ้นมา เทวินทร์ รู้แค่ว่า เขาไม่มีวันปล่อย อิงกาญจน์ ให้หลุดเงื้อมมือไปได้ เธอถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นของเขาเท่านั้น ในเมื่ออิงกาญจน์สนุกที่จะเล่นการพนันเพื่อหลุดพ้นจากการหมั้นหมาย เขาก็ยินดีจะเล่นกับเธออย่างแฟร์ ๆแต่อิงกาญจน์คงไม่รู้ ไม่ว่าเธอจะชนะ หรือแพ้พนัน ยังไงเธอก็ต้องเป็นเจ้าสาวของเขา!!!“แล้วคิดจะกลับกรุงเทพฯ บ้างมั้ย?”เทวินทร์ส่ายหน้า “ไม่เลย แต่ถ้าจำเป็นก็ต้องกลับ”อิงกาญจน์รับฟังและเก็บข้อมูลไปพร้อมกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพูดคุยกับเขาได้อย่างสนิทใจ อาจเพราะเธอรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร ความไว้เนื้อเชื่อใจจึงมีมากขึ้นตามลำดับ“ยัยปัดบ่นถึงคุณบ่อยนะ อ้อ ฉันโทรไป ยัยปัดฝากความคิดถึงให้คุณด้วย”“ยังคบกันอยู่อีกเหรอ?” ชายหนุ่มยกคิ้วขึ้นน้อย ๆ“อืม ก็ยังกินเที่ยวอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม” หญิงสาวตอบไปตามตรง“ใช้ชีวิตแบบนั้นไม่เบื่อบ้างเหรอ?”คราวนี้อิงกาญจน์เป็นฝ่ายแปลกใจ ดูว่าเทวินทร์จะสนใจเรื่องของเธอไม่น้อย แต่นั่นแหละ ในเมื่อเขาอยากรู้เธอก็ยินดีที่จะแชร์เรื่องของเธอให้ฟัง “ก็มีบ้าง แต่อยู่เงียบ ๆ ไม่มีอะไรทำน่าเบื่อมากกว่า”“แบบนี้จะอยู่แพได้เหรอ ที่นั่นไม่มีอะไรทำเลยนะ” เทวินทร์มองหญิงสาวอย่างจริงจัง“ทีคุณยังอยู่ได้เลย”“มันเหมือนกันซะที่ไหนเล่า ผมอยู่เพราะอยากอยู่ แต่เธอไม่ใช่”อิงกาญจน์ไหวไหล่ “คุณไม่ต้องพูดให้ฉันเปลี่ยนใจหรอก ฉันบอกว่าอยู่ได้ ยังไงก็ต้องอยู่ให้ได้ งานนี้ฉันไม่เปลี่ยนใจง่าย ๆ แน่”เทวินทร์ยิ้มมุมปาก เขาชอบความมุ่งมั่นตั้งใจของเธอชะมัด“บอกไว้ก่อนถ้าคิดจะอยู่เพื่อจะจะเอาชนะผมล่ะก็ เธอเหนื่อยฟรีแน่”พอถูกท้าทาย อิงกาญจน์จึงละสายตาจากจอโทรทัศน์มามองหน้าชายหนุ่มตาเขม็ง “หมายความว่าคุณจะไม่ถอนหมั้นกับฉันใช่มั้ย?”เทวินทร์ไม่ตอบ แต่การนิ่งเงียบของเขากลับทำให้อิงกาญจน์ตีความว่า เขายอมรับ!“เฮ้อ ให้ได้อย่างนี้สิ!” หญิงสาวสบถ หากเทวินทร์ไม่ยอมถอนหมั้น นั่นก็หมายความว่างานนี้เธอเหนื่อยฟรี!!

นิยายรักนิยายปัจจุบันรักหวานๆหนีแต่งงานโรแมนติกพระเอกเก่ง

บทที่ 1 อิงกาญจน์ (1)

เมื่อรถยนต์คันหรูจอดสนิท ร่างบางสวมเสื้อสายเดี่ยวสีเงินและกางเกงขาสั้นความยาวเพียงคืบนิด ๆ จึงรีบเปิดประตูลงจากรถแทบไม่ทัน เดินโซเซเท้าเปล่าได้แค่สองก้าวเท่านั้นอิงกาญจน์จึงโก่งตัวอาเจียนใส่ต้นไม้หน้ารั้วบ้านทันที

“เฮ้ย ยัยอิง!!” ทอปัดซึ่งรับหน้าที่ขับรถและคอยหิ้วเพื่อนสาวกลับมาส่งบ้านรีบลงจากรถตามมาลูบหลังให้เพื่อนรักที่ควบตำแหน่ง ‘ว่าที่พี่สะใภ้’

“ไหวมั้ยเนี่ย?”

“ไหว” อิงกาญจน์ตอบเสียงอู้อี้ก่อนอาเจียนออกมาอีกครั้ง

ทอปัดลูบหลังให้เพื่อนสาวไปพลาง ๆ แล้วไม่วายบ่นกระปอดกระแปด “ฉันบอกแล้วว่าอย่ากินเยอะ แกก็ไม่เชื่อ แล้วไงล่ะ”

คนถูกตำหนิที่โก่งตัวอาเจียนเงยหน้าขึ้น “กินเยอะที่ไหนล่ะ กินไปนิดเดียวเอง แต่เหล้ามันแรง”

“ไม่ต้องมาเถียง เนี่ยเรียกว่าเมาหัวราน้ำ เจ้ามือที่เลี้ยงแกหมดค่าเหล้าไปเป็นพันเลย นี่ยังเรียกว่านิดเดียวอีกเหรอยะ?” ทอปัดยกมือขึ้นเท้าสะเอว พลางทำหน้าระอา

“แหม กลุ่มเราไปตั้งกี่คน มาโทษฉันคนเดียว เหล้าสองกลมเรียกว่าเยอะเหรอ?” อิงกาญจน์ยังเถียง

“ยังมีหน้ามาพูดดีอีก ตอนแรกฉันก็สนับสนุนแกหรอก เหล้าฟรีในผับใครก็อยากได้ แต่ตอนนี้ฉันชักสมน้ำหน้าแกแล้วว่ะ อยากงกของฟรีดีนัก แล้วไงล่ะ เมาถึงใจเลยมั้ย”

อิงกาญจน์หันมาทำหน้ายุ่งใส่เพื่อนสาวที่เลกเชอร์ไม่ยอมหยุด “เลิกบ่นเป็นยายแก่ได้แล้ว เจ้ามือเขาอยากเลี้ยงจะไปขัดศรัทธาทำไม”

ทอปัดถอนหายใจเบา ๆ เพราะชวนเพื่อนในกลุ่มเที่ยวผับทีไร อิงกาญจน์จะมีเจ้ามือคอยเลี้ยงเครื่องดื่มตลอด ซึ่งแม่เพื่อนตัวดีของเธอก็ไม่เคยขัดศรัทธาใครเลย ใครชงเหล้าส่งให้ อิงกาญจน์รับมาแบบไม่มีการปฏิเสธ

ถ้าอิงกาญจน์เป็นพวกคอแข็งก็ว่าไปอย่าง แต่แม่เพื่อนตัวดีดันเป็นพวกคออ่อนนี่สิ ไม่เกินสามแก้วก็ไปไม่เป็นแล้ว สุดท้ายเธอก็ต้องหิวปีกกลับมาส่งบ้านซะทุกครั้งไป

“เออทำเป็นพูดดีไปเถอะ นู่น คุณนายแม่ของแกมานั่นแล้ว หาข้อแก้ตัวดี ๆ ไปแก้ตัวกับคุณนายแม่เอาเองก็แล้วกัน” ทอปัดพยักหน้าไปยังบ้านตึกสีขาวหลังใหญ่ซึ่งมีเงาของเจ้าของบ้านเดินไปเดินมา แล้วทำท่าว่าจะกลับขึ้นรถดื้อ ๆ แต่อิงกาญจน์ก็คว้าชายเสื้อของทอปัดเอาไว้ได้ก่อน

“ปล่อย ฉันจะเอาของ”

“อย่าเพิ่งกลับสิ ไปสวัสดีคุณแม่กับฉันก่อน นะปัดนะ” คนเมาอ้อนตาเยิ้ม แต่คนถูกขอร้องที่เปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับรีบส่ายหน้าชนิดไม่ต้องเสียเวลาคิด

“ขี้เกียจถูกดุว่ะ เอ้า รองเท้าของแก” ทอปัดส่งรองเท้าส้นสูงให้เพื่อนสาว จากนั้นก็ตามมาด้วยกระเป๋าสะพาย “นี่สมบัติทั้งหมดของแก”

อิงกาญจน์รับมาถือไว้แต่ทำหน้าง้ำ “ไปรับหน้าคุณแม่เป็นเพื่อนฉันก่อนสิ แกอยู่ด้วยคุณแม่จะเกรงใจไม่กล้าดุฉัน”

“ไม่เอาด้วยหรอก เดี๋ยวคุณนายแม่ของแกไปฟ้องคุณหญิงแม่ของฉัน ฉันขี้เกียจถูกเลกเชอร์ไปอีกคน”

“ปัดอะ” พอถูกขัดใจอิงกาญจน์จึงกระทืบเท้าเหมือนเด็กที่เอาแต่ใจ

“เลิกงอแงแล้วรีบเข้าบ้านซะ ไปล่ะ ราตรีสวัสดิ์” ทอปัดส่งจูบให้เพื่อสาวแล้วกลับขึ้นรถก่อนขับออกไป ส่วนอิงกาญจน์ได้แต่ย่นจมูกใส่เพื่อรักที่ขัดใจ ก่อนเดินโซเซกลับเข้าบ้าน

พ้นกรอบประตูเข้ามาอิงกาญจน์แทบสร่างเมา ทั้งนี้เป็นเพราะคุณนายแม่ที่รักได้รอเธออยู่นั่นเอง

“คุณแม่ ยังไม่นอนอีกเหรอคะ?”

“ทำไมกลับเอาป่านนี้ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วยัยอิง” คุณนายธารดาวกอดอกทำหน้าดุมองลูกสาวที่ออกเที่ยวกลางคืนด้วยสายตาไม่พอใจ

“หนูไม่มีนาฬิกาด้วยสิคะ”

คำตอบของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนทำเอาคุณนายธารดาวถอนหายใจด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ “เฮ้อ ให้ได้อย่างนี้เถอะ เมื่อไหร่เราถึงจะเลิกทำตัวเหลวไหลซะที”

“เมื่อไหนก็เมื่อนั้น” หญิงสาวตอบด้วยความคึกคะนอง

“ยัยอิง!” คุณนายธารดาวทำหน้ายุ่ง

“คุณแม่ก็ แค่เที่ยวไม่เห็นมีอะไรเสียหายเลย มีแต่เพื่อนในกลุ่มทั้งนั้น” อิงกาญจน์ไหวไหล่เดินเซน้อย ๆ มาทิ้งตัวนั่งบนโซฟาหรูที่สั่งนำเข้าจากประเทศฝรั่งเศสแล้ววางรองเท้าส้นสูงพร้อมกับกระเป๋าแบรนด์เนมราคาเหยียบแสนไว้บนโต๊ะรับแขก โดยพาดขาไว้บนโต๊ะตัวนั้นด้วย