บทที่ 6
“ค่ะ”
“พาเธอไปรอฉันที่ห้องทำงาน ถ้าฉันให้คนมาตาม ก็บอกว่าเธอไม่สะดวกออกมาพบ” คิริลล์หันไปเอ่ยสั่งกับแม่บ้านเป็นภาษาท้องถิ่นที่เวียงพิงค์งงอีกตามเคย
“ค่ะ” แม่บ้านสองคนเอ่ยรับ จากนั้นก็เดินตรงเข้ามาหาเวียงพิงค์แล้วพาเธอไปยังห้องทำงานตามที่ผู้เป็นนายสั่งทันที แม้จะสงสัยว่าตัวเองต้องไปที่ไหน แต่ก็ไม่มีจังหวะได้ถามกับคิริลล์ เวียงพิงค์จึงจำต้องเดินไปพร้อมแม่บ้านอย่างขัดไม่ได้
จากนั้นคิริลล์ก็ทำธุระส่วนตัวแล้วออกไปพบแขกที่มารอในห้องรับแขก
“สวัสดีครับคุณคิริลล์” ซิโมนเอ่ยทักทายอดีตเจ้านายขึ้นทันทีที่เห็นหน้าของคิริลล์
“สวัสดีซิโมน ไม่ได้เจอกันเสียนาน สบายดีใช่ไหม” เสียงทุ้มของคิริลล์เอ่ยทักกลับเช่นเดียวกัน ซิโมนเคยเป็นลูกน้องที่เขาไว้ใจมากที่สุด แต่กลับทำเรื่องที่เขาไม่น่าให้อภัยได้มากที่สุดเช่นกัน ถึงขนาดถูกเขาไล่ออกพร้อมคาดโทษไว้ว่าหากทำอีกเขาจะไม่เอาไว้ แรกๆ ซิโมนก็ตามตามที่สั่งกระทั่งสองสามปีมานี้ที่เริ่มออกนอกลู่นอกทาง
“สบายดีครับ ขอบคุณที่เป็นห่วง”
“แล้วนั่นซาช่า แต่งงานกับภรรยาคนไทยแล้วใช่ไหม ขอโทษนะวันแต่งงานของนาย ฉันติดธุระพอดี เลยไม่ได้ไปร่วม” คิริลล์เอ่ยทักทายอดีตลูกน้องอีกคนหนึ่ง ที่วันนี้มาพร้อมผู้หญิงซึ่งก็อาจเป็นภรรยาเพราะมีเค้าความเป็นคนไทยอย่างเห็นได้ชัด แม้จะแต่งหน้ามาอย่างดีแต่เขาก็มองเห็นรอยฟกช้ำนั่นได้
และถึงแม้เขาจะไม่ได้เดินทางไปร่วมงานแต่งงาน ก็ส่งของขวัญชิ้นใหญ่ไปให้
“ครับ” ซาช่าเอ่ยรับ ในขณะที่แก้วกานต์เอาแต่หลบหน้าหลบตา นั่นเพราะกลัวบารมีของคิริลล์ตั้งแต่ยังไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ
แต่อีกใจก็รู้สึกดีที่คิริลล์เป็นคนช่วยเวียงพิงค์ไว้ เพราะหากเป็นคนอื่นป่านนี้คงถูกซิโมนและซาช่าบุกเข้าไปชิงตัวเวียงพิงค์มาเป็นแน่ คิริลล์คือคนเดียวที่จะช่วยเวียงพิงค์ได้ แต่อีกใจแก้วกานต์ก็นึกกลัวสามีของเธอเอง
“แล้วนี่มาหาฉัน มีธุระอะไรกันหรือเปล่า” แม้พอจะรู้แต่คิริลล์ก็ถามออกไป
“คือผมมาหาผู้หญิงไทยที่ชื่อเวียงพิงค์ครับ” ซิโมนเอ่ยตอบ พยายามคุมน้ำเสียงและสีหน้าให้เป็นปกติ นั่นเพราะรู้ดีว่าคิริลล์เป็นนักจับผิดที่เก่งกาจคนหนึ่ง ไม่มีอะไรรอดพ้นจากสายตาของเขาได้ ก่อนมาที่นี่ถึงได้กำชับซาช่าและแก้วกานต์ ว่าให้ทำตัวเป็นปกติที่สุด
“เวียงพิงค์...ใครกัน”
“ผู้หญิงที่คุณคิริลล์ช่วยชีวิตเธอไว้เมื่อวันก่อน เธอเป็นเพื่อนกับนีน่าภรรยาของซาช่า ตอนนี้นีน่าเป็นห่วงเพื่อนมากครับ” ซิโมนก็ยังคงเป็นคนตอบคำถามของคิริลล์เช่นเคย
“อ้อ...ผู้หญิงคนนั้นนั่นเอง งั้นรอเดี๋ยวฉันจะให้คนไปตามตัวเธอมาให้” คิริลล์หันไปสั่งลูกน้องคนสนิท จากนั้นชายร่างสูงก็เดินหายไป
แก้วกานต์ที่ถูกบังคับให้มาที่นี่ด้วยเริ่มนั่งไม่ติดที่ นั่นเพราะเธอเป็นห่วงเวียงพิงค์มากแต่อีกใจก็ไม่อยากให้เพื่อนออกมาเช่นกัน กระทั่งครู่ใหญ่ก็มองเห็นชายที่เดินไปตามเวียงพิงค์กลับออกมา
สายตาของเธอ ซาช่าและซิโมนต่างมองตรงไปยังชายคนนั้น ที่เวลานี้เดินเข้าไปคุยอะไรบางอย่างกับคิริลล์ โดยไม่เห็นว่าเวียงพิงค์เดินออกมาด้วยแต่อย่างใด
“เธอบอกว่าไม่สะดวกจะออกมาพบ” คิริลล์เป็นคนที่เอ่ยขึ้น ทำลายทุกความสงสัยทันที
“ไม่สะดวกได้ยังไงครับ” ซิโมนเอ่ยเสียงดังอย่างลืมตัว นั่นเพราะคิดว่าเรื่องนี้จะจบแบบง่ายๆ เสียอีก
แต่พอหันไปสบตากับอดีตเจ้านาย ก็ต้องรีบสงบปากสงบคำทันที
“เธอเจ็บหนักพอตัวนะซิโมน ยังลุกไปไหนมาไหนไม่ค่อยสะดวก”
“งั้นผมจะพาเธอไปหาหมอเอง” คิริลล์ยิ้มให้กับข้อเสนอของซิโมน ยิ่งเห็นอดีตลูกน้องร้อนรนแบบนี้ก็ยิ่งนึกสนุกที่จะไล่ต้อน
“คงไม่ได้ เพราะยังไงตอนนี้เธอก็อยู่ภายใต้การดูแลของฉันแล้ว”
“แต่ผมก็เกรงใจที่จะให้เธออยู่ที่นี่ เพราะเธอเป็นเพื่อนสนิทของนีน่า เราควรดูแลเธอเอง” ซิโมนเน้นเสียงประโยคหลังให้ห้วนขึ้นอีกนิด นั่นเพราะติดเกรงคิริลล์อยู่มาก
“ฉันเข้าใจดี”
“ถ้ายังไงขอให้นีน่าได้พบเพื่อนเธอสักหน่อย ได้ไหมครับ” มาถึงขนาดนี้แล้วซิโมนเองก็ยังไม่ยอมถอยง่ายๆ เช่นกัน โดยวางหมากให้แก้วกานต์เดินต่อ
“อืม...ได้สิ” คิริลล์ไม่อยากแสดงพิรุธออกไปเช่นกัน จึงยอมให้ภรรยาของซาช่าเข้าไปพบเวียงพิงค์ได้ แม้จะแอบหวั่นใจว่าแก้วกานต์จะไปพูดอะไรกับเวียงพิงค์บ้างก็ตาม
และคนที่กังวลกับเรื่องนี้ด้วยคงหนีไม่พ้นซิโมนกับซาช่า นั่นเพราะก่อนมาก็กำชับแก้วกานต์ว่าหากเธอได้พบกับเวียงพิงค์ต้องพูดให้เธอยอมกลับไปด้วยให้ได้ ก่อนจะกำชับอีกว่าเธอต้องทำให้ได้เท่านั้น ห้ามบอกว่าไม่ได้เด็ดขาด
แต่ถึงจะร้อนใจซิโมนก็ยังคงเก็บอาการได้ดี ผิดกับซาช่าที่แทบไม่กล้าสบตาคิริลล์ เพราะรู้ว่าตัวเขากำลังทำในสิ่งที่อดีตเจ้านายไม่ชอบและเคยสั่งห้ามอย่างเด็ดขาด
