บทที่ 7
ประตูห้องทำงานของคิริลล์ถูกเปิดออกอีกครั้ง แต่คราวนี้คนที่เดินเข้ามาหาเวียงพิงค์กลับไม่ใช่ใครอื่น นั่นก็คือแก้วกานต์
“แก้ว” เวียงพิงค์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เห็นว่าใครก็ถึงกับลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินตรงมาหา
“เวียงพิงค์เป็นยังไงบ้าง”
“เจ็บนิดหน่อย แก้วล่ะเป็นไงบ้าง”
“เราก็เจ็บนิดหน่อยเหมือนกัน” แก้วกานต์โกหกได้ไม่เนียนนัก นั่นเพราะหลักฐานมันมัดตัวเธอจนแน่น
“เจ็บนิดหน่อยเหรอ ทั้งๆ ที่เราเห็นซาช่าทั้งตีทั้งทุบทั้งเตะแก้วเนี่ยนะ” เวียงพิงค์เอ่ยด้วยความไม่พอใจ ส่วนคนฟังได้แต่ยอมรับเงียบๆ
“อืม...เราไม่เป็นไร ว่าแต่เวียงพิงค์ไม่ได้เจ็บหนักจนลุกไม่ไหวใช่ไหม”
“ลุกไหวสิ”
“ก็ไหนคุณคิริลล์บอกว่า...ช่างเถอะ เวียงพิงค์ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว” เพราะคิริลล์อาจมีเหตุผลถึงบอกออกไปว่าตอนนี้เวียงพิงค์เจ็บหนัก หรือเขาอาจรู้อะไรมาก็เป็นได้
แก้วกานต์จึงปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปแบบนี้ เพราะลึกๆ เธอก็ไม่อยากให้เวียงพิงค์ไปจากที่นี่เช่นกัน ที่ที่อันตรายที่สุดอาจเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดก็ได้
“แล้วนี่แก้วมาได้ยังไง”
“มากับซาช่าแล้วก็ซิโมน” แค่ได้ยินชื่อซาช่าเวียงพิงค์ก็โกรธจนหน้าตาบึ้งตึงอย่างที่เห็น แต่พอคิดได้ว่านั่นคือสามีของแก้วกานต์ คือคนที่เพื่อนเธอรักก็ลดท่าทีลง
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่นี่”
“มีข่าวลือออกไปนะ อีกอย่างวันเกิดเหตุมีคนเห็นว่ารถคุณคิริลล์ชนเวียงพิงค์ เลยเดาได้ว่าเวียงพิงค์น่าจะอยู่ที่นี่”
“อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง นี่แก้วเราถามจริงๆ นะ ตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงบอกให้เราหนีไปล่ะ”
“เราพูดไม่ได้ พูดไม่ได้จริงๆ” แม้จะอยากบอกแต่แก้วกานต์ก็พูดอะไรออกไปไม่ได้ นั่นเพราะเธอถูกซาช่าขู่ไว้ ว่าหากพูดเรื่องนี้เขาจะเอาเธอถึงตาย
“มันร้ายแรงขนาดนั้นเชียวเหรอ”
“อื้อ...” เอ่ยจบแก้วกานต์ก็ปล่อยโฮออกมาทันที เวียงพิงค์ได้แต่คว้าเพื่อนมากอดปลอบ มั่นใจว่าต้องเป็นเรื่องไม่ดีอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นแก้วกานต์คงไม่ร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้นถึงขนาดนี้แน่
เธอปล่อยให้แก้วกานต์ร้องไห้อยู่นาน กระทั่งหยุดร้องจึงช่วยเช็ดน้ำตาให้ นั่นทำให้เวียงพิงค์ยิ่งมองเห็นรอยฟกช้ำตามใบหน้าของเพื่อนซึ่งมีมากกว่าครั้งแรกเสียอีก
“ถ้าเรากลับไปพร้อมแก้ว ทุกอย่างมันจะดีขึ้นไหม”
“ไม่...เวียงพิงค์ต้องอยู่ที่นี่นะ อยู่กับคุณคิริลล์ แล้วอย่าออกไปไหนมาไหนคนเดียวเด็ดขาด” แม้จะกลัวซาช่าแต่ถ้าเวียงพิงค์อยู่ที่นี่ ซิโมนกับซาช่าก็คงทำอะไรไม่ได้ เวียงพิงค์ก็จะปลอดภัย
ส่วนเรื่องหาผู้หญิงไปส่งก็คงต้องเป็นปัญหาที่ซิโมนกับซาช่าต้องหาทางออกกันเอาเอง เพราะหากเวียงพิงค์อยู่ที่นี่เธอก็คงไม่ถูกซาช่าทำร้ายเอาอีก
“คุณคิริลล์ แก้วพูดเหมือนรู้จักเขา”
“มีใครบ้างที่ไม่รู้จักเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ที่รวยล้นฟ้าอย่างคุณคิริลล์”
“แต่เขาเหมือนมาเฟียหน่อยๆ ว่าไหม” เวียงพิงค์ยิ้มออกมา เพราะลุคของคิริลล์เหมือนเจ้าพอมาเฟียจริงๆ
“อดีตเขาเคยเป็น แต่ตอนนี้ถอนตัวออกไปแล้ว”
“จริงเหรอ!” พอได้รู้แบบนี้เวียงพิงค์ก็ถึงกับอุทานออกมาอย่างตกใจ
“จริง”
“มิน่าถึงดูน่ากลัวแปลกๆ”
“อย่าลืมที่เราบอกนะว่าห้ามออกไปไหน เวียงพิงค์ต้องอยู่ที่นี่ คุณคิริลล์จะดูแลความปลอดภัยเวียงพิงค์ได้”
“ถึงขนาดต้องดูแลความปลอดภัยเราเลยเหรอแก้ว”
“ใช่...ขอโทษนะที่เราพูดได้แค่นี้” แก้วกานต์รู้สึกผิดจน
น้ำตาคลอ
“เราเป็นห่วงแก้ว”
“ขอบใจนะเวียงพิงค์ แต่เราเอาตัวรอดได้”
“แล้วเรื่องงานแต่งงานล่ะ ทำไง” เวียงพิงค์เอ่ยถามเรื่องที่เธอคิดกังวล นั่นเพราะยังคงคิดเสมอว่าจะมีงานแต่งงานของแก้วกานต์และซาช่าเกิดขึ้น
“ไม่มีแล้วล่ะ”
“ว่าไงนะ ไม่มีแล้วเหรอ ทำไมล่ะ” สีหน้าของเวียงพิงค์เต็มไปด้วยความตกใจ หรือมีอะไรผิดพลาดอย่างนั้นเหรอ
“อื้อ...มันไม่มี ไม่มีมาตั้งแต่ต้น” แก้วกานต์บอกตอนนี้ไม่ได้จริงๆ ว่าเพราะอะไรถึงไม่มีงานแต่งงานที่ว่านั่น
“มันเกิดอะไรขึ้นนะแก้ว ทำไมถึงไม่มีงานแต่งงานแล้วล่ะ”
“ไว้เราจะเล่าให้ฟัง เราคงต้องกลับก่อน”
“แก้ว” เวียงพิงค์สบตาที่ยังคงแดงก่ำของแก้วกานต์ด้วยความเห็นใจ
“ไว้ถ้ามีโอกาส เราจะกลับเมืองไทยพร้อมเวียงพิงค์นะ”
“อื้อ...ดูแลตัวเองด้วยนะแก้ว” เวียงพิงค์เอ่ยรับ แม้จะยังไม่เข้าใจอะไรอีกหลายอย่างแต่ถามไปแก้วกานต์ก็คงไม่ตอบอยู่ดี ได้แต่คิดแล้วก็เป็นกังวลอยู่ในใจ
เวียงพิงค์สวมกอดแก้วกานต์ด้วยความเป็นห่วง เพราะเดาไม่ออกจริงๆ ว่าหลังจากนี้เพื่อนเธอจะต้องเจอกับอะไรบ้าง แม้จะอยากช่วยแต่เวียงพิงค์ก็ยังมืดแปดด้าน
หลังจากอยู่คุยกันอยู่นาน ในที่สุดแก้วกานต์ก็กลับออกมา แต่การกลับออกมาเพียงแค่คนเดียวของเธอกลับทำให้ซาช่าถึงกับถลึงตาใส่ด้วยความไม่พอใจ ซิโมนเองก็เช่นเดียวกัน เพราะหวังไว้สูงว่าแก้วกานต์จะพาเวียงพิงค์ออกมาด้วย
“เวียงพิงค์เป็นยังไงบ้าง”
“เอ่อ...เธอเจ็บหนัก แทบจะลุกจากเตียงไม่ไหว” แก้วกานต์เอ่ยตอบซาช่า แต่ก็ไม่ค่อยกล้าสบตาด้วย ทำงานไม่สำเร็จแบบนี้มีหวังกลับไปบ้าน เธอคงถูกเขาทำร้ายร่างกายอีกเป็นแน่
ส่วนคิริลล์ก็สังเกตแก้วกานต์อยู่เช่นกัน นั่นเพราะอยากรู้ว่าแท้จริงแล้วเธอเป็นคนยังไงกันแน่ ไว้ใจได้ระดับไหน
“เจ็บหนักจริงๆ นะเหรอ” ซิโมนเอ่ยถามขึ้น แม้จะเป็นประโยคคำถามเชิงไม่ไว้ใจคิริลล์ก็ตาม
“ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอตัวกลับก่อน ไว้วันหลังพวกเราคงต้องขอกลับมาเยี่ยมเธอใหม่”
“ได้สิ” คิริลล์เอ่ยรับคำของซิโมน ก่อนจะให้คนสนิทออกไปส่งแขก จากนั้นคิริลล์ก็เดินตรงไปยังห้องทำงาน เพื่อเช็กว่าเวียงพิงค์ยังอยู่ที่นั่น
