บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

“โธ่โว้ย!” เพราะหงุดหงิดที่ของสำคัญหลุดมือ ทำใหซิโมนต้องหาทางออก และทางออกเดียวที่คิดได้ในตอนนี้คือการทำร้ายลูกน้องตัวดีให้สาสมกับความผิด ที่กล้าทำเวียงพิงค์หลุดมือไปแบบนั้น

“แล้วรู้ไหม ใครมาช่วยเธอไว้”

“เอ่อ...”

“จะอ้ำๆ อึ้งๆ อีกนานไหม” ซิโมนตะคอกถามจนลูกน้องที่ตัวโตกว่าถึงกับสะดุ้ง นั่นเพราะรู้ดีว่าซีโมนนั้นโมโหร้ายขนาดไหน

“คุณคิริลล์ครับเจ้านาย”

“คุณคิริลล์อย่างนั้นเหรอ” พอได้ฟังชื่อคิริลล์แบบนี้ซิโมนก็ทั้งหงุดหงิดทั้งกลัว นั่นเพราะคนทั้งประเทศรัสเซียมีออกตั้งมาก แต่ทำไมถึงเป็นคิริลล์ด้วย ทำไม

“เราจะเอายังไงดีครับเจ้านาย”

“ฉันคงต้องเข้าไปขอพบคิริลล์” แม้จะต้องบุกเข้าถ้ำเสือแต่ซิโมนก็ต้องทำ เพราะยังไงเสียเขาก็มีตัวช่วยอย่างภรรยาของซาช่าที่เป็นเพื่อนสนิทกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ในมือทั้งคน

“จะดีเหรอครับ”

“ทำไมถึงจะไม่ดี”

“ก็ถ้าเกิดผู้หญิงคนนั้นเอาเรื่องเราไปพูด เราไม่แย่เหรอครับเจ้านาย” ลูกน้องของซิโมนท้วงติง นั่นเพราะไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนอย่างคิริลล์สักไหร่ แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกขนลุกบอกไม่ถูก

“พูดได้ยังไงกัน ในเมื่อเธอยังไม่รู้อะไรสักอย่าง” ซิโมนยิ้มออกมา เพราะมั่นใจว่าเวียงพิงค์นั้นยังไม่รู้ความจริงนั่นเอง

“อ้อ...นัดซาช่ากับเมียมันไว้ด้วย เพราะไม่แน่ว่าเราอาจต้องพึ่งเมียมัน”

“ครับเจ้านาย” ลูกน้องร่างยักษ์เอ่ยรับ จากนั้นก็ปลีกตัวออกไป ในขณะที่ซิโมนกำลังทบทวนแผนการในหัว ว่าจะทำยังไงถึงจะได้เวียงพิงค์กลับมาโดยเร็ว นั่นเพราะเงินค่าตัวเธอมากองอยู่ตรงหน้าแล้ว ขอแค่นำเธอไปส่งมอบได้ เงินนั่นก็จะตกมาเป็นของเขาทันที

คืนแรกของการนอนที่บ้านของคิริลล์ แต่มันกลับเป็นค่ำคืนที่เธอหลับสนิทราวกับนอนอยู่ที่บ้านของตัวเอง พอตื่นเช้ามาก็มีเสื้อผ้ารวมไปถึงของใช้วางไว้รออยู่ก่อนแล้ว

เพราะไม่มีของใช้ส่วนตัวสักชิ้นทำให้เวียงพิงค์จำต้องใช้ของที่คิริลล์หามาให้ เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เธอก็ไม่ได้ออกไปไหน นอกจากมานั่งคิดอะไรเงียบๆ ตรงเก้าอี้ตรงระเบียงห้อง

เวียงพิงค์นั่งมองร่างกายของตัวเอง ที่เวลานี้เต็มไปด้วยแผลฟกช้ำและถลอก ก่อนที่ภาพของแก้วกานต์ขณะถูกสามีซ้อมจนใบหน้าตาบวมช้ำจะฉายเข้ามาในหัว พร้อมกับประโยคที่บอกให้เธอหนีไป

“หนีไป ทำไมต้องหนีไปด้วย” เวียงพิงค์ไม่เข้าใจประโยคนี้จริงๆ ว่าเพราะอะไรตอนนั้นถึงมีชายร่างยักษ์มาจับตัวเธอไว้ และแก้วกานต์ยังตะโกนบอกให้เธอหนีไปแบบนั้นอีก

เพราะอยากรู้ทำให้เวียงพิงค์อยากกลับไปหาแก้วกานต์ แต่ก็กลัวอันตรายเช่นกัน รวมถึงหากเพื่อนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เธอก็อยากช่วยแก้วกานต์ให้หลุดพ้น แต่หันไปทางไหนก็ไร้ทางออกแบบนี้แล้ว เธอจะพึ่งใครได้

“มานั่งทำอะไรตรงนี้”

“อุ๊ย! ตกใจหมด” เพราะตกใจทำให้เวียงพิงค์อุทานออกมาเป็นภาษาไทย แม้จะฟังรู้เรื่องแต่คิริลล์กลับเฉยและยังคงเอ่ยกับเธอเป็นภาษาอังกฤษ

“ถามว่ามานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้” เจ้าของบ้านที่ถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้องพักของเวียงพิงค์เอ่ยถามขึ้น นั่นเพราะสายแล้วแต่ยังไม่เห็นเธอออกไปกินข้าว จึงขึ้นมาตามด้วยตัวเอง

“นั่งคิดอะไรอยู่น่ะค่ะ”

“คิดอะไร” ขณะถามคิริลล์ก็หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้อีกตัว

“ขอไม่ตอบได้ไหมคะ” เวียงพิงค์บ่ายเบี่ยง นั่นเพราะมันคือเรื่องส่วนตัวที่เธอยังไม่อยากเล่าให้ใครฟัง นี่ถ้ามีโทรศัพท์เธอคงโทรกลับไปเมืองไทย เพื่อคุยกับแม่ชีแล้ว

“ไม่ได้ เธอต้องตอบคำถามของฉันทุกคำถามโดยไม่มีข้อแม้ ไม่งั้น...ฉันจะจับเธอส่งตำรวจ”

“ตอบค่ะตอบ ตอบแล้ว”

“ว่าไง” เสียงทุ้มดังขึ้น

“ฉันเป็นห่วงเพื่อน”

“เพื่อนเธอ คนไหน”

“เพื่อนฉันชื่อแก้ว มีแฟนเป็นคนรัสเซียชื่อซาช่า” เวียงพิงค์อธิบาย ซึ่งข้อมูลจากเธอตรงกับที่คิริลล์ให้ลูกน้องออกไปสืบมาเช่นกัน

“เพื่อนคนนี้หรือเปล่าที่ชักชวนเธอมาที่นี่”

“ใช่ค่ะ...ว่าแต่คุณรู้ได้ยังไง”

“เดาเอา” คิริลล์เฉไฉ ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนสั่งให้ลูกน้องเอาโทรศัพท์มือถือของเวียงพิงค์ไปเอง นอกจากเห็นข้อความในนั้นแล้ว เขายังเห็นรูปถ่ายของเธอด้วย

“ฉันหิวแล้ว จะลงไปกินข้าวได้หรือยัง” อันที่จริงคิริลล์ไม่ต้องขึ้นมาตามเวียงพิงค์เองก็ได้ แต่ชายหนุ่มกลับขอทำเอง ทั้งๆ ที่มีแม่บ้านรอรับคำสั่งอยู่

“ฉันลงไปกินข้างล่างได้เหรอคะ”

“ได้...ทำไมถึงคิดว่าจะไม่ได้”

“ก็ฉันเป็นแค่...แขกไม่ได้รับเชิญของคุณนี่ จะให้เดินไปนั่นไปนี่ทั่วบ้านคุณ มันออกจะไม่สมควรหรือเปล่า”

“เดินได้ในส่วนที่ฉันอนุญาต อย่างเช่นในตอนนี้” เอ่ยจบคิริลล์ก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง จากนั้นก็เดินนำออกไป เวียงพิงค์ลังเลที่จะตามเขาไปนิดหน่อย แต่เพราะความหิวทำให้ในที่สุดเธอก็ยอมเดินตามคิริลล์ไป

แม้อาหารบนโต๊ะจะดูแปลกตาแต่รสชาติของมันก็อร่อยเสียจนเวียงพิงค์นั้นกินไปหลายอย่าง บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดูเงียบเสียจนเวียงพิงค์แทบไม่กล้าหายใจแรงๆ เพราะกลัวคิริลล์และแม่บ้านสองสามคนที่ยืนรอฟังคำสั่งจะได้ยิน

กระทั่งเธออิ่มจึงนั่งหลังตรงนิ่งๆ นั่นก็เพื่อรอให้เจ้าบ้านอิ่มเช่นกัน คิริลล์เหมือนจะแกล้ง นั่นเพราะชายหนุ่มค่อยๆ จิบกาแฟ สลับกัดขนมปังเข้าปากช้าๆ กระทั่งมีคนเข้ามาช่วยชีวิตเวียงพิงค์ไว้

“เจ้านายครับ”

“มีอะไร”

“ซิโมนมาขอพบครับ”

“มาเร็วกว่าที่คิด ว่าแต่ซิโมนมาขอพบฉันหรือเธอ” เอ่ยจบก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองตรงไปยังเวียงพิงค์ ที่เวลานี้กำลังทำหน้าสงสัย ว่าเขากับลูกน้องคุยอะไรกันแน่ๆ เพราะคุยเป็นภาษาท้องถิ่นไม่ใช่ภาษาอังกฤษ

“มาขอพบเจ้านายครับ ซาช่าและภรรยาคนไทยมาด้วย”

“อย่างนั้นเหรอ ไปบอกแขกว่าอีกครึ่งชั่วโมงฉันจะออกไป”

“ครับ” เอ่ยรับเสร็จ ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำก็เดินกลับออกไป เวียงพิงค์จ้องมองคิริลล์นั่นเพราะสังหรณ์ใจว่าคงมีเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับเธอก็เป็นได้

“เธออิ่มแล้วใช่ไหม”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel