บท
ตั้งค่า

๕ คืนเข้าหอ (๒)

งานหมั้นหรืออีกนัยก็คืองานแต่งผ่านพ้นไปด้วยดี ไร้ซึ่งการฉลองมงคลสมรสอย่างที่เคยเห็นในงานของเหล่าไฮโซ ดาราหรือนักธุรกิจ มีเพียงการสวมแหวนและผูกข้อต่อแขนเท่านั้น และตอนนี้เจ้าบ่าวก็อันตรธานเป็นที่เรียบร้อย

มีเพียงเจ้าสาวกำลังเก็บเสื้อผ้าเพื่อไปอยู่บ้านเขา

“ไม่ไปได้ไหมแม่ หนูก็อยู่บ้านเรา เขาก็อยู่บ้านเขา” ต่อรองเป็นครั้งสุดท้าย

ซึ่งบานเย็นก็ส่ายหน้าระอาใจกับบุตรสาว

“ไม่ได้ เป็นผัวเมียจะแยกกันอยู่ได้ยังไงล่ะ”

ใบหน้าหวานงอง้ำไม่อยากแต่งสักนิด ไม่ได้ต้องการสถานะที่กล่าวมาสักหน่อย

“แต่หนูไม่อยากไปนิแม่ ถ้าไปแล้วใครจะทำกับข้าวให้แม่ล่ะ มะลิกลับมาใครจะช่วยดูแล” ข้ออ้างที่คิดได้ถูกยกขึ้น

จนบานเย็นละมือจากเสื้อผ้าของบุลลา

“ตอนที่บัวไม่อยู่แม่ก็ทำทุกอย่างเองหมด อย่าหาข้ออ้างเลยเพราะยังไงลูกก็ต้องไปอยู่กับคุณเอิร์ธ แต่งงานแล้วจะปล่อยให้ผัวนอนคนเดียวได้ยังไง เกิดมีเมียน้อยขึ้นมาจะไม่น้ำตาเช็ดหัวเข่าเหรอ”

..มีก็ดีจะได้หาเรื่องเลิกซะเลย

แอบยิ้มโดยไม่บอกให้แม่ล่วงรู้ความคิด

เอาเถอะก็แค่เปลี่ยนที่นอนเท่านั้นเอง ไม่เป็นไรหรอกน่าบัว..

เตรียมสเปรย์พริกไทยกับเครื่องช็อตไฟฟ้าเผื่ออีกฝ่ายลวนลามจะได้ป้องกันตนเองทัน ทว่าเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ก็เกิดภาพเหตุการณ์คืนที่อยู่โรงเก็บหญ้า อดยอมรับไม่ได้ว่าเขาเก่งในการเล้าโลมเหลือเกิน แค่มองตาก็เหมือนกำลังเปลื้องผ้าเธอออกแล้ว

ข้าวของที่ขนมาบ้านหลังเล็กไม่ได้เยอะมีเพียงเสื้อผ้าของหญิงสาวซึ่งส่วนมากก็ผืนบางเสียเหลือเกิน จนเริ่มคิดหนักว่าคืนนี้จะใส่อะไรเพื่อปกปิดไม่ให้เกิดเรื่องอย่างว่าขึ้นกับตนเอง

ชลธีอาสาขับรถยนต์มาส่ง จนบุลลาซึ้งใจอยากให้เขาเป็นเจ้าบ่าวที่ยืนข้างตน

“ไอ้เอิร์ธมีธุระน่ะครับ เห็นว่าต้องเข้าไปตัวอำเภอ งานด่วนมากเลยไม่ได้มาช่วยขนของ” ยังมีแก่ใจหาข้ออ้างให้เพื่อนทั้งที่ความจริง ร่างสูงแอบไปอ้วกจนหมดไส้หมดพุงและนอนพักที่บ้านเจ้าของไร่ หมดสภาพเจ้าบ่าวสุดหล่อที่คนทั้งงานชม

“ไม่เป็นไรค่ะ แค่คุณธีมาช่วยก็ขอบคุณมากแล้ว” อดไม่ไหวจึงเอ่ยเสียงหวาน

จนมารดาแอบหยิกเข้าที่สีข้างแล้วกระซิบเสียงรอดไรฟัน

“นั่นเจ้านายของผัวนะบัว เพลาๆ ลงบ้าง”

..คนมองตั้งนานหวังให้เป็นสามีอยู่ดีๆ จะให้เปลี่ยนความคิดก็ต้องใช้เวลาหน่อยสิ

ร่างบางพยักหน้ายิ้มแกนๆ ขณะที่หนุ่มผิวขาวช่วยหยิบกระเป๋าเข้าไปภายในบ้าน

หล่อนเพิ่งมาเยือนเรือนหลังเล็กของสัตวแพทย์หนุ่ม อดทำหน้าเศร้าไม่ได้เพราะมันเล็กกว่าที่คิดเอาไว้มาก ถึงจะดูอบอุ่นก็ตาม บ้านไม้ชั้นเดียวมีชานหน้าบ้านเป็นโต๊ะไว้สำหรับรับแขกและรับประทานอาหาร พอเข้าไปข้างในก็เป็นโซนครัวด้านซ้าย ทางขวาคือห้องดูทีวีขนาดกลาง ติดกันเป็นประตูห้องนอน พอเปิดดูก็ต้องลมแทบจับ เสื้อผ้าของพณณกรวางระเกะระกะ รกจนแทบหาทางเดินไม่ได้

“แม่ หนูอยากกลับบ้าน” หันมามองมารดาซึ่งเดินตามมาด้วยแววตาเว้าวอน

..จะให้อยู่บ้านที่รกแถมยังเล็กราวรูหนูน่ะหรือ ฆ่าเธอตายซะยังดีกว่า!

“อะไรกัน งอแงอีกแล้วนะบัว แม่บอกแล้วไงว่าแต่งงานแล้วลูกต้องมาอยู่บ้านคุณเอิร์ธ อย่าให้ต้องพูดซ้ำ”

ดวงตาเด็ดขาดทำเอาบุตรสาวต้องกลืนน้ำลายลงคอ ลืมคำพูดทุกอย่างเสียสิ้น อยากกระทืบเท้าเอาแต่ใจเหมือนเด็กก็ไม่อาจทำต่อหน้าชลธีได้

ฝ่ายชายหนุ่มเองก็หน้าเจื่อนไม่คิดว่าเพื่อนจะทำการต้อนรับภรรยาแบบนี้

ร่างบางยืนส่งบานเย็นและเจ้าของไร่ที่หน้าบ้านพลางโบกมือให้ด้วยใบหน้าเศร้าหมอง ถึงจะอยู่หมู่บ้านเดียวกันและได้เจอแม่อยู่ที่ทำงาน มันก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว เธอแต่งงานออกมาใช้ชีวิตกับสามีท่ามกลางความโดดเดี่ยวของบ้านหลักเล็ก ไร้ซึ่งเพื่อนบ้าน แม้แต่สุนัขสักตัวยังไม่เดินผ่านเลย

แดดยามบ่ายไล่ให้บุลลาต้องเข้ามาข้างใน เงินที่ได้จากการผูกข้อมือเธอแบ่งกับแม่ครึ่งหนึ่งแล้วเก็บเป็นขวัญกระเป๋า เดือนนี้ต้องจ่ายหนี้ของธนาคารทั้งหนี้บัตรเครดิตซึ่งช่วงหนึ่งเธอใช้เงินมือเติบ ไหนจะหนี้จากที่ไปกู้เพราะหลงเชื่อคำลวงของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนอีก

ตัวแทบทรุดเมื่อภาระทางการเงินหนักหนาจนหายใจแทบไม่ออก หากย้อนเวลาได้เธอคงไม่ใช้เงินเยอะขนาดนั้น ตอนนั้นรายได้ดีจนนึกลำพองใจเผลอใช้ชีวิตเป็นหงส์ฟ้าจนกระทั่งตกสวรรค์กลายร่างเป็นลูกเป็ดเช่นเดิม

..ชีวิตคนเราไม่แน่นอนจริงๆ

“ช่างมันเถอะ ตอนนี้ต้องเอาตัวรอดจากไอ้บ้านสับปะรังเคนี้ก่อน” มองดูแล้วคงไม่ได้ทำความสะอาดมากกว่าหนึ่งเดือน อยู่เข้าไปได้ยังไงก็ไม่รู้ มีฝุ่นจับไปทุกหย่อม

จนหล่อนทนไม่ไหวทำการเก็บกวาดให้ โดยขั้นแรกต้องมัดผมตนเองเสียก่อน

ก่อนมาก็อุตส่าห์อาบน้ำล้างหน้าสระผมอย่างดีหวังพักผ่อนเพราะตื่นแต่เช้า ทว่าแผนพังลงเนื่องจากบ้านสกปรกเกินเยียวยา

บุลลาตัดสินใจเดินหาอุปกรณ์สำหรับทำความสะอาดบ้านก็ไม่พบก่อนจะเดินมายังประตูบานสีขาวซึ่งอยู่ข้างประตูห้องน้ำ พอเปิดออกก็พบว่าเป็นข้างหลังบ้านแถมยังมีสายธารไหลผ่านอีกด้วย

อดตกตะลึงในธรรมชาติตรงหน้าไม่ได้ มีดอกเดซี่ขึ้นรายล้อม ผีเสื้อบินไปมาจนยกมือขึ้นหวังสัมผัสปีกบางเบาที่มีสีสันสวยงาม ราวสวรรค์บนดิน ไม่แปลกใจเลยที่เขาแยกตัวออกมาอยู่ที่แห่งนี้

หยุดก่อนบัว นี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมความงามตรงหน้า เธอต้องหาไม้กวาดก่อน..

เหลือบไปมองด้านขวาก็พบอุปกรณ์ทำความสะอาดวางอยู่หลังบ้านในสภาพที่ดี ข้างกันนั้นก็มีกะละมังและเครื่องปั่นผ้าขนาดเล็กตั้งไว้ ใบหน้าหวานยิ้มออก จัดการหยิบไม้ขนไก่และไม้กวาดทันที

เริ่มจากห้องรับแขกต้องปัดฝุ่นออกให้หมด พณณกรใช้โซฟาไม้จึงง่ายต่อการทำความสะอาด เพียงหาผ้ามาชุบน้ำแล้วเช็ดออกก็กลับมาใสดังเดิมแล้ววางเบาะรองนั่งพร้อมหมอนเอาไว้ ขณะที่จัดการบ้านหลังนี้ก็เปิดเพลงฟังไปด้วยจะได้ไม่เบื่อ

อาจเพราะมีความเป็นแม่บ้านในตัว เพียงเวลาสองชั่วโมงทุกอย่างก็เรียบร้อยทั้งผ้าของชายหนุ่มที่ถูกวางเต็มพื้นก็ขนไปซักและตากหลังบ้าน

หล่อนถอนหายใจทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาด้วยความเหนื่อย ข้าวเที่ยงยังไม่ตกถึงท้องด้วยซ้ำจึงลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็นและพบว่ามีเพียงผัดกาดหนึ่งหัว ไข่หนึ่งฟองนอกนั้นคือกระป๋องเบียร์กว่าสิบ

อยากจะเป็นลมเสียเดี๋ยวนี้แต่ก็ตัดใจหาข้าวมาหุง เธอจะต้องอยู่รอดให้ได้

..เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้คนอย่างบุลลายอมแพ้หรอก!

บ่ายคล้อยร่างสูงฟื้นจากอาการวิงเวียนก็ขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน วันนี้เหนื่อยไม่อยากทำงานใดๆ ทั้งสิ้น ขอกลับไปพักผ่อนที่เรือนไม้หลังน้อยของตนดีกว่า ลืมไปเสียสนิทว่าต่อจากนี้ไม่ใช่หนุ่มโสดแล้ว ขณะที่จอดรถไว้หน้าบ้านก็ชะงักเพราะได้ยินเสียงเหมือนคนทำกับข้าว ทั้งประตูบ้านก็ถูกเปิดไว้อีก

“โจรเหรอวะ” พึมพำเสียงเบาแล้วค่อยย่องเข้าบ้าน ไม่ต้องหาอุปกรณ์ใดเพราะฝีมือการต่อยมวยของเขาไม่เป็นสองรองใครแน่นอน

ทว่าเมื่อมองจากข้างนอกก็พบแผ่นหลังบางกำลังทำอาหารอยู่และวินาทีนั้นเขาก็นึกได้ว่าตนเองแต่งงานแล้ว

‘เออว่ะ กูแต่งงานแล้วนิ ลืมสนิทเลย’

ถอนหายใจโล่งอกแล้วแอบมองคนตัวเล็กหยิบจับข้าวของในครัวคล่องราวเป็นบ้านตนเอง ได้กลิ่นหอมของอาหาร ท้องที่ว่างก็เริ่มประท้วง กระทั่งร่างบางตักกับข้าวใส่จานแล้วชะงักเพราะเห็นสามีหมาดๆ ยืนมอง

เหมือนไม่รู้จะทักทายกันอย่างไรดีและเป็นพณณกรที่ทำลายความเงียบอันน่าอึดอัด

“ตักให้ฉันจานหนึ่ง” ทำหน้าเรียบเฉยทั้งที่ในใจเต้นโครมครามซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกัน

ฝ่ายบุลลาก็เกิดอาการเลือดขึ้นหน้ากะทันหัน

เธอทำงานบ้านเหนื่อยจนจะเป็นลม แล้วดูเขาสิหายไปไหนก็ไม่รู้โผล่มาอีกทีชี้นิ้วสั่งราวคุณชายจากวังจุฑาเทพ

..เมินเสียเถอะ

“ฉันไม่ให้กิน ถ้าหิวก็ทำเอง” เดินหยิบข้าวสวยพร้อมกับออกมาที่โต๊ะหน้าบ้านโดยเลี่ยงคนร่างหนาซึ่งยืนขวางทาง

“แต่ฉันเป็นเจ้าของบ้าน ฉันต้องได้กิน” ไม่สามารถยอมได้คุณหมอของเหล่าสัตว์จึงเดินตามหล่อนไม่ห่างขณะที่ร่างบางนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ ตักข้าวรับประทานไม่อยากต่อปากต่อคำอีก

เขาพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ หลังจากนั้นจึงเดินเข้าไปภายในบ้านไม่นานก็ออกมาพร้อมจานที่มีข้าวสวยอยู่เต็มแล้วนั่งลงตรงข้ามคนตัวเล็กพร้อมตักผัดผักใส่ไข่มาไว้จานตัวเองเกือบครึ่ง จนใบหน้าหวานเหวอไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้

“นี่! เสียมารยาทฉันเป็นคนทำนะ” กล่าวเสียงดังแต่คนตรงหน้าไม่สะทกสะท้านสักนิด

หลังจากนั้นร่างสูงก็ลุกขึ้นเดินเข้าบ้านเพื่อเปิดทีวีดูขณะรับประทานอาหารโดยไม่สนใจผู้ร่วมชายคาคนใหม่ ปล่อยให้หล่อนโกรธหน้าดำหน้าแดงจ้วงข้าวเข้าปากคำโต

ร่างสูงมองไปรอบบ้าน รู้สึกว่าทุกอย่างสะอาดขึ้นจนต้องวางจานข้าวไว้โต๊ะหน้าทีวีเดินไปเปิดประตูห้องนอนจากที่เคยมีเสื้อผ้ากองเต็มพื้นก็หายเกลี้ยง เดินเข้าไปเปิดตู้เสื้อผ้าก็พบว่านอกจากชุดของตนก็ยังมีชุดของหญิงสาวปะปนอยู่ด้วย โต๊ะเครื่องแป้งที่เคยมีแค่แป้งเย็นกับโลชั่นและเจลใส่ผมก็มีครีมสำหรับผู้หญิงวางเต็มไปหมด ผ้าปูที่นอนสีเทาซึ่งยับยู่ยี่ถูกเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเรียบกริบราวกับโรงแรมห้าดาว

พอออกจากห้องนอนเดินไปที่ห้องน้ำซึ่งอยู่ใกล้ห้องครัวก็พบว่าคราบดำถูกเช็ดล้างออกสะอาดเอี่ยมอ่องเหมือนเพิ่งมาอาศัย มีครีมอาบน้ำและยาสระผม ไหนจะครีมนวดเพิ่มเข้ามาจนวางเต็มตะแกรง ชีวิตชายโสดได้หายไปเสียแล้ว

..นี่เขากำลังเผชิญอยู่กับการเริ่มต้นของครอบครัวใช่ไหม ไม่คุ้นสักนิด

หลังรับประทานอาหารเสร็จร่างบางก็เดินถือจานมาที่อ่างล้างจานเพื่อทำความสะอาด ไม่วายบ่นให้สามีที่ยังนั่งจ้องทีวีดูสารคดีสัตว์โลก

“กินเสร็จแล้วก็ไปซื้ออาหารสดมาไว้ในตู้เย็นด้วย อยู่ไปได้ยังไงมีแต่เบียร์เต็มไปหมด กระเพาะไม่ทะลุไปแล้วเหรอ หัดกินอะไรที่มันดีมีประโยชน์ซะบ้าง”

“บ่นยิ่งกว่าแม่กูอีก” ส่ายหน้าแต่ไม่ได้รับคำอะไรทั้งสิ้น

“ได้ยินไหมที่พูดน่ะ” คนตัวเล็กหันมาถามย้ำอีกครั้ง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงกล้าเป็นตัวของตัวเองขนาดนี้เมื่ออยู่กับพณณกร กล้าจะต่อปากต่อคำ ไม่ต้องรักษาภาพพจน์เป็นผู้หญิงแสนดี เธอสามารถทำตามที่ตนเองต้องการได้เลย

แต่บางคราก็ทำตัวไม่ถูกยามโดนจ้องด้วยสายตาคมกล้า

“รู้แล้วน่า อยากได้อะไรก็บอกมาสิ” ไม่มีความกระอักกระอ่วนเหมือนเมื่อสักครู่ที่เจอกัน ร่างสูงทำตัวสบายเช่นเดิม

หญิงสาวจึงเดินไปหยิบกระดาษโพสอิทที่วางไว้ตรงชั้นวางของใกล้โต๊ะวางทีวี ทุกอย่างดำเนินไปโดยธรรมชาติ

“ซื้อมาให้ครบด้วย” ฉีกออกแล้วแปะไว้ที่หน้าผากของร่างสูง ก่อนรีบวิ่งเข้าห้องล็อกประตูกลัวอีกฝ่ายจะประทุษร้ายที่บังอาจไปแกล้งเขา

ขณะที่ชายหนุ่มหัวเสีย หยิบแผ่นสีเขียวสะท้อนตาออกจากหน้าผากอ่านรายการที่เขียนซึ่งมีไม่กี่อย่าง

บ้านทั้งหลังตกอยู่กับความเงียบเมื่อร่างหนาออกไปซื้ออาหารมาใส่ตู้เย็นและบุลลานอนหลับอยู่ภายในห้องเปิดแอร์เย็นฉ่ำไม่ลืมห่มผ้าหนา

หลังจากที่เหนื่อยมาทั้งวันก็เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างง่ายดายจนกระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตูเรียก

“ออกมาจัดของด้วยซื้อมาให้แล้ว”

ไม่คิดว่าจะนอนนานขนาดนี้เพราะเมื่อลืมตาตื่นก็พบว่าข้างนอกมืดสนิท เธอชอบห้องนอนเขาอย่างหนึ่งคือมีประตูบานเลื่อนเป็นกระจกสามารถเปิดออกไปยืนตรงชานเรือนฝั่งห้องนอนเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้นได้

แต่ตอนนี้ดวงตะวันลาลับไปแล้วและเธอต้องลุกจากที่นอนเพื่อไปเก็บของเข้าตู้ จังหวะที่เปิดประตูออกมาก็ร้องลั่นเพราะพณณกรถอดเสื้อออกเปลือยท่อนบนไม่สะทกสะท้าน

“อ้าย ไอ้บ้าใครบอกให้ถอดเสื้อ”

“ก็คนมันร้อน อีกอย่างฉันก็ถอดในบ้านไม่ได้เดินไปถอดในไร่สักหน่อย มันผิดตรงไหน”

..มันก็ผิดตรงที่เธออยู่ด้วยไงเล่า! เอาเถอะอย่าทำเป็นสาวน้อยไร้เดียงสาแค่เห็นผู้ชายถอดเสื้อก็ต้องหันหน้าหนีปิดตาให้วุ่นหน่อยเลย ทำเมินแล้วเดินไปจัดของดีกว่า

ร่างบางจึงเลี่ยงไปในครัว นำของสดเข้าตู้เย็นทั้งผักหลายชนิด เนื้อหมู เนื้อไก่ที่มีส่วนอก ส่วนน่องและส่วนปีก

ของได้ครบไม่ขาดไม่เกินแถมยังไม่ต้องใช้เงินตัวเองอีก ชายหนุ่มเดินเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกายรู้สึกเหนียวตัวเพราะไปเดินตลาด

ไม่แน่ใจว่าอาบหรือวิ่งผ่านน้ำกันแน่เพราะเวลาเพียงห้านาทีร่างสูงก็ออกมาด้วยผ้าเช็ดตัวพันช่วงล่างเท่านั้น

บุลลาเหลือบมองก่อนหันหน้าหนี เขาหุ่นดีราวนายแบบ ไม่เคยเห็นเพราะวันที่อยู่โรงเก็บหญ้าร่างสูงใส่เสื้อผ้ามิดชิด พอได้มองก็อดชื่นชมในการดูแลตนเองของเขาไม่ได้ ซิกซ์แพ็กเป็นลอนเรียงสวยงาม ผิวเข้มที่ไม่ได้คล้ำน่าเกลียดกลับให้ความรู้สึกสุขภาพดี

“อยากมองก็หันมาเลย ไม่ต้องแอบหรอก” ทักขึ้นเสียงล้อเลียน

“ใครอยากมอง หลงตัวเอง!” เธอตอบโต้ทันทีก่อนเดินเข้าห้อง

โดยมีพณณกรตามหลังมาด้วย

“ตามเข้ามาทำไม ออกไปสิ” ใบหน้าคมมีแววระอา “ก็เสื้อผ้าฉันอยู่ที่นี่ จะให้นอนทั้งแบบนี้หรือไง” ว่าจบก็เดินไปเปิดตู้หยิบกางเกงบอลพร้อมเสื้อกล้ามมาสวมทันที

ฝ่ายหญิงก็ทำตัวไม่ถูกชั่วขณะเดินไปเอาผ้าเช็ดตัวและชุดนอนของตนรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำซึ่งมีเพียงห้องเดียว

คุณหมอมองตามแล้วก็ยิ้มขำท่าทีหวาดระแวง

“ถ้าฉันจะทำอะไรเธอจริงคิดเหรอว่าจะรอด” หันไปมองประตูที่ปิดลงพร้อมเดินไปนอนที่เตียงกว้าง เขาเหนื่อยมาทั้งวันทำให้ง่วงเร็วกว่าปกติถึงจะเป็นเวลาแค่หนึ่งทุ่มก็ตาม แค่หัวถึงหมอนก็เข้าสู่นิทรายิ่งได้กลิ่นหอมจากครีมอาบน้ำลอยมาก็อมยิ้มหลับสบายมากขึ้น

หญิงสาวออกจากห้องน้ำด้วยชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงผ้านิ่มขาสามส่วน ไม่เคยใส่ชุดนอนที่มิดชิดขนาดนี้มาก่อนเลยเพราะกลัวจะโดนเขาล่วงเกินหรอกนะ ทั้งยังต้องสวมชั้นในนอนด้วยแม้ไม่ค่อยสบายตัวแต่ปลอดภัยไว้ก็ไม่เสียหายอะไร

ค่อยๆ เปิดประตูเข้ามาพบว่าชายหนุ่มหลับเสียแล้ว บุลลาจึงเดินไปปิดประตูหน้าบ้านตรวจประตูเมื่อพบว่าล็อกเรียบร้อยจึงเดินเข้าห้อง หากพูดตามความจริงถือว่านี่เป็นคืนแรกของการเข้าหอ ได้ร่วมเรียงเคียงหมอนกับสามี

ดีที่ชายหนุ่มหลับ ไม่อย่างนั้นก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน ค่อยๆ ย่องไประเบียงเพื่อตากผ้าเช็ดตัวไว้ที่ราวก่อนเลื่อนปิด เข้ามาภายในห้อง แทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มอย่างเงียบเชียบ ไม่ลืมเอาหมอนข้างมากั้นตรงกลาง จากที่เคยกังวลว่าการนอนกับพณณกรจะเป็นอย่างไร ก็ได้รู้ว่า..

ไม่รู้สึกอะไรเลย เหมือนนอนกับตุ๊กตาอาจเพราะร่างสูงหลับแล้วก็เป็นได้ คงเพลียจากงานแต่งนั่นแหละเหมือนเธอที่ใช้เวลาไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทราเช่นกัน

บรู๊วววว

ตกดึกเสียงสุนัขหอน ปลุกคนที่หลับใหลให้ตื่น หล่อนลืมตาท่ามกลางความมืด ไม่กล้ามองไปข้างนอกเพราะกลัวจะเห็นเงาประหลาด

..ทำไมถึงเลือกนอนข้างที่ใกล้ประตูบานเลื่อนด้วยนะ ทั้งยังไม่ปิดม่านอีก จะมองก็ไม่กล้า จะลุกขึ้นยืนยังขาสั่นเลย

บรู๊วววว

มันยังไม่หยุด จนคนขี้กลัวต้องขยับเข้าไปใกล้หมอนข้างแล้วกอดมันเอาไว้แน่นพร้อมหลับตาปี๋ หัวใจเต้นดังราวกลองเพล ยิ่งได้ยินเสียงเหมือนมีของมากระทบประตูหล่อนก็แทบจะกระโดดไปกอดชายหนุ่มที่หลับไม่ได้สติจนต้องยั้งตัวเองไว้

“ไม่มีอะไร แค่ลม ลม” พึมพำบอกตนเองไปมาจนกระทั่งได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาเขย่าประตูและวินาทีนั้นเธอไม่สามารถทนได้แล้วจึงทิ้งหมอนข้างแล้วกอดเข้าที่ร่างหนาทันที

“ฮือ ตื่นนะไอ้บ้า จะมานอนหลับทั้งที่ฉันกลัวขนาดนี้ได้ยังไง” นอนกอดเขาไม่พอยังทุบหน้าอกหนา

จนคนหลับสนิทตกใจตื่นพบว่าร่างบางกำลังกอดตนแน่นทั้งยังตัวสั่นราวลูกนกตกน้ำ ใบหน้าคมมีแววงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนจะมองไปที่บานประตูเลื่อน

เขาพบสุนัขสีน้ำตาลตัวหนึ่งนั่งแลบลิ้นอยู่ก็ถอนหายใจ มันหลงมาจากไหนก็ไม่รู้แต่ชอบมาหาอะไรกินแถวนี้บางครั้งเขาก็เทข้าวเหลือให้จนเจ้าตูบติดบ้านหลังนี้เสียเหลือเกิน

“มีคนมาเคาะประตู ฉันว่าต้องเป็นผีแน่เลย ผีแน่ๆ” ร่างบางตัวสั่นงันงกขณะที่คุณหมอท่าจะตื่นเต็มตา จมูกโด่งได้กลิ่นแชมพูจากผมนุ่มสลวย มันหอมจนกดจมูกลงไปดม ทว่าคนขี้กลัวก็ยังไม่รู้ว่าถูกล่วงเกินไหนจะมือหนาซึ่งเอื้อมไปโอบเอวเล็กให้แนบชิดมากขึ้น

“ฉันก็ว่าน่าจะใช่” เสียงทุ้มแหบพร่า

..เดี๋ยวไอ้เอิร์ธ แค่ได้กลิ่นยาสระผมมึงก็มีอารมณ์แล้วเหรอวะ!

“นะ นี่นาย..” นอกจากอาการกลัวผีแล้วตอนนี้บุลลายังสัมผัสได้ถึงบางสิ่งซึ่งค่อยดุนดันทิ่มขาของเธออย่างช้าๆ ใบหน้าหวานค่อยๆ ลืมตาแล้วเงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าสามี

“ขอโทษทีนะ พอดีน้องชายฉันตื่นเร็วไปหน่อย”

อยากจะกรีดร้องให้สุดเสียงกับค่ำคืนนี้ นอกจากจะระแวงว่าผีจะมา ยังต้องมากังวลกับผู้ชายลามกอีก!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel