ตอนที่ 2 ข้าทำไปเพื่ออะไร
ฟางเยว่นิ่งไปทันที เมื่อเขาเอ่ยขึ้นมาเช่นนั้น หัวใจที่เต้นแรงเมื่อครู่ วูบไหวกลายเป็นความน้อยใจขึ้นมาในทันที ไม่คิดเลยว่า วันนี้เขาจะกล้าเอ่ยปากขอให้นางช่วยเหลือ เรื่องของพี่สาวนาง
“ท่านว่าอย่างไรนะ ท่านอยากจะ… พบกับพี่ใหญ่งั้นหรือ”
“ใช่ ข้าอยากจะคุยกับอันหลินเป็นการส่วนตัว เจ้าพอจะช่วยข้าได้หรือไม่ กู้ฟางเยว่”
ฟางเยว่แทบจะไม่ได้ยินสิ่งใด และไม่รู้ว่าตัวเองกลับออกมาจากจวนอ๋องได้อย่างไร จำได้เพียงแค่ว่า นางเผลอรับปากเขาไป เพียงเพราะอยากจะเห็นรอยยิ้มของเขา ที่มีให้นางอีกนิด
“หากท่านต้องการ เช่นนั้นข้าก็จะช่วยท่านเอง”
“จริงหรือกู้ฟางเยว่ ขอบใจเจ้ามากนะ ขอบใจมากจริง ๆ เช่นนั้น ข้าจะฝากจดหมายของข้าไปให้นาง เจ้านั่งรอสักครู่นะ”
เขาถึงกับพยุงนาง มานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม ฟางเยว่นั่งเหม่อลอยไร้ความรู้สึกอยู่พักใหญ่ จนเขานำจดหมายใส่ซองมายื่นให้กับนาง ที่เก้าอี้ตัวเดิม ขนมจากหอว่านเซียง ซึ่งซื้อมาด้วยความยากลำบาก เพราะต้องไปต่อแถวตั้งแต่ก่อนร้านเปิด กว่านางซื้อได้ก็เกือบจะเข้ายามอู่แล้ว ( 12.00 น.) สองชั่วยามเต็ม ๆ ที่ผ่านไป ช่างเสียเวลายิ่งนัก
บนรถม้า
“คุณหนู ท่านจะส่งจดหมายให้กับคุณหนูใหญ่จริงหรือเจ้าคะ”
“ข้ารับปากเขาไปแล้วนี่”
นางมองไปที่ลายมือบนจดหมาย ซึ่งนึกอยากจะให้ฉีอ๋องผู้นั้น เขียนให้นางสักครั้ง แต่สุดท้ายกลับไม่เคยมีเลย
“สองปีที่ผ่านมา ข้ากำลังพยายามทำเพื่ออะไรอยู่กันแน่ สุดท้ายคนที่เขาชอบ ก็มีเพียงพี่ใหญ่เท่านั้น”
“คุณหนู….”
“เจาตี้เจ้าว่าข้าโง่หรือไม่ ตื่นแต่เช้ามืดเพื่อไปรอต่อแถว ซื้อขนมร้านดัง แต่เขากลับไม่สนใจเลยสักนิด ขนมชิ้นเดียวก็ยังกินไม่หมดด้วยซ้ำไป”
“คุณหนู ท่านใส่ใจท่านอ๋องมากถึงเพียงนี้ คิดว่าท่านอ๋องคงซาบซึ้งใจอยู่บ้าง ท่านอย่าได้นึกน้อยใจไปเลยเจ้าค่ะ”
“ซาบซึ้งอยู่บ้าง จริงด้วยสินะ ข้าก็ได้แค่นี้เอง เขามิได้รู้สึกหวั่นไหวกับข้าเลยด้วยซ้ำ”
“คุณหนู หรือว่าท่านจะหยุดเพียงเท่านี้เจ้าคะ ตลอดสองปีที่ผ่านมา ท่านเองก็พลาดคนดี ๆ ไปเยอะเหมือนกัน เหตุใดจึงไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองบ้างเล่าเจ้าคะ”
“ช่างเถอะ ใครใช้ให้ข้าโง่รักเพียงแต่เขาเล่า ถึงอย่างไรเรื่องแต่งงาน พ่อแม่ก็ต้องเป็นผู้เลือกให้อยู่ดี ข้าเพียงแค่อยากจดจำช่วงเวลานี้เอาไว้ว่า ครั้งหนึ่งเคยรักใครคนหนึ่งมาก ก็เท่านั้นเอง”
“คุณหนู บางทีการแต่งงาน ก็มิได้เลวร้ายถึงเพียงนั้น ฮูหยินกับนายท่านก็ไม่เคยรักกันมาก่อน แต่พวกเขาแต่งงานกัน ก็ยังรักกันได้นะเจ้าคะ”
“เจ้าพูดไม่ผิด วิถีสตรีย่อมเป็นเช่นนั้น ช่างเถอะ ถือว่าครั้งนี้เป็นการช่วยพวกเขาสักครั้งก็แล้วกัน”
จวนสกุลกู้
เมื่อนางกลับมาถึงในจวน บิดาและมารดากับพี่สาวนาง ก็อยู่ที่ห้องโถงใหญ่แล้ว เมื่อนางกลับมาก็ถูกมารดุเล็กน้อย เรื่องที่ชอบออกไปเที่ยวเล่น จนลืมเวลากลับ
“เจ้านี่นะ นี่มันเวลาใดกันแล้ว มีสตรีในจวนที่ใดเป็นเช่นนี้กัน”
“ท่านแม่เจ้าคะ อย่าดุเยว่เอ๋อร์เลย น้องยังเด็ก ก็ย่อมอยากไปเที่ยวเล่นเปิดหูเปิดตาบ้าง อีกไม่นานหากออกเรือนไปแล้ว พวกเราก็แทบจะไม่มีโอกาสแล้วนะเจ้าคะ”
“เฮ้อ…หากเจ้ารู้ความได้ครึ่งหนึ่ง เหมือนพี่ใหญ่ของเจ้าก็คงดี”
“ท่านแม่… ท่านโกรธข้าหรือเจ้าคะ โกรธข้าหรือ”
ฟางเยว่เดินเข้ามาออดอ้อนมารดาทันที กู้ฮูหยินอดไม่ได้ที่จะยิ้มและตีนางเบา ๆ สุดท้ายก็แพ้ลูกอ้อนของฟางเยว่อยู่ดี
“เจ้านี่นะ น่าตีจริง ๆ”
“หึหึ เอาล่ะกลับมาก็ดีแล้ว”
“กลับมาก็ดีแล้วงั้นหรือ! ท่านพี่ ข้าพอจะรู้แล้วว่าเยว่เอ๋อร์ เอาแต่ใจเพราะใครกัน”
“เอ่อ ฮูหยินเจ้าอย่าพึ่งเลี้ยวมาทางนี้สิ วันนี้เรามีเรื่องสำคัญต้องคุยกันอีกนะ”
กู้ฮูหยินหันไปทำตาเขียวใส่เสนาบดี "กู้ฮ่วน" บิดาของพวกนาง บุตรสาวสองคนถึงกับกลั้นขำไม่อยู่ เพราะบิดาต่อให้ยิ่งใหญ่ในราชสำนัก แต่เมื่อกลับเข้าจวน อย่างไรก็ต้องรับฟังฮูหยินอยู่ดี
“เอาล่ะไม่พูดเล่นกันแล้ว วันนี้ข้ากับหลินเอ๋อร์ไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทมา”
ฮูหยินและฟางเยว่ หันมานั่งฟังอย่างตั้งใจอีกครั้ง สีหน้าของพี่สาวของนาง มิได้มีท่าทีตกใจหรือไม่พอใจ กลับกันนางยิ้มออกมาเล็กน้อย มารดาของนางก็เริ่มเดาออก
“ฝ่าบาทเรียกท่านเข้าเฝ้าพร้อมกับหลินเอ๋อร์เช่นนี้ คงมิใช่เรื่อง…”
“ที่เราคาดเดาเอาไว้ไม่ผิดจริง ๆ เพียงแต่ว่าผู้ที่มาสู่ขอในครั้งนี้ คืออวี้อ๋อง “ฟ่านเยี่ยนหรง” ที่ปกครองเมืองอวี้โจว”
“อะไรนะเจ้าคะ เมืองอวี้โจว ทางเหนือน่ะหรือ”
“ฮูหยินใจเย็น ๆ ก่อน เรื่องนี้ฝ่าบาทเองก็มิได้จะบีบบังคับ แค่ยื่นข้อเสนอมาให้ เพราะทางอวี้อ๋อง เป็นผู้เลือกหลินเอ๋อร์ด้วยพระองค์เอง ฝ่าบาทจึงได้เรียกข้า และหลินเอ๋อร์เข้าเฝ้า”
“เช่นนั้น ท่านว่าอย่างไร”
"คือข้า…"
บิดานางไม่ทันได้ตอบ กู้อันหลินก็พูดออกมาเอง
“ท่านแม่ ข้าตอบตกลงรับสมรสพระราชทานนี้แล้วเจ้าค่ะ”
“ว่าอย่างไรนะ รับแล้วงั้นหรือ หลินเอ๋อร์เจ้าคิดให้ดีนะ หากแต่งออกไปแล้ว เจ้าก็จะต้องจากบ้านไปไกลถึงอวี้โจว เช่นนี้จะไม่…. โธ่เอ๊ย! จริงหรือนี่”
กู้ฟางเยว่ถึงกับตกใจ เพราะไม่คิดว่า พี่สาวของนาง จะเป็นฝ่ายตกลงด้วยตนเอง แต่เมื่อเห็นสีหน้าของพี่สาว นางก็รู้ในทันทีว่า พี่สาวมิได้ถูกบังคับ
“พี่ใหญ่ ท่านกับอวี้อ๋องผู้นั้น รู้จักกันหรือเจ้าคะ”
“ข้า... เคยพบเขาครั้งหนึ่งตอนงานเลี้ยงในวัง ตอนนั้นเขาเข้ามาช่วยข้าเอาไว้ในอุทยานหลวง”
“ครั้งเดียว! พบแค่ครั้งเดียว ท่านก็ชอบเขาแล้วงั้นหรือ เช่นนี้มันจะไม่….”
“น้องพี่ เจ้ากำลังจะบอกว่าพี่รักคนง่ายหรือ”
“ไม่ใช่! คือว่า… หากท่านแต่งไปเมืองอวี้โจว ข้าก็จะไม่ได้พบท่านอีกแล้วงั้นหรือ”
“เด็กโง่ เจ้าเองก็โตแล้วนะ คิดว่าเราจะอยู่จวนเดียวกันตลอดไปเลยหรืออย่างไร ต่างคนต่างมีเส้นทางของตัวเอง ข้าเลือกแล้วว่า จะสมรสกับอวี้อ๋อง เจ้าเองก็ต้องเลือกคู่ครองด้วยเช่นกัน เรื่องแบบนี้สตรีเรามีโอกาสเพียงครั้งเดียว อวี้อ๋องเป็นหนึ่งในขุนพลที่แข็งแกร่งที่สุด เจ้าไม่ดีใจกับพี่หรอกหรือ”
“แต่ว่า…. แต่ว่า พี่ใหญ่ ท่าน ฮืออ….”
นางวิ่งเข้ามากอดพี่สาว ตั้งแต่เกิดมา ทั้งสองพี่น้องไม่เคยแยกจากกันเลยสักครั้ง ครานี้หากพี่สาวของนางต้องแต่งออกไปจริง ๆ เช่นนี้แล้ว….
‘แล้วข้าจะบอกพี่ใหญ่ว่าอย่างไร นางตกลงแต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว แล้วฉีอ๋องเล่า ทำอย่างไรดี’
“เอาล่ะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ฮูหยิน เรื่องสินเดิมกับวันตกฟาก อีกไม่กี่วันคงจะมีคนจากในวังมาจัดการ ที่เหลือก็ฝากเจ้าด้วยนะ”
“เจ้าค่ะท่านพี่ หลินเอ๋อร์แม่ดีใจกับเจ้าด้วยนะ”
“เจ้าค่ะท่านแม่”
“ช้าไปเสียแล้วสินะ จะทำอย่างไรดี”
“เยว่เอ๋อร์ เจ้าบ่นพึมพำอันใดกัน”
“เปล่าเจ้าค่ะท่านแม่ ไม่มีอะไร”
สีหน้าของคนทั้งบ้าน เมื่อทราบข่าวว่าจะมีงานมงคลใหญ่ในจวน ก็พากันยินดี จนฟางเยว่ไม่กล้าเอ่ยปาก แต่นางรับปากฉีอ๋องมาแล้ว อย่างไรก็ไม่อยากผิดคำพูด เรื่องนี้นางตัดสินใจเองไม่ได้ นอกจากจะให้พี่สาวนางตัดสินใจ
คืนนั้น
“พี่ใหญ่ ข้าเข้าไปได้หรือไม่”
“เจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้าจะคุยกับนางสักหน่อย”
“เจ้าค่ะคุณหนูใหญ่”
“เข้ามาสิเยว่เอ๋อร์”
ฟางเยว่เดินเข้ามาในห้องของพี่สาว เมื่อเห็นว่าสาวใช้เดินออกไป นางก็เข้ามานั่งข้าง ๆ ทันที รอยยิ้มของอันหลิน งดงามกว่าผู้ใดจริง ๆ เรื่องนี้นางมิอาจเทียบได้ ไม่แปลกที่ท่านอ๋องจะชื่นชมพี่สาวของนาง
“เป็นอะไรไปอีก เจ้านอนไม่หลับหรือ ถึงมาพี่ดึก ๆ เช่นนี้”
“พี่ใหญ่ ข้ามีเรื่องอยากจะบอกท่าน”
“มีอะไรหรือ พี่เห็นหน้าเจ้าแปลก ๆ ตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว ว่ามาเถอะ มีอะไรก็บอกพี่มา”
ฟางเยว่ตัดสินใจ ดึงจดหมายของฉีอ๋องออกมาจากปกเสื้อ และยื่นให้กับพี่สาวของนาง สีหน้าของอันหลิน ดูแปลกใจไม่น้อย
“นี่คือ….”
“จดหมายของพี่ตงหยาง เขาขอให้ข้าส่งให้ถึงมือท่านเจ้าค่ะ”