ตอนที่ 1 ฉีอ๋องแห่งซานโจว
จวนฉีอ๋อง / เมืองซานโจว / แคว้นฉิน
“ช้าก่อนขอรับคุณหนูกู้ ข้าน้อยยังมิได้ทูลท่านอ๋อง”
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าก็แค่นำขนมจากหอว่านเซียงมาให้เท่านั้น พอมอบให้เสร็จก็จะไปทันที เจ้าหลีกไปเถอะ”
ในจวนอ๋องที่เงียบสงบ ไร้ซึ่งผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้อง เพราะฉีอ๋องผู้นี้รักความสงบ ใช้ชีวิตสมถะ และไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองในราชสำนัก แม้ว่าเขาจะเคยออกทัพจับศึกมาก่อน
ผ่านมาเกือบสามปีแล้ว ที่ซานโจวไร้ซึ่งศึกสงคราม แต่กลับมีสตรีนางหนึ่ง ที่ยังใจกล้า บุกมาถึงตำหนักของเขาอยู่เสมอ นางคือบุตรีคนเล็กของเสนาบดี กู้ฮ่วน นามว่า “กู้ฟางเยว่”
“แต่ว่า…”
“อู่เกิง! ให้นางเข้ามาเถอะ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เสียงดุดันที่ดังออกมาจากด้านในห้องทรงงาน ของฉีอ๋อง องค์ชายเก้าแห่งซานโจว “เฉินตงหยาง” อนุญาตให้นางเข้ามา ฟางเยว่ถือโอกาสนี้ รับปิ่นโตเถาใหญ่จากสาวใช้ข้างกาย และเดินเข้าไปในห้องทรงงานท่านอ๋องทันที
“ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ”
“กล้าบุกเข้ามาถึงในจวนข้า โดยมิได้รับเชิญเช่นนี้ ยังอุตส่าห์มีมารยาทอีกงั้นหรือ ว่ามาเถอะ วันนี้เจ้ามีธุระอะไรอีก”
“หม่อมฉันมิได้มาก่อกวนนะเพคะ เพียงแค่อยากให้พระองค์ลองชิมขนมจากหอว่านเซียง ขนมนี้อร่อยมากจริง ๆ เหมาะสำหรับคนที่ทำงานหนัก ท่านเอาแต่ทำงานเช่นนี้ เมื่อใดจะได้พักเล่า ดูสิยุ่งจนคิ้วจะชนกันอยู่แล้ว”
เฉินตงหยางเงยหน้าขึ้นมามองสตรี ที่เอาแต่ตามติดเขาประดุจเงา นับตั้งแต่ปีที่นางครบอายุปักปิ่นเมื่อปีกลาย คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากนั้น ดรุณีน้อยที่ไม่ค่อยพูดอย่าง “กู้ฟางเยว่” กลับมาตามติดเขา จนทำให้องครักษ์และทหารในจวนต่างส่ายหน้า แต่นางก็ไม่เคยลดละความพยายาม จนเขาเริ่มชาชินเสียแล้ว
“เจ้าดูว่างเสียจริงนะกู้ฟางเยว่ บิดาของเจ้าเสนาบดีกู้ ยังไม่ได้หาคู่ครองออกเรือนให้เจ้าอีกหรือ”
“ท่านอ๋องไม่ต้องรีบร้อน พี่สาวของหม่อมฉันยังมิได้แต่งออกไป ข้าผู้เป็นน้องสาวไม่รีบถึงเพียงนั้น ลองชิมขนมก่อนเถิดเพคะ พักดื่มชาสักครู่เถิด”
เมื่อเห็นท่าทางกระตือรือร้นของนาง ฉีอ๋องกลับต้องยอมวางพู่กันหางกระต่าย ที่เขาถือค้างมาตั้งแต่ก่อนยามอู่ บัดนี้กลิ่นขนมและน้ำชาที่นางนำมามอบให้ ก็เริ่มส่งกลิ่นหอมทำลายสมาธิของเขาจนปั่นป่วน หากไม่ลิ้มลองสักนิด ก็คงรู้สึกเสียดาย
“นี่คือขนมที่เจ้าว่างั้นหรือ”
“เพคะ ข้าเลือกมาอย่างดีเลย มีแต่ของดี ๆ ทั้งนั้น แน่นอนว่าไม่มีไส้ถั่วเขียวที่ท่านแพ้ วางใจได้เลยเพคะ”
“พอเถอะ พูดธรรมดาก็เพียงพอแล้ว เหตุใดเจ้าจึงมาคนเดียว แล้ว… พี่สาวของเจ้าเล่า นางไม่มาด้วยหรือ”
ฟางเยว่ชะงักไปเล็กน้อย เมื่อท่านอ๋องเอ่ยถามถึง “กู้อันหลิน” พี่สาวของนาง ฉีอ๋องกับพี่สาวนาง เคยพบกันเมื่อครั้งตอนพี่สาวนาง ยังร่ำเรียนดีดพิณอยู่ในวังหลวง เวลานั้นฟางเยว่เคยติดตามเข้าวังไปกับพี่สาว จึงได้มีโอกาสพบกับเขา ซึ่งยังเป็นเพียงองค์ชายเก้าอยู่ นางก็เริ่มหลงรักเขาทันที เพราะรอยยิ้ม และความอ่อนโยนของเขา
“วันนี้เห็นว่า พี่ใหญ่ต้องเข้าวังเพคะ”
“เข้าวังงั้นหรือ เพราะเหตุใดกัน”
“เรื่องนี้ข้าก็ไม่ทราบ ท่านพ่อพานางออกไปจากจวนตั้งแต่เช้า ข้าก็เลยตื่นเช้าไปด้วย ก็เลยไปแวะซื้อขนมมาให้ท่านได้นี่อย่างไรเล่าเพคะ”
“ข้าจะไปสั่งให้คนชงชามาเพิ่มอีกหน่อย รออยู่นี่นะ”
“เพคะ”
ฟางเยว่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ขอเพียงแค่เขาไม่ไล่นางไป เท่านี้ก็ดีใจมากแล้ว ฉีอ๋องผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องความเย็นชา เขาพูดน้อยและไม่ค่อยสนใจผู้อื่น วัน ๆ เอาแต่อ่านตำรา และเก็บตัวอยู่ในจวน
หากไม่มีงานสำคัญใด ๆ ก็จะไม่ออกไปที่ใด นอกจากว่าราชการที่กรมคลัง ซึ่งเขาเป็นผู้ดูแลอยู่ เมื่อนางเห็นท่านอ๋อง เดินไปกระซิบกับองครักษ์ที่อยู่หน้าประตู และพูดออกมาเสียงดังว่า ให้ไปเตรียมน้ำชาเพิ่ม ฟางเยว่ก็รู้ทันที
“ไม่พ้นคงให้คนไปตามสืบสินะว่า พี่ใหญ่ของข้า เข้าวังเพราะอะไร”
นางรู้ตัวดี ฉีอ๋องผู้นี้ชื่นชมพี่สาวของนางมานาน แต่เขาก็ไม่ออกตัวและไม่เคยทาบทามเรื่องนี้ กับกู้อันหลินเลยสักครั้ง ที่เขาต้อนรับนาง ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะว่า นางเป็นน้องสาวของกู้อันหลินนั่นเอง
“เจ้ามาเหนื่อย ๆ กินเยอะ ๆ หน่อยนะ”
"ขอบพระทัยท่านอ๋อง"
“บอกแล้วว่าให้เรียกข้าว่า พี่ตงหยางมิใช่หรือ”
“เพคะ ขอบคุณพี่ตงหยาง”
“ว่าแต่เจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่า เหตุใดบิดาของเจ้า จึงต้องพาอันหลินเข้าวังในเวลานี้”
‘เริ่มแล้วสินะ เขาอยากรู้เรื่องของพี่ใหญ่จริง ๆ ด้วย ช่างเถอะอย่างน้อยเขาก็ไม่ไล่ข้า’
“เรื่องนี้จะว่าไปก็แปลก ข้าเห็นพี่ใหญ่เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องมาหลายวัน ชวนไปไหนก็ไม่ไป มีแค่วันนี้ที่ท่านพ่อสั่งให้นางเข้าวัง หรือว่าท่านพ่อจะจัดการเรื่องงานแต่งให้พี่ใหญ่ของข้ากันนะ”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ!”
แคก แคก
“เอ่อ กู้ฟางเยว่ เป็นอย่างไรบ้าง ขอโทษด้วยข้า…”
ฟางเยว่ถึงกับสำลัก เพราะเขาตะคอกเสียงดังขึ้นมา นางรีบรับน้ำมาดื่ม เพื่อไล่เศษขนมลงไปอย่างรวดเร็ว
“เหตุใดท่านต้องตกใจด้วย เรื่องเช่นนี้มันมิใช่เรื่องธรรมดาหรอกหรือ ท่านพ่อจัดการเรื่องหมั้นหมาย และการแต่งงานให้บุตร มีสิ่งใดไม่ถูกต้องกัน”
“ไม่ถูกสิ จะถูกได้เช่นไร”
“พี่ตงหยาง ท่านพูดอะไรน่ะ”
สีหน้าของท่านอ๋อง เคร่งขรึมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่พอใจและเริ่มโมโห เมื่อนางพูดถึงเรื่องนี้
“การแต่งงานต้องเริ่มจาก คนสองคนที่มีใจตรงกัน นี่สิถึงจะถูก”
“ที่ท่านพูดมันก็ถูก แต่ข้าก็ไม่เห็นว่า พี่ใหญ่ของข้าจะสนิทสนมกับใคร นอกจากท่านกับเหล่าองค์ชายที่เคยพบเจอในวัง สหายพี่ใหญ่ก็มีแค่สตรีที่เป็นบุตรขุนนางฝ่ายในเท่านั้นเอง”
“ที่เจ้าพูดมา เป็นเรื่องจริงหรือ”
“พี่ตงหยาง นี่ท่านคงไม่คิดที่จะ… ขัดขวางเรื่องงานแต่งงาน ของพี่สาวข้าหรอกใช่หรือไม่”
ท่านอ๋องนิ่งไปทันที เมื่อหันมามองสีหน้าที่ผิดหวังของฟางเยว่ เขาพูดไม่ออก และไม่รู้ว่าควรจะคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ และยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่
“ช่างเถอะ ยังไม่มีข่าวอะไรออกมา น้ำชามาแล้ว เจ้าก็รีบกินเถอะ เดี๋ยวข้าจะให้คนไปส่งที่จวน”
“ไม่ต้องหรอกเพคะ ข้าก็แค่แวะเอาขนมอร่อย ๆ มาให้ท่านเท่านั้น เสร็จแล้วก็จะกลับเลย ข้าเอารถม้ามาเอง”
“เช่นนั้นก็ได้”
“ท่านไม่กินแล้วหรือ”
นางเอ่ยถาม เมื่อเห็นหน้าของเขา ที่เหมือนจะกลืนสิ่งใดไม่ลง แม้ว่าอาหารตรงหน้าจะน่ากินสักเพียงใด ไม่ต่างกับนาง ที่พยายามตามตื๊อเขามาเกือบสองปี แต่เขากลับไม่เคยมองเห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“พี่ตงหยาง ข้าอยากถามอะไรท่าน สักอย่างได้หรือไม่”
“เจ้าจะถามอะไร ข้ายังมีงานอื่นต้องทำอีก มีอะไรก็รีบถามมา”
น้ำเสียงของเขาเริ่มเย็นชาขึ้น เมื่อฟางเยว่เอ่ยขึ้นเช่นนี้
“ช่างเถอะ ข้าไม่ถามดีกว่า หากท่านจะทำงานต่อ ข้าก็ไม่รบกวนแล้ว ขอตัวกลับก่อนเพคะ”
เมื่อนางลุกขึ้น ในช่วงเวลาสุดท้ายนั้นเอง ท่านอ๋องก็เดินเข้ามาจับแขนนางเอาไว้ และดึงเข้ามาจนเกือบชิดตัว กายดรุณีที่พึ่งเป็นสาวเต็มตัว เริ่มรู้สึกวูบวาบแปลก ๆ หัวใจเต้นแรงดุจกลองเพล เพราะดวงตาคู่นั้นของเขา
“พี่ตงหยาง ท่าน….”
“กู้ฟางเยว่ ข้าอยากจะพบพี่สาวของเจ้า เป็นการส่วนตัวสักครั้ง เจ้าจะช่วยข้าให้สมปรารถนาได้หรือไม่”