ตอนที่ 4 นางไม่มาอีกเลยงั้นหรือ
“เอ่อ…. ข้ามิได้”
เขากำลังจะเอ่ยปาก เจ้าบ่าวในงานก็เดินเข้ามา เพื่อจะดื่มกับเขา เมื่อหันกลับไป กู้ฟางเยว่ก็ไม่อยู่แล้ว
“พี่เก้าขออภัยด้วย ข้ายังไม่ได้ดื่มกับพระองค์เลย”
“เยี่ยนหรงเจ้าอย่าได้เกรงใจ มาเถอะ ข้าขอดื่มอวยพรให้เจ้า”
ฉีอ๋องจำได้ว่าดื่มไปหลายจอก เพื่อจะรอพบกับกู้ฟางเยว่ แต่ดูเหมือนว่า นางจะไม่ปรากฏตัวอีกเลยหลังจากนั้น เขาจึงได้กลับจวนไปหลังจากที่ส่งตัวเจ้าบ่าวเข้าห้องหอ
สามวันถัดมา
หลังจากพิธีสมรสที่จวนสกุลกู้ ผ่านไปแล้วสามวัน เขาก็ยังไม่เคยพบกับกู้ฟางเยว่อีกเลย นี่เป็นเรื่องน่าแปลกสำหรับเขา เพราะปกติแล้ว ฟางเยว่จะมาหาเขาก่อนยามอู่ (12.00 น.) ทุกวัน แต่ว่านับจากที่นางทะเลาะกับเขาที่จวน ก่อนงานแต่งพี่สาวของนาง เขาก็ไม่เคยได้เจอหน้าฟางเยว่อีกเลย
“นี่มันแปลกเกินไปหรือไม่ นางไม่มาอีกเลยงั้นหรือ”
“ท่านอ๋อง นี่เป็นตำราที่พระองค์สั่งให้กระหม่อมรื้อออกมาพ่ะย่ะค่ะ”
“เอาวางไว้ตรงนั้นแหละ จริงสิอู่เกิง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ขนมร้าน…”
“พระองค์หมายถึง หอว่านเซียงหรือพ่ะย่ะค่ะ”
"ใช่ ที่นั่นแหละ พรุ่งนี้ให้คนไปซื้อมาให้ข้าที"
“รับทราบพ่ะย่ะค่ะ”
วันถัดมา ท่านอ๋องถึงได้ทราบว่า กว่าจะซื้อขนมของหอว่านเซียงได้นั้นไม่ง่ายเลย เพราะอู่เกิงบอกว่า สาวใช้ไปตอนเช้า และต้องไปยืนต่อแถวรอเกือบสองชั่วยาม กว่าจะได้ซื้อขนมมาได้ และได้มาไม่ครบ เพราะคนที่มาถึงก่อน ซื้อไปเกือบหมดแล้ว
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ครั้งก่อนกู้ฟางเยว่เอามาให้ข้า มีขนมหลากหลายมากกว่านี้”
“เกรงว่าคุณหนูกู้คงจะ… ไปนั่งรอตั้งแต่เช้ามืด ถึงได้เข้าไปซื้อคนแรก ๆ พ่ะย่ะค่ะ เพราะปกติแล้วร้านนี้ หากไปตอนร้านเปิด กว่าจะได้ขนมออกมา ก็ช่วงบ่ายแล้ว”
“ขนมอะไรกัน เหตุใดจึงซื้อยากขนาดนั้น นี่นาง… รอหลายชั่วยามเพียงเพื่อจะซื้อขนมนี้มาให้ข้าหรือ”
ยิ่งรู้เช่นนี้ ในพระทัยท่านอ๋องก็ยิ่งรู้สึกผิด จนกระทั่งงานเลี้ยงในวัง ซึ่งจัดเพื่อฉลองพิธีอภิเษก เลี้ยงส่งให้กับอวี้อ๋อง และพระชายาสกุลกู้
“จากนี้ไปขอให้พวกเจ้าทั้งสอง จงพบแต่โชคดี มีลูกหลานเต็มเมือง”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ / เพคะ"
“เอาล่ะทุกคน คืนนี้กินดื่มกันให้เต็มที่”
""ขอบพระทัยฝ่าบาท ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี""
งานเลี้ยงเริ่มขึ้นหลังจากนั้น คู่บ่าวสาวดูเหมือนจะหวานชื่นกว่าที่คิด ทั้งคู่เดินมารับแขก และพูดคุยกับคนที่เข้ามาร่วมงาน ทั้งองค์หญิงองค์ชาย ขุนนางและคนรู้จัก ฉีอ๋องมีโอกาสได้แสดงความยินดีกับทั้งคู่เพียงเล็กน้อย
“ยินดีกับพวกเจ้าทั้งคู่ด้วย เยี่ยนหรงเอาไว้โอกาสหน้า หากได้ไปที่อวี้โจว ข้าจะต้องแวะไปดื่มกับเจ้า”
“พี่เก้าเกรงใจเกินไปแล้ว ข้าเป็นเพียงญาติผู้น้อง ไฉนเลยจะเสียมารยาท แต่หากท่านไปเยือนจริง ๆ ข้ากับหลินเอ๋อร์ย่อมยินดีต้อนรับ”
“ข้าต้องมีโอกาสไปแน่นอน ว่าแต่วันนี้… เหตุใดจึงไม่เห็นคุณหนูรองกู้เลยเล่าพระชายา”
“พระองค์ทรงหมายถึงเยว่เอ๋อร์หรือเพคะ นางน่าจะอยู่กับท่านแม่นะเจ้าคะ ทางนั้น เอ๊ะ นั่นผู้ใดกำลังคุยอยู่กับเยว่เอ๋อร์กัน ข้าไม่คุ้นเลย”
ทั้งสามคนหันไปมอง เมื่อกู้อันหลินเอ่ยขึ้นมา อวี้อ๋องคุ้นตาบุรุษหนุ่มคนนั้น เพราะเขาพึ่งมีโอกาสได้รู้จักไม่นานมานี้เอง
“น่าจะเป็นบุตรใต้เท้าจ้าว กรมขุนนางนะ”
“อะไรนะ เยี่ยนหรงเจ้ารู้จักเขาด้วยหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ ในงานแต่งบิดาของเขาใต้เท้าจ้าวหลาง พาบุตรชายมาแนะนำให้รู้จัก บอกว่าอีกไม่นาน “จ้าวสือเยี่ยน” จะย้ายไปประจำที่อวี้โจว”
“ว่าอย่างไรนะ จะย้ายไปแล้ว เหตุใดต้องคุยกับกู้ฟางเยว่ อย่างสนิทสนมเช่นนั้นด้วย”
“เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่ทราบ”
ฉีอ๋องหันไปมองทั้งคู่ ที่ยืนคุยกันอยู่บริเวณหน้าโถงทางเข้า แม้ว่าจะมีกู้ฮูหยินยืนอยู่ด้วย แต่เฉินตงหยางกลับเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา และกลับมานั่งดื่มสุราที่ของตัวเอง
“ท่านอ๋อง หากดื่มมากจะเมาเอานะพ่ะย่ะค่ะ”
“ช่างข้าเถอะ หึ! ทำเป็นไม่สนใจข้ามาเสียหลายวัน ที่แท้ก็เพราะมีเป้าหมายใหม่นี่เอง”
“ท่านอ๋องทรงตรัสอะไรนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ไปเอาสุรามาให้ข้าเพิ่ม”
"แต่ว่า…"
“ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ”
“เจ้าเป็นใครกัน”
“หม่อมฉัน…หลี่ชิงชิง เป็นบุตรีของ….”
“ไปให้พ้น ข้าจะดื่มสุรา”
“ขออภัยเพคะ”
“เดี๋ยวก่อน!”
“เพคะท่านอ๋อง”
“เอาผ้าเช็ดหน้าของเจ้ากลับไปด้วย อย่ามาวางเกะกะที่โต๊ะของข้า”
หลี่ชิงชิง รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองขึ้นมาทันที ไม่คิดเลยว่าฉีอ๋องที่ขึ้นชื่อเรื่องความเย็นชา นอกจากจะไม่ค่อยพูดกับผู้ใดแล้ว เขายังไม่ไว้หน้าใครอีกด้วย กู้ฟางเยว่หันไปเห็นตอนที่หลี่ชิงชิง กำลังเดินเข้าไปหาเขาพอดี
“อย่างไรก็เป็นถึงท่านอ๋อง ไม่ขาดแคลนสตรีอยู่แล้วสินะ นางช่างโง่จริง ๆ ไปหาเขาเวลาเช่นนี้ หากไม่ถูกไล่ก็คงแปลก หึ! คิดเอาไว้ไม่มีผิด”
“เยว่เอ๋อร์ เจ้ากำลังมองอะไรอยู่หรือ นั่น… ฉีอ๋องไล่สตรีผู้นั้น ตายจริงเหตุใดจึงรุนแรงเช่นนั้นกันเล่า”
“ท่านแม่อย่าไปสนใจเขาเลย ท่านพึ่งจะรู้จักฉีอ๋องหรือเจ้าคะ เขาก็เป็นเช่นนี้มานานแล้ว ไม่เคยไว้หน้าผู้ใด เพราะในใจของเขา มีคนอื่นอยู่แล้ว”
“จริงหรือ ฉีอ๋องที่เย็นชา เกรี้ยวกราดเช่นนั้น รักใครเป็นด้วยหรือ ไม่น่าเชื่อเลยนะ”
“คุณหนูกู้ ข้านำผลไม้มาให้ เจ้าลองชิมสิ องุ่นนี้หวานมากเลย”
“ขอบคุณเจ้าค่ะคุณชายจ้าว แต่ว่าข้าอิ่มแล้วจริง ๆ เจ้าค่ะ เชิญท่านตามสบาย”
“น่าเสียดาย ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะชอบ”
จ้าวสือเยี่ยน เริ่มยกของมาให้นางกินดื่ม เขารู้สึกสนใจนาง ตั้งแต่เห็นที่งานแต่งของอวี้อ๋อง จึงบอกบิดาว่า อยากจะทาบทามสู่ขอนาง ทั้งสองคนยังอยู่ร่วมวงสนทนาเดียวกัน เมื่อฟางเยว่หันไปมองฉีอ๋อง สายตาของเขาก็หันมาจ้องนางพอดี สายตานั้นดุดันเต็มไปด้วยความโกรธ ไม่ต่างกับวันที่นางทะเลาะกับเขาในจวน
“ท่านแม่เจ้าคะ ลูกขอไปเดินเล่นรับลมสักครู่นะเจ้าคะ”
“ให้ข้าไปเป็นเพื่อนดีหรือไม่”
“ไม่ต้องเจ้าค่ะ ข้าอยากไปคนเดียว ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
“รีบไปรีบมาเล่า ในวังหลวงอย่าเดินมั่ว เดี๋ยวจะหลง”
"ทราบแล้วเจ้าค่ะ"
ฟางเยว่รู้สึกอึดอัดกับสายตาของฉีอ๋อง นางไม่รู้ว่า ไปทำอะไรให้เขาโกรธอีก เรื่องที่เขาถูกกู้อันหลินปฏิเสธ นั่นมิใช่ความผิดของนางเสียหน่อย นางเคยพูดไปแล้วว่า คนที่ตัดสินใจไม่ไปพบเขา ก็คือกู้อันหลิน
“หายใจแทบไม่ออก ใจเย็น ๆ หน่อยเถิดกู้ฟางเยว่ เจ้าเป็นบ้าอะไร เขาก็แค่มองไปทั่วงาน และโกรธทุกคนเพราะยังทำใจไม่ได้ต่างหากเล่า ถึงกับไล่สตรีผู้นั้นออกไปอย่างไม่ไว้หน้า ช่างหยาบคายยิ่งนัก ไม่ต่างกับที่ทำกับข้าเลย”
นางสังเกตดูจากสีหน้า และท่าทางของเขาในวันนี้ ซึ่งดูมิได้อยากมาร่วมงานเลี้ยงนี้เท่าใดนัก แล้วยังเอาแต่นั่งดื่มอย่างเดียว ไม่สนใจว่าผู้ใดจะเข้าไปทักทายด้วยซ้ำไป เมื่อหันไปมองทางหน้าห้องโถง นางก็เห็นจ้าวสือเยี่ยน กำลังเดินออกมา ซึ่งตอนนี้นางยังไม่อยากพบเขา
“ให้ตายเถอะ เหตุใดจึงตามออกมาอีกเล่า”
ฟางเยว่รีบเดินเลี่ยงกลับไปทางห้องรับรองด้านข้าง นางยังไม่อยากพบกับจ้าวสือเยี่ยนในตอนนี้ แค่ยืนคุยในห้องโถงเพียงครู่เดียว ก็รู้สึกหงุดหงิดมากแล้ว ตอนนี้จ้าวสือเยี่ยน เริ่มเดินถามผู้คนที่เดินไปมารอบ ๆ ว่า เห็นกู้ฟางเยว่บ้างหรือไม่ ทำเอาคนที่ยืนหลบมุมอยู่รู้สึกอึดอัด
“ให้ตายเถอะ เหตุใดจึงได้ตามติดเช่นนี้นะ น่ารำคาญยิ่งนัก ไปที่ไหนดีเล่านี่ แล้วที่นี่คือที่ไหนล่ะ มืดขนาดนี้มองอะไรไม่ชัดเลยสักนิด”
นางรู้สึกว่าตัวเองเริ่มหลงทางเสียแล้ว หลังจากที่เดินหลบจ้าวสือเยี่ยนไปเรื่อย ๆ ไม่คิดเลยว่าวังหลวงเวลากลางคืน จะมองแทบไม่เห็นอะไรเลย
“ช่างเถอะ ไปสูดอากาศสักหน่อยคงจะช่วยได้… เดี๋ยวก็คงกลับไปที่เดิมได้เอง อุ๊บ!!”