ตอนที่ 5 หากคุยไม่จบ ก็ห้ามออกไป
มือเย็นคู่หนึ่งรวบนางจากด้านหลัง อีกมือหนึ่งปิดปากนาง เขามีแรงเยอะมาก เพราะสามารถยกตัวนางทั้งตัว เข้าไปในห้องด้านในตำหนักได้ ซึ่งตอนนี้ฟางเยว่ไม่รู้แล้วว่า ถูกนำเข้ามาที่ไหน
“ปล่อยข้านะ!”
“กู้ฟางเยว่ ข้าเอง”
นางหันไปมองตามเสียง แม้จะเป็นในความมืด ที่มีเพียงแสงจากดวงจันทร์กลมโตบนท้องฟ้า สาดเข้ามาในห้อง
“ท่านอ๋อง เหตุใดจึงเป็นท่าน”
“ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า”
“แต่ว่าข้าไม่มีอะไรจะคุยกับท่าน ข้าเคยบอกไปแล้วว่า ส่งจดหมายนั่นให้พี่สาวไปแล้ว แต่ว่านางไม่อยากพบท่าน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า ท่านเลิกโกรธข้าเสียที และเลิก…เฮือก!”
เขาดึงนางเข้ามาจนประชิดตัว เพื่อมิให้นางพูดมาก
“ท่านจะทำอะไรน่ะ”
“ข้าต่างหากที่ควรจะถามเจ้าว่า เหตุใดจึงไม่หายโกรธข้าเสียที ทำไมต้องทำเมินเวลาที่พบข้าด้วย”
“ข้าเปล่า ปล่อยข้านะ”
“ปล่อยหรือ คืนนี้ดูเจ้าจะมีความสุขมากสินะ”
“เจ็บนะท่านอ๋อง หากท่านไม่ปล่อย ข้าจะเรียกให้คนช่วย”
“ก็เอาสิ ข้าอยากจะรู้นักว่า ผู้ใดกล้าก้าวเข้ามาในตำหนักของข้า”
“ว่าอย่างไรนะ ที่นี่คือ…”
“ถูกต้อง นี่เป็นตำหนักของข้า คืนนี้พวกเจ้าก็พักในวังมิใช่หรือ กู้ฟางเยว่ ข้า….”
เสียงเอะอะข้างนอก ทำให้ท่านอ๋องต้องอุ้มนางเข้ามาในห้อง และปิดประตูทันที จ้าวสือเยี่ยนเดินตามหานางมาจนถึงที่นี่
“ขออภัยพี่ชาย พวกท่านเห็นคุณหนูกู้ เดินหลงมาแถวนี้หรือไม่”
“คุณชาย แถวนี้เป็นเขตตำหนักของฉีอ๋อง ไม่มีผู้ใดเดินเข้ามาหรอก ท่านลองไปตามหาด้านนอกเถิด”
“อื้อ…”
ท่านอ๋องปิดปากนางเอาไว้ ฟางเยว่ในตอนนี้ ไม่แน่ใจว่าเขาต้องการจะทำอะไร แต่นางเริ่มกลัวแล้ว เพราะครั้งสุดท้ายที่ทะเลาะกับเขา ทำให้นางตัดสินใจว่า จะเลิกยุ่งกับฉีอ๋องผู้นี้อย่างเด็ดขาด
“หากเจ้ากล้าส่งเสียง รับรองว่าข้าจะทำให้เจ้านั่น ต้องเลิกตามติดเจ้าไปชั่วชีวิต เจ้าอยากจะลองหรือไม่”
เสียงขู่ที่น่าขนลุกดังอยู่ข้างหู นางได้กลิ่นสุรามาจากตัวเขา ดูเหมือนว่าฉีอ๋องจะเมาเสียแล้ว เขาดื่มมามากเท่าใดกันแน่ เสียงของจ้าวสือเยี่ยนเดินกลับออกไปแล้ว เขาจึงปล่อยนาง
“ปล่อยข้านะ”
“เจ้าจะไปไหน”
“ข้าจะกลับไปที่งานเลี้ยง”
“ฝันไปเถอะ หากยังคุยกับข้าไม่จบ เจ้าก็ห้ามออกไป”
"ท่านอ๋อง! นี่มันจะเกินไปแล้วนะเพคะ"
“เจ้าต่างหากที่ทำเกินไป กู้ฟางเยว่ เหตุใดหลายวันมานี้ ถึงได้เมินข้าเช่นนี้ ยังโกรธข้าอยู่งั้นหรือ”
“ข้าน่ะหรือโกรธท่าน ท่านอ๋องเพคะ ผู้ใดในเมืองซานโจวนี้ จะกล้าโกรธท่านหรือเพคะ”
“เช่นนั้นเจ้ากับเจ้านั่นเป็นอะไรกัน สนิทกันมากถึงขนาดไหน ถึงได้เดินตามเจ้าทั่ววังหลวงเช่นนี้”
กู้ฟางเยว่เริ่มไม่มั่นใจแล้วว่า ท่านอ๋องต้องการจะถามอะไรกันแน่ เหตุใดจู่ ๆ ก็ถามถึงจ้าวสือเยี่ยน
“ท่านจะอยากรู้ไปทำไมกัน”
“เขาชอบเจ้างั้นหรือ”
“ข้าไม่ทราบ”
“แล้วเจ้าชอบเขาหรือไม่”
“ท่านอ๋องเพคะ เรื่องนี้…อื้อ”
เขาเดินเข้ามาบีบแก้มนาง ด้วยความโมโห ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัวว่า เหตุใดจึงโกรธนัก เมื่อเห็นมีชายอื่นยืนคุยกับนาง โดยที่ตัวกู้ฟางเยว่เอง ก็ไม่ได้สนใจเขา
“ปล่อยนะ”
“ข้าจะถามอีกครั้ง เจ้ากับเขาเป็นอะไรกัน”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน อย่าลืมสิว่าท่านรักใคร ข้าไม่ใช่ตัวแทนนาง ดังนั้นปล่อยข้าไปได้แล้ว”
“นี่เจ้าคิดว่า ข้าทำไปเพราะเห็นเจ้าเป็นแค่ตัวแทนงั้นหรือ”
“หลีกไป มิเช่นนั้นข้าจะเรียกคน…. อื้อ”
ริมฝีปากที่มีกลิ่นสุราดอกท้อ ประกบลงมาบดขยี้ริมฝีปากอวบอิ่มของนางทันที ฟางเยว่รู้สึกราวกับริมฝีปากถูกบด เขากอดนางแน่น ครั้งหนึ่งเคยวาดฝันเอาไว้ ว่าจะได้จูบเขาสักครั้ง แต่คิดไม่ถึงเลยว่า จะเป็นสถานการณ์เช่นนี้
“ท่านอ๋องปล่อยข้านะ ท่านเมาแล้ว ตั้งสติสิ โอ๊ย!”
เขาก้มลงกัดที่ไหล่ของนางทันที และเงยหน้าขึ้นมา สบตานางอีกครั้ง
“เจ้าต่างหากที่ต้องตั้งสติ มองหน้าข้าสิฟางเยว่ ข้าไม่ได้เมา สุราเพียงไม่กี่จอก ไม่ทำให้ข้าเมาได้หรอก”
“ท่านทำเช่นนี้ไปทำไมกัน”
“เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามข้า จ้าวสือเยี่ยนผู้นั้นคิดจะทำอะไร เหตุใดจู่ ๆ เจ้าก็สนิทกับเขามากกว่าข้า แล้วยังเอาแต่เดินตามหาเจ้าไปทั่วเช่นนี้ พูดสิ!”
“ข้าไม่รู้! ท่านปล่อยข้าก่อน ข้าหายใจไม่ออก”
นางผลักเขาอย่างแรง และเดินหนี ท่านอ๋องเดินตามมาและโอบรัดนางจากด้านหลังอีกครั้ง
“อย่าไปนะ! อย่าไป ฟางเยว่ คุยกับข้าก่อนได้โปรด”
เสียงสั่นเครือของเขา ทำให้นางใจอ่อนยวบลงในทันที นี่เขาเป็นอะไรไป นางไม่เคยเป็นท่านอ๋องเป็นเช่นนี้มาก่อน
“ท่านอ๋อง…”
"ข้าขอโทษ ข้าผิดไปแล้ว ข้าทำร้ายเจ้ามาโดยตลอด ข้าขอโทษ"
“ท่านกำลังขอโทษข้า เรื่องอันใดกัน”
“ทุกเรื่อง ทุกอย่างที่เคยทำ ข้าทำร้ายเจ้า ทั้งทะเลาะกับเจ้าเรื่อง… ข้าพลั้งมือผลักเจ้า ข้าขอโทษ”
เขาไม่อยากเอ่ยชื่อของกู้อันหลิน จนถึงป่านนี้เขาพึ่งจะเข้าใจ คนที่เขาชอบจริง ๆ ไม่ใช่กู้อันหลิน แต่เป็นนางต่างหาก เขาเคยชินกับการที่มีฟางเยว่เข้ามาวุ่นวายในจวน และวนเวียนอยู่รอบตัวเขา จนวันที่นางหายไป เขาก็พึ่งจะรู้ตัวว่า ใครกันแน่ที่เขาต้องการ
“ฟางเยว่เจ้าฟังข้า”
“ท่านเมาแล้วท่านอ๋อง ข้าต้องรีบกลับไปที่ห้องโถง”
“ไม่! อย่าไป ข้าไม่ให้เจ้าไปฟางเยว่”
“ท่านกำลังคิดอะไรอยู่ นี่ท่านกำลังสับสน ได้โปรดเถิดเพคะท่านอ๋อง ปล่อยข้า อย่า…”
เขาปล่อยนางไปไม่ได้ หากปล่อยนางไปวันนี้ ก็ไม่รู้ว่าอีกเมื่อใด ที่ฟางเยว่จะยอมพบเขาอีก ตอนนี้เขาต้องการให้นางเข้าใจ แม้ว่าจะช้าเกินไป ก็ไม่อยากเสียนางไป
“ท่านอ๋องปล่อยข้า กรี๊ด!”
ฝนข้างนอกเริ่มตกลงมา ตอนนี้ในห้องโถงคงกำลังวุ่นวาย ท่านอ๋องอุ้มนางไปที่ห้องนอนชั้นสอง ฟางเยว่หมดแรงจะต้านทาน นางเองก็ดื่มมานิดหน่อยเช่นกัน
“ปล่อยข้าเถอะเพคะ ได้โปรด”
“ไม่ ข้าปล่อยเจ้าไปให้เจ้านั่นไม่ได้ ไม่มีทาง”
“อย่านะเพคะท่านอ๋อง ท่านจะทำอะไร อื้อ…. ท่าน พี่ตงหยาง ได้โปรด อ๊ะ อื้อ”
จูบครั้งแล้วครั้งเล่า ถูกส่งมาให้นาง ทั้งบดขยี้ ต้องการร้องขอ ปรารถนา ฟางเยว่เริ่มอ่อนแรง และคล้อยตามเขา ไม่นานจูบนั้นก็เริ่มอ่อนโยนลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่างบางถูกวางลงที่เตียงนุ่ม
“ฟางเยว่…. อาา….”
เขายังคงไม่ลดละ ริมฝีปากยังคงวนอยู่ที่พวงแก้ม และซอกคอของนาง ฟางเยว่โอบรอบคอเขาไว้แน่น แม้จะรู้ว่าผิดที่ ผิดเวลา แต่นางกลับพ่ายแพ้แรงปรารถนาในใจของตัวเอง นางรักเขา รักมานานกว่าสองปี
“ท่านอ๋อง…”
“เรียกนามของข้าสิฟางเยว่ เรียกสิ"
นางสบตาเขาอีกครั้ง หากขัดขืนตอนนี้ อย่างไรก็คงไม่รอดพ้นไปได้ นางจะลองขอร้องเขาดูอีกครั้ง
“พี่ตงหยาง ท่านตั้งสติก่อน ข้าไม่ใช่นาง”
“ข้าก็ไม่เคยคิดว่าเจ้าคือนาง เลิกพูดถึงคนอื่นเสียทีฟางเยว่ ข้าไม่อยากได้ยิน”
“แต่ว่า อื้อ…อื้อ”
จูบที่บดขยี้ราวกับจะตอกย้ำว่า เขามิได้เข้าใจผิด ทำให้ฟางเยว่ใจอ่อนยวบลงในทันที นางจะยอมแค่เพียงค่ำคืนนี้เท่านั้น เพราะที่นี่คือตำหนักของเขา ซึ่งไม่มีทางออกไปได้ หากเขาไม่อนุญาต และหัวใจของนาง ก็เรียกร้องเขามาโดยตลอด
“ฟางเยว่ เจ้าเป็นของข้า… ของข้าเท่านั้น”
“อ๊ะ! พี่ตงหยาง”
พรึด!
ชุดของนางถูกเขาดึงออกทีละชิ้น โดยไม่สนใจ บัดนี้แม้แต่ชุดของเขาก็ถูกกระชากออกจากตัวอย่างไม่ไยดี รูปร่างกำยำของบุรุษหนุ่ม ที่ปรากฏตรงหน้า ทำให้ฟางเยว่อ่อนระทวย ราวกับจะหลอมละลายเสียให้ได้ แรงปรารถนาในตัวนางถูกปลุก จนบัดนี้คงต้านทานไม่ไหว
“ฟางเยว่ กอดข้าสิ”
“ไม่”
“เช่นนั้นข้าจะกอดเจ้าเอง”
เพียงแค่จูบจากเขา นางก็ไม่สามารถปฏิเสธสิ่งใดได้อีก อาภรณ์ชิ้นแล้วชิ้นเล่า ถูกเขาดึงออกไปจนเกือบหมด ไม่นานสองร่างก็แทบจะไร้ซึ่งสิ่งปกปิดกาย เขายังคงพรมจูบไปทั่วร่างของนาง ด้วยความทะนุถนอม ราวกับกลัวจะทำให้คนใต้ร่างเจ็บปวดอีก
“งดงามยิ่งนัก”
“อื้อ…ไม่นะ! อ๊าาา….”