ตอนที่4
“ครั้งนี้ ผมเห็นจะต้องขอร้องเป็นกรณีพิเศษ”
คำรพตีหน้าชวนสงสารเข้าไว้ เขารู้ว่ามิตรสินีเป็นคนเห็นใจคน แม้ภายนอกจะดูเป็นคนแข็งๆ
“นะครับ คุณมิ้ม ถือว่าช่วยผมสักครั้ง ไม่อย่างนั้นผมอาจต้องเลิกทำร้านอาหาร ไปขายโรตี ไม่ก็เข็นซาเล้งรับซื้อของเก่าก็คราวนี้”
มิตรสินียังตีหน้าเคร่ง หล่อนพยายามจะไม่หัวเราะออกมาเพราะขันสีหน้าสีตาของคนที่อาจต้องเปลี่ยนอาชีพ
“ยิ่งใหญ่มากเลยหรือคะ แขกรายนี้ เห็นทุกครั้ง เวลามีเรื่องแบบนี้คุณรพจัดการได้เสมอ ไม่เห็นเคยมากวนใจมิ้มสักที นี่อะไร ทำท่าสั่นงันงก คงไม่ใช่พวกนักการเมืองที่มักจะคิดว่าตัวเองใหญ่คับฟ้า ชอบแสดงเดชอำนาจอวดศักดาหรอกนะคะ”
“ถ้าเป็นนักการเมืองอย่างคุณมิ้มว่า” คำรพทำเสียงละห้อยละเหี่ย “ต่อให้รัฐมนตรีด้วยเอ้า ผมก็คงจัดการได้ เพราะพวกนี้กลัวนักข่าว แต่รายนี้... ผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่ากลัวอะไร เลยไม่รู้จะหาทางแก้ไขยังไง นะครับ...ช่วยผมหน่อย ผมไหว้ล่ะ”
ถึงคำรพจะไม่ได้ไหว้จริง แต่มิตรสินีก็อดค้อนไม่ได้
“อยากให้มิ้มอายุสั้นหรือไง ถึงจะมาไหว้ คุณรพน่ะแก่คราวน้าคราวอามิ้มแล้วนะคะ”
“ไม่ไหว้ก็ได้ ผมอยากให้คุณมิ้มอายุยืนหมื่นๆ ปี” คำรพพูดเอาใจ ยิ้มประจบ “แต่ช่วยหน่อยเถอะ นะ แป๊บเดียว แล้วผมก็จะขอครั้งนี้ครั้งเดียวจริงๆ สัญญาเลยเอ้า ด้วยเกียรติของอดีตลูกเสือไทย!”
มิตรสินีปรายตาในลักษณะมองค้อน แต่ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“ไม่ต้องมาสัญญิงสัญญาอะไรทั้งนั้น มิ้มไม่เชื่อแล้วล่ะ สัญญาของคุณรพ แต่ก็เอาเถอะ จะช่วยลูกหมี เอ๊ย! อดีตลูกเสือไทยสักครั้ง แต่ขอบอก... ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น คราวหน้าคราวหลัง ถ้าคุณรพจัดการเองไม่ได้ ต้องไปขายโรตี หรือเข็นซาเล้งรับซื้อของเก่าแทนทำร้านอาหารก็ช่าง”
“ครับ ครับ ครั้งนี้ครั้งเดียวจริงๆ ไม่มีแล้วคราวหลัง แต่คราวหน้า...ไม่แน่ แหะแหะแหะ”
มิตรสินีชะงักเพียงเล็กน้อย เมื่อเดินเข้าไปที่โต๊ะแขกที่ดูจะมีอิทธิพลเหนือคำรพ มากกว่ารัฐมนตรีเสียอีก
“มาแล้วครับ นักร้องสาวเสียงดีของทางร้านเรา”
คำรพพูดขึ้นก่อน สีหน้าดูภูมิอกภูมิใจ
“มิตรสินี นี่คุณ...”
“เดี๋ยวผมแนะนำตัวกับคุณนักร้องสาวนี้เอง คุณคำรพ คุณจะไปดูแลแขกในร้านรายอื่นก็ไปเถอะ”
เสียงห้าวทุ้มชิงพูดขึ้น ก่อนคำรพจะทันได้แนะนำหญิงสาวให้รู้จักแขกที่คงจะใหญ่โตเอาการ สังเกตจากการที่เขาพูดฟังเป็นไล่เจ้าของร้านอย่างไม่มีเกรงใจ
คำรพถอยกลับออกไปตมคำสั่งหลังจากน้อมศีรษะให้นิดหนึ่ง
ผู้แสดงอำนาจบาตรใหญ่ ที่มิตรสินีนึกหมั่นไส้แกมขวางใจ มีรูปร่างสูงใหญ่ไหล่กว้าง ขนาดว่านั่งอยู่ หล่อนก็ยังเชื่อว่าเขาจะต้องสูงกว่าหล่อนหลายนิ้วแน่ๆ ทั้งที่หล่อนนั้นก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงก้านยาว สูงตั้งร้อยเจ็ดสิบสามเซนติเมตร
เขาไม่ใช่หนุ่มหน้าอ่อน อายุอานามน่าจะตกประมาณสามสิบห้าขึ้น อาจถึงสามสิบแปด แต่คงยังไม่ถึงสี่สิบ
หน้าตาเขาคมจนขึ้นสัน นัยน์ตาคมกริบ มองสิ่งใดเหมือนจะแลให้ทะลุ
อย่างเวลานี้ ตาคมจัดคู่นั้นก็นั้นก็กำลังมองหล่อนในลักษณะกวาดขึ้นลง อย่างตั้งใจสำรวจตรวจตรา ไร้ความเกรงใจ ไม่คิดสักนิดว่าหล่อนอาจจะอาย หรือขัดเขิน
มิตรสินีไม่อาย แต่โกรธ
หล่อนเห็นว่าผู้ชายคนนี้ไร้มารยาท หยาบคายไม่มีอะไรเปรียบ
เขาอาจนุ่งห่มด้วยเครื่องแต่งกายสุภาพในสูทธุรกิจตัดเย็บประณีต ลักษณะก็ไม่ใช่คนกักขฬะ น่าจะได้รับการอบรมมาพอสมควร แต่อย่างไรไม่รู้ หล่อนคิดว่าเขายังมีความดิบ ซ่อนอยู่ภายใต้ความเป็นอารยชน
“คุณคำรพบอกว่าคุณต้องการพบฉันให้ได้”
หล่อนพูดขึ้น มองสบตาคมของคนที่มองหล่อนราวกับเป็นนางม้า หรือสินค้าตัวอย่าง ด้วยเสียงค่อนข้างห้วน
มิตรสินีดูออกในไม่กี่วินาทีว่า ชายหนุ่มวัยอ่อนกว่าอีกคนที่นั่งอยู่ด้วย เป็นเพียงผู้ติดตามนายคนหน้าตาคมสันจนดูกร้าวกระด้างคนนี้
“นั่งก่อนสิครับ”
เสียงห้าวมีกังวานทุ้มสวนขึ้นราวกับไม่ได้ยินคำถามที่ค่อนข้างเอาเรื่องของหล่อน
“ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรมากไปกว่าแค่อยากเจอนักร้องหญิงของทางร้าน ฉันขอยืน”
มิตรสินียืนยัน นึกเกลียดสีหน้ายิ้มๆ คล้ายกับว่าเขากำลังพอใจกึ่งขัน
“เชิญนั่งก่อนเถอะครับ ผมว่าเราอาจต้องคุยกันนาน อ้อ ผมขอแนะนำให้รู้จักเพื่อนผม เชน พลศักดิ์”
มิตรสินีหันไปมองชายหนุ่มวัยมากกว่าหล่อน แต่น้อยกว่าคนกล่าวแนะนำ
“สวัสดีครับ คุณมิตรสินี ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
เชนทักหญิงสาวยิ้มๆ ยิ้มของเขามิตรสินีดูออกว่ามีความเห็นใจ และเข้าใจหล่อนอยู่ไม่น้อย ทำให้หล่อนทักตอบ และยิ้มกับเขาได้ด้วยความจริงใจ แทนที่จะตีสีหน้าบึ้งตึงอย่างปฏิบัติต่อ... มิตรสินีนึกขึ้นได้ว่ายังไม่รู้จักชื่อชายคนที่เที่ยวแนะนำคนอื่น แต่ดูจะลืมแนะนำตัวเอง
“สวัสดีค่ะ”
“เชิญนั่งด้วยกันก่อนสิครับ”
เชนเชื้อเชิญด้วยน้ำเสียงสุภาพ เป็นมิตร
มิตรสินีนั่งลง พอใจคำเชื้อเชิญของเชนมากกว่าคำเชิญฟังเป็นสั่งของคนหน้าเข้ม
หล่อนรู้ จะโดยประสาทสัมผัส หรืออะไรก็ตามทีว่า เชนเป็นเพียงผู้ติดตาม ถึงว่าท่าทีของเขาจะไม่ถึงกับหงอคนตัวสูงใหญ่กว่าเขาที่มาด้วย แต่ก็มีท่าทางเกรงใจ และยกย่องในที
ฮึ! เพื่อนผม!
อย่างกับเราโง่นักนี่ ถึงจะดูไม่ออกว่าน่าจะเป็นเจ้านายกับลูกน้องมากกว่า
หล่อนนึกแขวะคนหน้าคร้ามตาคม ที่เวลานี้ตามองมาคู่นั้น ชักจะเพิ่มแววดุขึ้นมารำไรๆ ขณะมองหล่อนกับเชน
