ตอนที่3
‘ฉันจะรักคุณชั่วนิรันดร
ด้วยความรักที่แท้จริงเสมอ
รักแท้...ที่เริ่มจากภายในหัวใจฉัน
ดูเหมือนฉันจะมีเพียงรักนี้เท่านั้น
เหมือนวันอาทิตย์ฉายแสง
เมื่อฉันมีคุณร่วมชีวิต และเป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียว
ฉันจะรักคุณเสมอไป
ที่รัก...ฉันจะไม่มีรักใหม่
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้จำไว้ ฉันรักคุณเสมอ
รักอย่างแท้จริงตลอดไป...และรักแต่เพียงคุณชั่วนิรันดร’
“อิ’ เทอนัลลี...ชั่วนิรันดร”
ติณห์พึมพำในคอ
เสียงขับขานอันไพเราะจบลงเกือบจะพร้อมๆ กับร่างสูงตรงก้าวผ่านประตูเข้าไปภายใน
เพียงก้าวแรกที่ย่างเข้าไปใน ฟอสตัน พาราไดซ์ คลับ ก็ปะทะเข้ากับบรรยากาศอันหวานหอม
เสียงเพลงหวานเศร้า ‘ซัม แวร์ มาย เลิฟ’ กำลังพลิ้วจากแกรนด์ เปียโนสีดำเป็นมันที่มุมห้อง ซึ่งเป็นที่ตั้งของวงเอสเพนซา ในค่ำคืนนี้
เทียนสีแดงห้าเล่ม ปักเรียงอยู่บนเชิงเทียนทองเหลืองมันวับ
แสงเทียนทั้งห้าเล่ม จับซีกหน้าคนที่กำลังเดี่ยวเปียโนแจ่มชัดพอสมควร
หล่อนเป็นหญิงสาวที่มีผิวนวลจัด ดูเนียนแน่นละเมียดละไม
ผมดำยาว ถูกรวบโหย่งๆ ไว้เบื้องหลัง ปล่อยให้บางส่วนรุ่ยร่ายเหมือนจงใจที่ข้างแก้มและซอกหู
ใบหน้าเพรียวคม มีเครื่องหน้าที่เหมาะเจาะรับกันไปหมดอย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าไรคิ้วสวยดูสลวยบางเบาโค้งไปตามแนวเปลือกตาทั้งคู่
สันจมูกโด่งงามรับกับริมฝีปากบางอ่อนช้อยดูพริ้มเพราสีชมพูสด ที่สดเองด้วยเลือดฝาด
เรือนร่างโปร่งระหง อยู่ในชุดสีชมพูจางเกือบขาว แบบเรียบง่าย แต่กลับเน้นทรวดทรงองค์อรให้ชวนเพ่งพิศในความเป็นอิตถีเพศ
“จองโต๊ะไว้หรือเปล่าครับ”
พนักงานต้อนรับถามเสียงสุภาพนอบน้อม
“เปล่า” เชนตอบ พูดติดต่อกันไปอย่างรู้ใจเจ้านายหนุ่มของเขา “โต๊ะไม่ห่างจากเวทีมากนักนั่นว่าง ถ้าไม่มีใครจองเอาไว้ก็ขอโต๊ะนั้นละกัน”
“เอ่อ...”
พนักงานต้อนรับหนุ่มทำท่ากระอักกระอ่วน
“ต้องขอประทานโทษด้วยครับผม เผอิญโต๊ะนั้นมีคนจองเอาไว้แล้ว”
เชนนิ่วหน้า ทำท่าจะพูด แต่ติณห์ส่งสายตาปรามเอาไว้ และยังพูดขึ้นเสียเอง
“โต๊ะไหนว่างก็นำไปละกัน”
“ถ้าอย่างนั้นเชิญทางนี้เลยครับ”
โต๊ะที่ได้อยู่มุมสุด ชิดผนังด้านหนึ่ง นอกจากไกลจากเวทีการแสดง ทัศนียภาพยังถูกบดบังด้วยเสาต้นใหญ่ แต่ถ้าหากต้องการความเป็นส่วนตัว นั่งดื่ม หรือรับประทานอาหารเงียบๆ คลอเสียงเพลง โดยไม่จำเป็นต้องเห็นตัวนักร้อง เรียกว่าฟังแต่เสียง ก็เหมาะทีเดียว
เชนสั่งเครื่องดื่มอย่างรู้ใจนายจ้างของเขาว่า นิยมเครื่องดื่มชนิดใด สั่งอาหารที่ใช้เป็นแกล้มอีกสามอย่าง
ติณห์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้เต็มที่ พยายามจะเอนตัวไปข้างหลังเท่าที่จะทำได้ เพื่อมองนักร้องสาวผู้มีความสามารถในการเล่นเปียโนไม่แพ้การร้อง
มองเลยไปยังนักดนตรีบนเวทีคนอื่นๆ พบว่าล้วนแต่เป็นชาย และอายุอานามก็ล่วงเลยวัยกลางคนแทบทั้งนั้น ตั้งแต่คนเล่นเบส สีไวโอลิน เล่นกีตาร์ และอีเล็กโทน
ที่ดูหนุ่มหน่อยก็มือกลอง แต่ถึงอย่างนั้นก็น่าจะเลยสามสิบไปหลายปี
ติณห์เลื่อนสายตากลับมายังเป้าสนใจของเขาแต่แรก ที่กำลังพรมนิ้วอยู่บนคีย์ขาวสะอาด แล้วหยุดนัยน์ตาทั้งคู่ไว้ที่นั่น หาได้เลื่อนเลยไปยังจุดอื่นใดอีกต่อไป
แสงเทียนทั้งห้าเล่ม เหมือนจะส่องสว่าง เจิดจำรัสขึ้นอีกเท่าตัว ในความรู้สึกของเขา
‘เมโลดี้ ออฟ เลิฟ’ เพิ่งจะเริ่มต้น ... เขาหยิบกระดาษเช็ดมือ เขียนชื่อเพลงเป็นภาษาอังกฤษลงไปบนนั้น ก่อนจะส่งให้บริกร ที่ยกเครื่องดื่มมาวางบนโต๊ะ
เขายกแก้วใสบรรจุเมรัยขึ้นจิบ ตามองตามบริกรเดินตรงไปยังเปียโนสีดำ
ไม่นานเลย หลังจาก ‘เมโลดี้ ออฟ เลิฟ’ จบอย่างสวยงาม ... ‘วาย ดู ไอ เลิฟ ยู โซ’ ที่สุดแสนหวานก็พลิ้วแผ่วขึ้น
ติณห์ปล่อยให้รอยยิ้มซ่านปรากฏที่มุมปาก และดวงตา อย่างลืมตัว ขณะบอกตัวเองว่าฝีมือหล่อนไม่เลวเลย
ตลอดเวลา เชนได้แต่เฝ้าจับตาสังเกตท่าที ‘บอส’ เห็นสีหน้าแสงตาคมปลาบในอาการเคลิ้มฝันนั้นแล้ว เขาก็รู้สึกไม่สบายใจแทนหญิงสาวเจ้าของเสียงเพลงหวานๆ และยังเดี่ยวเปียโนได้ไพเราะจับจิต ขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน
แต่เมื่อนายจ้างหนุ่มทำท่าดื่มด่ำปับบรรยากาศ และลำนำการขับกล่อม เขาก็หุบปากสนิท
เมื่อได้เวลานักดนตรีพักครึ่งเวลา เสียงดนตรี และเสียงเพลงค่อยๆ แผ่วหาย ร่างโปร่งระหงลุกจากม้านั่งหน้าเปียโน
“เชน”
ติณห์เรียกผู้ช่วยหนุ่ม
เพียงมองตา ไม่ต้องปริปาก เชนก็เข้าใจทันทีว่านายของตนต้องการอะไร
“ครับ…บอส” เชนตอบรับ ก่อนจะลุกไป
หลังรับฟังคำว่ามีแขกต้องการพบหล่อน มิตรสินีก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย
“คุณรพก็รู้นะคะ มิ้มมีกฎตายตัวอยู่ว่า ไม่ขอลงไปนั่งโต๊ะกับแขก เราพูดกันแล้ว ตั้งแต่ก่อนมิ้มจะตัดสินใจทำงานที่นี่ จำได้มั้ยคะ”
หล่อนพูดเสียงแข็ง นิ่วหน้าเข้าใส่เจ้าของร้านที่หล่อนร้องเพลงประจำทุกคืน
ฟอสตัน พาราไดซ์ คลับ นี้ตั้งอยู่ชั้นใต้ดิน ภายใต้อาเขตโรงแรมหรูระดับหกดาว ใจกลางกรุงเทพมหานคร
มิตรสินีไม่ใช่นักร้องสมัครเล่น ประเภทโชว์รูปร่างหน้าตามากกว่าโชว์เสียง เพราะหล่อนร้องเพลงได้เพราะ ทั้งเพลงไทย และเพลงสากล
น้ำเสียงของหล่อนมีกังวานใส อย่างที่มักจะมีคนเปรียบกับเสียงน้ำเซาะหิน
นอกจากร้องเพลง ซึ่งเป็นสิ่งที่หล่อนรัก มิตรสินียังมีความรู้ความสามารถด้านดนตรี โดยเฉพาะดนตรีสากลหล่อนเล่นได้แทบทุกชนิด ทั้งประเภทดีด อย่างเปียโน และเครื่องสายอย่างไวโอลิน
ฝีมือเล่นดนตรีของหล่อน เข้าขั้นมืออาชีพที่มีฝีมือชั้นครู ซึ่งไม่แปลก เพราะหล่อนจบมาจากสถาบันดนตรีเลื่องชื่อของนิวยอร์ก
