ตอนที่2
ประมาณสองทุ่มเศษเล็กน้อย เชนก็เดินตามนายจ้างลงลิฟต์ส่วนตัว คือเฉพาะผู้บริหารเท่านั้นมีสิทธิ์จะใช้ลิฟต์ตัวนี้ ซึ่งแล่นเร็วและไม่หยุดแวะรับผู้โดยสารระหว่างชั้น
จากชั้นยี่สิบสองถึงกราวนด์ ฟลอร์ ชั้นใต้ดินปกติ หรือชั้น G (จี) ใช้เวลาไม่ถึงนาที แต่อาคารสูงและยังแผ่ออกไปกว้างขวางเป็นปีกซ้ายปีกขวาแห่งนี้ ยังปลูกสร้างด้วยโครงสร้างพิเศษ ถัดจากชั้นใต้ดินปกติ หรือชั้น G ทั่วไป ยังมีชั้นใต้ดินอยู่ถัดลงไปอีกสามชั้นด้วยกัน
สองชั้นล่างสุดเป็นลานจอดรถ ถัดขึ้นมาจึงเป็นสถานที่ตั้งของแหล่งบันเทิง และสถานพักผ่อนหย่อนใจสำหรับคนชอบชอบหาความสำราญในรูปแบบต่างๆ ใส่ตัว
ถัดชั้นนี้ขึ้นมาจึงเป็นชั้น G หรือ กราวนด์ ฟลอร์ ชั้นนี้เต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นร้านขายของที่ระลึก มีร้านขายดอกไม้สดแทรกอยู่ ติดกับร้านเสริมสวยซึ่งขนาบด้วยแกลลิรี... ห้องภาพ หรือร้านจำหน่ายงานศิลป์ ตั้งแต่ภาพเขียน ไปจนถึงงานปั้น และประติมากรรมต่างๆ
ห้องเสื้อดังที่มาเช่าพื้นที่สำหรับเปิดสาขาย่อย ไว้บริการแขกที่มาพัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวมาจากทุกมุมโลก ก็มีอยู่หลายร้าน
แขกที่มาพักโรงแรมแห่งนี้ จึงสามารถหาทุกอย่างได้ตามที่ต้องการ โดยไม่ต้องก้าวเท้าออกจากอาเขตที่พัก
เชนนำนายจ้างของเขาลงมาที่ชั้น G นี้ก่อน ก่อนจะลงบันไดเลื่อนไปยังชั้น G1 ถัดลงไป ซึ่งเป็นแหล่งรวมความบันเทิงในหลากหลายรูปแบบ
“เชื่อมั้ย ผมไม่เคยมาเดินแถวนี้เลย”
ติณห์หันมาพูดกับผู้ช่วยหนุ่ม
เขารับเชนเข้าทำงานในฐานะเลขากึ่งผู้ช่วย ก็ด้วยเหตุผลสามประการ อย่างแรกเขาชอบว่าเชนชื่อสั้นเรียกง่ายดี ไม่ชื่อยาวเป็นวาอย่างหนุ่มสมัยนี้บางคน
ประการที่สองเขากำลังเบื่อเลขาผู้หญิง ซึ่งแต่ละคนก็ดูเหมืนจะอยากทำหน้าที่บนเตียงมากกว่าบนโต๊ะ พอเลือกรับคนมีครอบครัว ก็อีกแหละ ทุ่มเทให้กับหน้าที่การงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีภาระทางบ้าน ไหนจะลูก ไหนจะผัว จะติดตามเขาไปนั่นนี่ เวลามีธุระต้องไปติดต่อ หรือไปประชุมต่างๆ ที่ต้องแรมคืน หรือไปหลายวัน ก็ชักมีปัญหา
ประการสำคัญที่ทำให้เขาเลือกเชนก็คือ คุณสมบัติที่เชนมีอยู่ ตรงกับที่เขาต้องการให้มีในคนที่เขาพอจะสามารถมอบความไว้วางใจได้ในระดับหนึ่ง ทั้งคุณวุฒิด้านการศึกษา บุคลิก การวางตัว ที่มากไปหรือน้อยไป รวมไปถึงความสามารด้านภาษาในการติดต่อสื่อสาร
เขาไม่ถึงไม่ชอบ แต่ก็รู้สึกฉุนอยู่นิดๆ กับคนที่มองเมินเขา ซึ่งก็มีอยู่น้อย เพราะส่วนใหญ่ก็ต้องการคบค้าสมาคมกับเขาแทบทั้งนั้น แต่เกลียดจับใจ คนประจบสอพลอ พร้อมจะเลียแม้กระทั่งปลายรองเท้าของเขา เพียงเพื่อให้ได้ในสิ่งที่อยากได้จากเขา
เชนไม่เป็นทั้งสองอย่าง เขาอาจยกย่องนายจ้างตามควร แต่ไม่เคยประจบ และไม่มีนิสัยสอพลอ
ติณห์รู้ว่าเชนชื่นชมเขาในด้านความสามารถเชิงบริหารธุรกิจ แต่ไม่ชอบใจการใช้ชีวิตส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับงานของเขา
ติณห์เคยนึกขันมากกว่าจะโกรธ เวลาเห็นผู้ช่วยหนุ่ม วัยอ่อนกว่าเขาหลายปี เผลอทำสีหน้าไม่ชอบใจ เมื่อเขาตัดสัมพันธ์ผู้หญิงคนเก่าที่เริ่มเบื่อ เพื่อไปเริ่มสัมพันธ์กับคนใหม่ที่น่าสนใจกว่า
เผอิญเสียด้วยว่าเขาเป็นคนเบื่อง่าย และชอบมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงทีละคน ไม่ชอบคบทีเดียวหลายคน เบื่อคนที่คบหาอยู่แล้วจึงค่อยหาคนใหม่ ความจริงเขาไม่ต้องหาด้วยซ้ำ ผู้หญิงเรียงแถวเข้ามาหาเขาเอง
“ผมมาเดินบ่อยครับ” เชนพูด “แต่ไม่เคยเข้าร้านพวกนี้เลย”
เชนชะงัก เมื่อนายจ้างหยุด ทำเสียงประหลาดใจ
“เอ๋...มีโรงเรียนสอนดนตรี และการขับร้องที่นี่ด้วยหรือนี่”
“มีมานานแล้วครับ มีนักเรียนมาเรียนกันเยอะด้วยนะครับ ส่วนใหญ่ก็ลูกคนมีเงิน ผมว่า เจ้าของโรงเรียนนี่รู้นิสัยพวกเศรษฐีสมัยนี้เชียวละ ส่งลูกหลานไปเรียนโรงเรียนการดนตรีที่เช่าตึกแถวตั้งเรียงรายตามข้างทางมันก็งั้นๆ ธรรมดาไป ให้มาเรียนในโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในโรงแรมหรู ดูโก้กว่ากันเยอะ ถึงว่าครูสอนที่นี่อาจจะมีความสามารถน้อยกว่าครูตามโรงเรียนตึกแถว หรืออาคารพาณิชย์ แถมค่าเรียนที่นี่ก็ยังแพงกว่าเท่าตัวหรืออาจหลายเท่า เพราะค่าเช่าที่แพง แต่เขาก็พอใจมากกว่า เพราะอวดได้ว่าลูกหลานฉันเรียนดนตรีจากโรงเรียนโก้ มีที่ทำการอยู่ในชั้นอาคารที่เป็นโรงแรมระดับหกดาว”
ติณห์หันมองผู้ช่วยของเขาอย่างแปลกใจอยู่บ้าง พูดเสียงกลั้วหัวเราะน้อยๆ อย่างขันๆ
“คุณนี่ก็ปากจัดไม่เลวเลยนะ วิจารณ์พวกเห่อสักหลาดชอบอวดมั่งอวดมีได้เจ็บชะมัด”
“เอ้อ...ผม...”
เชนอึกอักแล้วก็ยิ้มแหย แต่ก็โล่งใจเพราะนายจ้างหนุ่มไม่ได้พูดออย่างโกรธๆ เหมือนจะขันด้วยซ้ำ
ขณะลงบันไดเลื่อนจากชั้น G สู่ชั้น G1 เสียงเพลงหวานๆ ดังมาแว่วๆ
I’ll be loving you eternally
With a love that’s true eternally
From the start within my heart
It seems I’ve always known
The sun would shine
When you were mine, and mine along
I’ll be loving you eternally
There’ll be no one new, my dear, for me
Tho’ the sky should fall
Remember I shall always be
Forever true and loving you eternally
ติณห์แทบไม่รู้ตัวว่าเขาได้ก้าวไปยังทิศทางที่มาของเสียงหวานใสราวถูกมนตร์สะกด
อาจจะเป็นด้วยเสียงใสรื่นหู หรือไม่ก็เนื้อหาเพลงที่ฟังกินใจ เขาไม่ทราบแน่ชัด
