บทที่ 3 ครอบครัว
3
ครอบครัว
บ้านเมธานนท์ : 19.30 PM
ตระการตาเดินเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่ เธอสวมชุดเกาะอกสีดำแบบเรียบง่ายทว่าดึงดูดทุกสายตาที่มองมา วันนี้เป็นวันเกิดของศิระ ผู้เป็นพ่อ จึงเป็นเหตุให้ตระการตายอมกลับมาที่บ้านหลังนี้ บ้านที่เธอไม่เคยมองว่าเป็นบ้าน แต่มันคือโรงเรียนดัดสันดาน
ผู้คนมากมายในวงสังคมหลั่งไหลกันเข้ามาในบ้านที่จัดงานได้ใหญ่โตและหรูหรา พวกเขามาที่นี่เพื่ออวยพรวันเกิด ร่วมกินมื้อเย็น คุยธุรกิจ รวมถึงการได้มาอวดความร่ำรวยของตัวเอง
ทุกครั้งที่ตระการตามาที่บ้านหลังนี้ เธอจะเดินเข้ามาหยุดที่หน้ารูปบานใหญ่ซึ่งติดอยู่บนผนังห้องรับแขก รูปถ่ายของครอบครัว...ภายในรูปประกอบไปด้วยศิระ ผู้เป็นพ่อที่นั่งอยู่ตรงกลาง และเธอซึ่งเป็นลูกสาวแท้ๆเพียงคนเดียว ที่ด้านซ้ายนั้นคือเขมจิรา แม่เลี้ยงของเธอที่แต่งงานเข้ามาร่วมใช้นามสกุลเมื่อสิบปีก่อน ที่ด้านข้างเขมจิราคือลูกชายคนโตที่ติดแม่มาด้วย ชื่อของเขาคือน่านฟ้า สุดท้ายคือนิริน...ลูกสาวคนเล็ก ทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่ศิระเรียกว่าครอบครัว แต่ไม่ใช่สำหรับตระการตา เพราะครอบครัวของเธอมีเพียงพ่อ แม่ที่จากไปตั้งแต่เธอเพิ่งเกิด และตัวเธอเองเท่านั้น
“ศัตรูต่างหาก...นี่ไม่ใช่ครอบครัวของฉัน” หญิงสาวเอ่ยกับตัวเองเบาๆ เพราะหากจะไล่ลำดับคนที่เธอเกลียดและมองว่าเป็นศัตรู เบอร์หนึ่งก็คือเขมจิรา เบอร์สองคือนิริน ส่วนน่านฟ้า...เธอแค่ไม่ชอบหน้าเขา แต่ไม่ถึงกลับเกลียด เพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้แย่งอะไรไปจากเธอ อีกทั้งยังเป็นคนที่ทำงานใช้ได้
“ตาว...” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง พอหันไปมองก็ได้เห็นชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งที่กำลังยืนมองเธอพร้อมรอยยิ้ม
“แมท?” แมทหรือแมทธิว คนคนนี้อาจเป็นอีกคนที่ตระการตาพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเกลียด แม้ว่าเขาจะเป็นแฟนคนแรกและคนเดียวของเธอก็ตาม
“ไม่ได้เจอกันนานมากเลยนะ” ชายหนุ่มยิ้มแสดงออกถึงความดีใจที่ได้เจอกับตระการตา เพราะนับตั้งแต่วันที่เขาและเธอต้องเลิกรากัน เขาและเธอก็แทบไม่ได้เจอกันอีกเลย นับว่านานเกือบจะเป็นปี
“อย่ายิ้มแบบนั้นสิ เดี๋ยวใครเห็นเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าคุณดีใจที่ได้เจอฉัน” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งและไร้รอยยิ้มเช่นเคย
“ก็ผมดีใจที่ได้เจอคุณ”
“นิรินได้ยินคงอกแตกตาย” แมทธิวคือคู่หมั้นของนิริน ที่กำลังจะแต่งงานกันในอาทิตย์หน้า และนี่คือสาเหตุที่ตระการตาวางนิรินให้เป็นศัตรูอันดับที่สอง นั่นก็เพราะนิรินจงใจแย่งแมทธิวไปจากเธอ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าตระการตารักแมทธิว เธอแค่ไม่ชอบที่โดนแย่งของไปก็เท่านั้นเอง
“คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้รักนิริน...คุณรู้ดีว่าผมพลาด เราถึงต้องเลิกกัน ต้องให้บอกอีกกี่ครั้งว่าคนที่ผมรักคือคุณ?”
“แล้วต้องให้ฉันบอกอีกกี่ครั้งว่าฉันไม่เคยรักคุณเลย ที่คุณต้องแต่งงานกับนิรินก็เพราะคุณไปนอนกับยัยนั่น และผู้ใหญ่ก็รับรู้ มันคือสิ่งที่คุณต้องรับผิดชอบ และที่เราต้องเลิกกัน...มันไม่ใช่เพราะคุณนอกใจฉัน แต่มันเป็นเพราะคุณดีไม่พอสำหรับฉันต่างหาก!”
“แล้วใครที่ดีพอสำหรับคุณ? หมออคิราห์นั่นเหรอ? ได้ข่าวว่าคุณกำลังเดตอยู่กับเขานี่?” เดต...อาจให้คำนั้นไม่ได้ในตอนนี้ เพราะนั่นเป็นแค่ข่าวลือ ที่จริงแล้วตระการตายังไม่เคยเจอหน้าอคิราห์เลยแม้แต่ครั้งเดียว
“แมท...คุณน่ะเลิกยุ่งกับฉันได้แล้ว ฉันไม่อยากมีปัญหากับนิริน”
“ชื่อเสียงของหมออคิราห์ก็ไม่ใช่เล่นเลยนะ เขาเจ้าชู้จะตาย ผมว่าเขาไม่ได้ดีไปกว่าผมหรอก”
“เรื่องนั้นฉันจะตัดสินเอง แต่ถึงหมออคิราห์จะเจ้าชู้ แต่ฉันว่าเขาคงไม่เลวระยำจนไปเอากับลูกสาวแม้เลี้ยงของแฟนตัวเองหรอก คุณว่าไหม?” ตระการตากระแทกคำทิ่มแทงใจดำใส่แมทธิว ก่อนที่จะหันหลังเดินออกมา แล้วก็ได้เจอกับน่านฟ้าที่ยืนอยู่ตรงนั้นพอดี
“คุณพ่อเรียกหาเธออยู่” ชายหนุ่มเอ่ยกับหญิงสาว ทั้งๆที่สายตากำลังจ้องมองไปยังแมทธิว
“...”
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องที่ประชุมเมื่อวาน วันนี้เป็นวันเกิดคุณพ่อ พี่ไม่อยากมีเรื่องอะไรมาทำให้ท่านไม่สบายใจ”
“ฉันรู้น่ะ ไม่ต้องมาสอนได้ไหม? นายคิดว่าตัวเองรักป๊าอยู่คนเดียวหรือไง?”
“ก็ถ้าเธอรักท่าน...ทำไมไม่แสดงออกมาล่ะ?”
“จำเป็นหรือไง? ในเมื่อแม่นาย น้องสาวนาย แล้วก็ตัวนายแสดงออกกันไปมากขนาดนั้นแล้ว!” สิ้นคำนั้นตระการตาก็เดินเข้าไปในห้องรับแขกอีกห้อง เพื่อเข้าไปหาผู้เป็นพ่อ โดยมีน่านฟ้าเดินตามมา
“ป๊า...สุขสันต์วันเกิดค่ะ” หญิงสาวเดินเข้าไปนั่งข้างๆผู้เป็นพ่อ เวลานี้ภายในห้องรับแขกเต็มไปด้วยบุคคลสำคัญมากมาย ทั้งนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ทั้งนักการเมืองชื่อดัง หรือแม้แต่บุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าคนนายคนก็มี
“มาแล้วเหรอตาว ฉันรอแกมา...อยากให้มารู้จักกับท่านเหล่านี้เอาไว้” เมื่อศิระบอกออกมาแบบนั้นตระการตาก็ยกมือไหว้สวัสดีทุกคน และเช่นเคย...ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าสวยนั้นแม้แต่นิดเดียว
“สวยสมคำร่ำลือ สวยสมชื่อจริงๆ เห็นแล้วรู้สึกตระการตามากจริงๆ” คุณหญิงนางหนึ่งเอ่ยชม
“ไม่ใช่แค่สวยอย่างเดียวนะคะ หนูตาวทำงานเก่งด้วย...พอจบโทมาจากบอสตันก็เข้ามาทำงานที่ Grand Group พิสูจน์ความสามารถอยู่แค่สองปี ก็ได้ขึ้นเป็น CEO ต่อจากคุณศิระเลย” เขมจิราอวยลูกสาวนอกไส้พร้อมรอยยิ้ม อวยอย่างออกหน้าออกตา
“ตาวต้องเก่ง...ต้องเก่งกว่าทุกคนอยู่แล้ว เพราะตาวเป็นลูกสาวของป๊า” ตระการตาเอ่ยกับเขมจิรา
“ลุงได้ข่าวมาว่าตั้งแต่หนูตาวเข้ามาเป็น CEO ก็สร้างกำลังมากมายให้ Grand Group แถมยังเกิดโครงการดีๆที่ช่วยพัฒนาสังคมด้วย นี่ไม่ได้เรียกว่าสวย เก่ง อย่างเดียวแล้ว แต่ยังมีจิตใจดีอีกด้วย” นักการเมืองคนหนึ่งว่า
“ป๊าสอนตาวเสมอว่าเราจะเอาผลประโยชน์จากสังคมอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องให้ด้วย ปีหน้าตาวจะมีโครงการสร้างโรงเรียนให้เด็กบนดอย...ถ้าคุณลุงสนใจ มาร่วมลงทุนกันดีไหมคะ? ถ้าได้ผู้ลงทุนเยอะๆ เราก็จะสร้างได้มากกว่าโรงเรียน”
“ดีๆ แบบนี้สิดี...จะเอาอะไร ยังไง ว่ามาเลยหนูตาว ลุงยินดี”
“ค่ะ ไว้ตาวจะเสนอแผนโครงการไปนะคะ”
“คุณพ่อครับ...คุณลุงอินทร์กับคุณป้าชมจันทร์มาครับ” ในตอนนั้นน่านฟ้าก็เดินเข้ามาบอกศิระ และตระการตาก็ได้ยิน ซึ่งเธอรู้ดีว่า อินทร์และชมจันทร์ ภิรมย์รักษ์ คือเจ้าของโรงพยาบาลภิรมย์รักษ์ ที่มีสาขามากมายไม่ต่างจากห้าง The Grand และทั้งสองก็คือพ่อแม่ของหมออคิราห์
“เชิญเขาเข้ามา” ศิระเอ่ยบอก ก่อนจะหันมาหาลูกสาว “แกได้เจอกับหมออคิราห์บ้างหรือยัง?”
“...” ตระการตานิ่งเงียบ เพราะไม่อาจตอบคำถามนั้นได้
“ฉันถาม!”
“เคยค่ะ เราเจอกันมาสองสามครั้งแล้ว” และเธอก็เลือกที่จะโกหกออกไป
ไม่นานน่านฟ้าก็เดินนำอินทร์และชมจันทร์เข้ามา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตระการตาได้เจอกับพ่อแม่ของอคิราห์ ทั้งหมดได้นั่งคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆที่เน้นไปทางเรื่องของธุรกิจ ก่อนที่ตระการตาจะขอตัวแยกออกมาด้านนอกเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ เนื่องจากการต้องอยู่ท่ามกลางผู้ใหญ่มันทำให้เธออึดอัดราวกับไม่มีอากาศจะหายใจ
