บท
ตั้งค่า

เมื่อแรกเริ่มก่อนซ่อน (ดวง) ใจ ปฐมบทของซ่อนดวงใจ ใต้รอยรัก ... ต่อ

ทั้งหมดจึงพากันขึ้นรถสี่ประตูของธรรศ อาจารย์ผู้คุมฝึกงานของเธอเป็นหญิงสาวร่างเล็กที่คล่องไปทุกสิ่งอย่าง บทจะตลกแกก็ตลกเหลือหลาย แต่เวลาเข้มเอาจริงขึ้นมาก็พอตัวเหมือนกัน เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของแก แต่แกติดประชุมเลยตั้งใจเอาของที่จัดซื้อหาไว้ให้เด็กๆกำพร้าที่บ้านของครู้อัญ เสียวันนี้เลย แกว่าแกทำแบบนี้ทุกปี อะไรที่ทำแล้วสบายใจไม่เบียดเบียนคนอื่นก็มักนิยมทำ ถึงที่หมายทุกคนช่วยกันขนของ แจกจ่ายให้กับเด็กๆคนละไม้คนละมือจนเรียบร้อย อาจารย์องุ่นก็เอ่ยปาก

“เด็กๆรีบกลับไหม”

“รีบค่ะ หนูต้องกลับไปเขียนรายงานต่อค่ะอาจารย์” เพื่อนของเธอชิงตอบเสียก่อน ส่วนมัชฌิมา อย่างไรก็ได้ทั้งนั้น เพราะเธอไม่มีรายงานให้เขียนในวันนี้

“อ้าวเหรอ พี่ว่าจะเลี้ยงข้าวเย็นเสียหน่อย”

“ว่างค่า…”

เพื่อนคู่ฝึกงานของเธอรีบตอบรับทันที เรื่องของฟรีละขอให้บอก มัชฌิมาจึงไม่กล้าทำตัวผิดแปลก เพื่อนไปเธอจึงไปด้วย อาจารย์ท่านว่ากินเสร็จจะแวะส่งให้ถึงหอเลยทีเดียว

ถึงร้านอาหารไม่ไกลจากนั้น ทั้งหมดพากันลงจากรถ ธรรศเดินตามสามสาวที่ออกหน้าไปแล้ว จนนั่งลงที่โต๊ะ ก็ทยอยกันสั่งอาหารคนละอย่างสองอย่างสุธิตานั้นสั่งหนักกว่าคนอื่น ตามประสาคนไม่ค่อยอยากมา บริกรรับรายการเรียบร้อยเดินจากไป อาจารย์องุ่นเอียงคอถามชายหนุ่มคนเดียวบนโต๊ะ

“ธรรศ แกเป็นไร”

“เป็นอะไรล่ะ”

“ทำไมหน้าแดงๆ นี่เดี๋ยวนี้แกกรึ๊บเหรอ”

“บ้าเถอะ”

คนถามมองหน้าชายคนเดียวในโต๊ะ ส่งสายตามีเลศนัยก่อนจะหาพวก

“จริงๆนะ อุ่นดูสิ หรือพี่ตาฝาดไป”

มัชฌิมาได้ยินที่อาจารย์ว่าเช่นนั้นเลยมองที่ใบหน้าของธรรศบ้าง คราวนี้จากหน้าที่แดงอยู่หน่อยๆ กลับแดงมากยิ่งขึ้นจนเจ้าของใบหน้าว่าเสียงห้วนๆให้ แล้วเมินหนีไปอีกทาง ไม่ให้มาจ้องหน้าเขา

“มองอะไรกัน”

อาจารย์องุ่นปิดปากขำเลยทีเดียว ก่อนจะกระซิบข้างหูธรรศ “ฉันรู้ละว่าแกเป็นอะไรธรรศ”

มัชฌิมามองสองคนที่ท่าทีมีลับลมคมนัยแล้วหันไปมองทางเพื่อน อีกฝ่ายยกไหล่ ทำนองว่าไม่รู้สิแล้วจึงเริ่มกินอาหารเมื่อพนักงานในร้านทยอยนำมาวางทีละรายการบนโต๊ะ

กินข้าวอิ่มหนำแล้ว ธรรศเองที่เป็นคนชำระเงินค่าอาหาร ทั้งๆที่อาจารย์องุ่นเป็นคนชวน แล้วจึงกลับขึ้นมาบนรถด้วยกันอีกครั้ง

“ธรรศ แกแวะบ้านแกก่อนได้ไหม ฉันจะเอาของไปให้น้าหลาบ”

“ได้” ธรรศตอบสั้นๆคำเดียวแล้วขับรถเข้าบ้านของเขาโดยที่ยังไม่ได้ไปส่งใครสักคน เพราะองุ่นแจ้งความประสงค์ว่าจะเอาของฝากไปให้แม่ของเขาก่อน บ้านของธรรศอยู่ต้นทางพอดีจึงไม่ต้องวนรถไปมาแวะเข้าไปจอดยังบริเวณในตอนพลบค่ำแล้วนั่น

“ขอโทษทีนะเด็กๆพี่แวะทำธุระสักครู่ ลงมาก่อนเร็ว อุ่นลงมาสวัสดีแม่ย่าก่อน”

“ฮึ้ย” เสียงคนขับฮึ่มฮ่ำใส่คนพูด จนได้เสียงหัวเราะของอาจารย์องุ่นสัพยอกตอบกลับมา ลงรถแล้วอาจารย์องุ่นเดินหิ้วสมุนไพรขึ้นไปบนบ้านด้วย เรียกหาเสียงหวานหยด

“น้าหลาบคะ”

เจ้าของชื่อเดินออกมาพอดีขานรับ “ว่าไงลูก”

“หงุ่นเอาของมาไหว้แม่สามีค่ะ”

“ทำมาพูดเล่น รอตั้งหลายปีแล้วเมื่อไรจะมาขอเสียทีล่ะ”

“โอ้ย...ลูกชายแม่เขาไม่ชอบหนูนี่คะ”

“ไม่เคยเห็นจะชอบใครสักคนหรอกขานั้นน่ะ”

“มีแววอยู่คนแล้วล่ะค่ะน้าหลาบ” อาจารย์องุ่นซุบซิบส่งสายตาเป็นนัยมาให้ด้วย

“ใครกันหนู”

“หงุ่นพามาให้ดูก่อนค่ะว่าคนนี้ผ่านไหม... เด็กๆมาสวัสดีคุณน้าก่อนเร็วลูก” ท้ายประโยคเรียกสองนักศึกษาฝึกงานที่เป็นรุ่นน้องร่วมสถาบันให้เข้ามาไหว้ผู้ใหญ่

สองสาวในชุดนักศึกษาฝึกงานเดินตามกันมาที่ที่กุหลาบยืนอยู่ แล้วองุ่นจึงแอบกระซิบบอก “คนที่สองค่ะน้าหลาบ”

กุหลาบมองไปยังหญิงสาวท่าทางเรียบร้อย ใบหน้าสวยหวานสะอาดหมดจด ก่อนพยักหน้ายิ้มๆ “เออๆ เข้าท่านะหนูหงุ่น”

“เด็กๆ นี่แม่ของพี่ธรรศจ้ะ”

“สวัสดีค่ะคุณน้า”

คุยกันเพียงครู่เดียว กุหลาบจัดแจงแบ่งผลไม้จากในสวนที่เก็บหาไว้เสมอ ใส่ถุงใบโตแบ่งให้ทั้งสามสาวก่อนร่ำลากลับไปในเวลาต่อมา ก่อนขึ้นรถ อาจารย์องุ่นก็หันมาทางมัชฌิมา

“อุ่นนั่งหน้าแทนพี่ที”

มัชฌิมางงไปครู่ “คะ?”

“พี่อึดอัดน่ะสิ นั่งเบาะหลังกับยัยแสบสบายๆดีกว่า”

มัชฌิมาจึงต้องนั่งข้างธรรศตอนที่ขับรถออกมาจากบ้านเขา เห็นคนขับนั่งเงียบมาตลอดทาง ท่าทางเหมือนกับไม่พอใจอะไรสักอย่าง แต่ใครจะกล้าออกปากถามเขากัน

บ้านอาจารย์องุ่นถึงก่อนใครพวก จึงลงก่อนคนแรก ก่อนลงก็รีบบอกสองสาวที่ยังอยู่บนรถ “พี่ลงก่อนได้ไหม รับประกันว่าธรรศไม่เคยพาสาวเข้าป่าปลุกปล้ำมาก่อนไว้ใจได้”

“ได้ค่ะ’จารย์ แต่แหม...หนูอยากเข้าป่าจัง” สุธิตาบอกก๋ากั่นเรียกเสียงหัวเราะของอาจารย์องุ่นไม่น้อย แล้วธรรศจึงออกรถพาสองสาวไปส่งยังที่พักต่อ หอพักของสุธิตาคือจุดลงคนต่อมา และเธอเป็นคนสุดท้ายที่เขาขับวนมาส่ง

“ขอบคุณมากนะคะ” บอกเมื่อรถจอดลงที่หน้าหอแล้ว เธอขยับตัวจะลงรถ ก็ได้ยินเสียงท้วงจากคนขับ

“เดี๋ยวก่อน...อุ่น”

“คะ?”

“คือ...พี่”

ธรรศอึกๆอักๆไม่ยอมพูด โดยมีหญิงสาวตั้งหน้าตั้งตารอฟังเขา และธรรศก็กลั้นใจพูดออกไป ท่าทางเขาประหม่าไม่น้อยเลยล่ะ

“พรุ่งนี้พี่มารับอุ่นตอนเช้าได้ไหม”

“รับไปไหนคะ”

“รับไปส่งฝึกงานน่ะสิ”

“อุ่นไปเองสะดวกกว่าค่ะ” มัชฌิมาบอกปัดเขาอย่างนุ่มนวล แล้วก็พากันเงียบไปบนรถที่แอร์เย็นฉ่ำ ก่อนที่ธรรศจะพูดขึ้นอีก

“อุ่น”

“คะ”

“คือ คือว่า พี่ชอบ…พี่ชอบอุ่น”

ได้ยินเขาว่าแบบนั้น มัชฌิมาอดจะอมยิ้มอย่างอายๆไม่ได้ เมื่อตนเองก็รู้ใจตนเองว่าชอบพอเขาเช่นกัน แต่เธอเลือกที่จะเงียบเอาไว้ไม่ปริปากใดๆ เป็นธรรศเสียอีกที่รุกอย่างกับเป็นคนละคนแบบที่เธอเคยคิดเอาไว้

“เรา...เราลองคบกันได้ไหมอุ่น”

“ไหนว่าเรียนให้จบก่อน ค่อยหา...แฟน” บ่นอุบเมื่อจำได้แม่นว่าตอนนั้นเขาบอกสุธิตาไป

“พี่บอกเพื่อนเรา ไม่ได้บอกเรานี่”

“อุ่นก็ว่าจะรอให้เรียนจบก่อนค่ะ ตอนนี้ยังไม่คิดเรื่องมีแฟน”

“งั้นขอพี่ลงคิวไว้คนแรก...ได้ไหม” ธรรศว่าอ้อนๆ

“คิวอะไรคะ”

“คิวจีบอุ่นมาเป็นแฟนพี่ไง”

เธอยิ้มแล้วทำท่าจะเปิดรถลงไปโดยไม่ตอบอะไรเขาสักคำเดียว ธรรศรีบท้วงเมื่อหญิงสาวไม่ตอบรับเขาสักข้อ “เดี๋ยวสิ...อุ่น”

“คะ”

“พรุ่งนี้ให้พี่มารับนะ”

จำได้ว่าตนเองพยักหน้าแล้วตอบรับเสียงเบาแสนเบา “ค่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel