ตอนที่ 8 ออกจากจวน
แต่งงานเข้ามาหลายปี สำหรับนางแล้ว ก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับนายหญิงใหญ่มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องแบบ เมื่อวานดุสั่งสอนโดยไม่ไว้หน้านางแม้แต่น้อย ดังนั้นตอนนั้นหลี่ชื่อเลยโมโหมาก
เพราะความโกรธ เลยทำเกินไป ไม่ไปคารวะที่เรือนโซวอัน แต่ตอนนี้เห็นสีหน้าของลูกสาวกลับมาแบบนี้ เมื่อครู่นางเลยรู้ว่าตัวเองไม่ควรใช้อารมณ์มาแก้ปัญหา ทำให้คนจับจุดอ่อนได้ ง่ายดาย
“ช่างเถอะ ครั้งนี้เพราะแม่ไม่ดีเอง”
“ท่านแม่มีความผิดอะไร หลายปีที่ผ่านมา ท่านแม่ก็ไปคารวะมาตลอด ขาดวันนี้ไปวันหนึ่ง จะเป็นอะไรไป เห็นได้ชัดว่า ท่านย่าจงใจทำให้ลูกลำบากใจ” ซูชิงเหยียนมวดคิ้วเอ่ยขึ้น
จงใจทำให้ลำบากใจเหรอ?
เพราะเมื่อวานนางทำให้หน้าตาของจวนเฉิงเสี้ยงเสียหายต่อหน้าคนของจวนเหวินอ๋องเหรอ? สีหน้าของหลี่ซื่อโกรธเป็นไฟขึ้นมาทันที
ตอนนั้นนั่นเองก็ได้ยินซูชิงเหยียนพูดเหมือนเยาะเย้ยลอยๆออกมาว่า : “เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นว่าที่แท้ เหมยฮวาก็ปกติดีเช่นกันลูกมองนางผิดไปจริงๆ"
ไม่พูดก็ไม่เท่าไหร่ แต่เมื่อพูดถึงซูเหมยฮวาสีหน้าของหลี่ซื่อก็ยิ่งไม่ดีเข้าไปอีก ไม่เพียงซูชิงเหยียนที่มองนางผิดไป แม้แต่นางก็มองนางผิดไปเช่นกัน
“เดิมที่คิดว่าจะเป็นคนที่รู้จักหน้าที่ของตัวเอง แม่ก็อุตส่าห์มีเมตตาหาคู่แต่งงานที่เหมาะสมให้ แต่ตอนนี้ เหอะ!
กลับกล้าวางแผนลอบกัดแม่แล้วจะปล่อยนางไว้อีกต่อไปได้ยังไง ถึงตอนนั้นนางจะร้องไห้ก็ไม่ทันแล้ว”
สายตาของซูชิงเหยียนเปลี่ยนไปปรากฏรอยยิ้มโหดเหี้ยมขึ้น
“เช่นนั้นตอนนี้ท่านแม่มีแผนการอะไรหรือไม่เจ้าคะ?"
เรื่องอื่นไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่สำหรับ แผนการให้ร้ายคนละก็นางมีมากมาย สลัดความขุ่นเคืองออกไป ยิ้มหน้าบาน เอ่ยขึ้นว่า
“พี่ชายห่างๆ ของลูกที่ยวี่โจวกำลังจะมาอาศัยบารมีของน้าชายเจ้า หลายวันมานี้น้าหญิงของเจ้ากำลังวุ่นวายกับการหาคู่ให้กับเขา พี่สาวของเจ้าก็เหมาะสม พอดีไม่ใช่เหรอ? "
พี่ชายลูกพี่ลูกน้องที่ยวี่โจว? ซูชิงเหยียนไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเขาด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อเป็นคนที่ท่านแม่เป็นคนเลือกนั้นแน่นอนว่าต้องเป็นคนเลวทรามชั้นต่ำช้าแน่นอน เหมาะสมกับซูเหมยฮวาพอดี
แต่เมื่อพูดถึงเรื่องคู่ครอง เหมือนว่าหลี่ซื่อ จะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จู่ๆก็เปลี่ยนเรื่อง ถามขึ้นว่า : “ชิงเหยียน ช่วงนี้ความสัมพันธ์ของลูกกับองค์รัชทายาทพัฒนาไป ถึงขั้นไหนแล้ว? ?"
ซูชิงเหยียนคิดไม่ถึงว่าจะถูกถามคำถามนี้ขึ้นมาแก้มของนางแดงขึ้นทั้งสองข้าง ขัดเขินจนหลบ หน้าออกไป เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางลำบากใจว่า
“ท่านแม่ถามเรื่องนี้ทำไมกัน? ถ้าถามอีกลูกจะไม่สนใจท่านแม่แล้วนะ”
“ลูกพูดอะไรของลูก? ”
แน่นอนว่าหลี่ชื่อดูใจของนางออก พูดหยอกล้อขึ้นมาว่า
“สิ่งสำคัญที่สุด สำหรับชีวิตของผู้หญิง ก็คือการได้แต่งงานกับคู่ครองที่ดี ชิงเหยียนของแม่รูปร่างหน้าตาการศึกษาก็ดีในระดับต้นๆ ถ้าหากลูกได้รับความรักและเมตตาจากองค์รัชทายาท
ในอนาคตก็จะอยู่เหนือคนอื่น มีชื่อเสียงเกียรติยศและทรัพย์สมบัติที่ใช้ยังไงก็ไม่หมด”
ในสมองปรากฏภาพในอนาคตที่ท่านแม่วาดให้กับนางซูชิงเหยียนอยู่ดีๆ ก็หัวเราะมีความสุขขึ้นมา ไม่พยักหน้าแล้วก็ไม่ปฏิเสธ
หันหลังเดินออกไปจากเรือนปี้เหอไป
“ปิงเอ่อร์เตรียมรถม้า”
ขณะเดียวกัน ซูเหมยฮวาที่อยู่ที่เรือนโซวอันเป็นคนสุดท้าย เห็นว่าเวลาเหมาะสมแล้ว จึงเล่าจุดประสงค์ในวันนี้ของนางออกมา
“ท่านย่า วันนี้หลานอยากออกไปนอกจวนสักหน่อย
“ออกไปนอกจวน? ”
นายหญิงใหญ่ได้ยินแบบนี้ก็มองออก “หลานจะออกนอกจวนไปทำอะไร? ”
ซูเหมยฮวายิ้มอย่างตรงไปตรงมา “ท่านย่าเจ้าค่ะ ในของขวัญของจวนเหวินอ๋องมีร้านค้าสองร้านใช่ไหมหล่ะเจ้าคะ? ข้าวของถึงแม้จะไม่เยอะ แต่ยังไงก็เป็นทรัพย์สมบัติหนึ่ง หลานอยากออกไปสำรวจดูสักหน่อย”
“อย่างนี้นี่เอง..”
นายหญิงใหญ่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง เหมือนรู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่
ซูเหมยฮวาแอบส่งสายตาให้แม่นมกุ้ย แวบหนึ่ง เมื่อวานแม่นมกุ้ยรับเงินของนางไปห้าตำลึง แน่นอนว่าไม่สามารถ รับไปฟรีๆ ก็ยิ้มพูดช่วยออกไปว่า
“อีกครึ่งปีท่านหญิงใหญ่ก็จะอายุครบสิบห้าแล้ว เรียนรู้เรื่องเหล่านี้ก็ดีเหมือนกัน ตอนนี้ไม่สามารถดูแลครอบครัวใหญ่ ดูแลครอบครัวของตัวเองก่อน ก็ถือว่าเป็นการฝึกฝน”
เมื่อนายหญิงใหญ่ได้ยินก็รู้สึกว่ามีเหตุผลเช่นกัน
“งั้นหลานก็ไปเถอะ เพียงแต่รีบไปแล้วรีบ กลับ ต่อหน้าผู้คนต้องระวังคำพูดของตัวเอง เป็นหญิงสาวอย่าลืมหน้าตาของตัวเอง”
“เจ้าค่ะ ท่านย่า”
ซูเหมยฮวายิ้ม จากนั้นก็ถอยออกมา ส่วนอิงเอ๋อที่เดินตามหลังนางมา ก็ได้ยินเรื่องที่จะได้ออกไปนอกจวนวันนี้ ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
แต่เก็บซ่อนไว้ จนเจ้านายและบ่าวทั้งสองออกจากเรือนโซ่วอันโดยรอบไม่มีคนแล้ว นางจึงเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจว่า “คุณหนูใหญ่เจ้าคะวันนี้พวกเราสามารถออกไปนอกจวน..."
“เบาๆ หน่อยประเดี๋ยวก็อดไป”
เหมยฮวามองอิงเอ๋อด้วยสายตาขุ่นเคืองแวบหนึ่ง ยัยเด็กนี่อะไรก็ดีไปหมด เพียงแต่นิสัยใจร้อนเกินไป
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ ทราบแล้วเจ้าค่ะ”
อิงเอ๋อตอบรับเต็มปากเต็มคำ ยังคงยิ้มตลอดเวลา ดูเหมือนว่าชีวิตในจวนหลังใหญ่ สามารถทำให้คนอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกจริงๆ ลองนับดูแล้ว เหมือนว่าพวกนางเจ้านายกับบ่าวไม่ได้ ก้าวออกไปนอกจวนมาหลายปีแล้ว
สำหรับโลกภายนอกไม่รู้ว่าเป็นยังไงด้วยซ้ำ
แต่ทว่า การออกไปครั้งนี้ นางไม่ได้ออกไปสำรวจร้านค้าจริงๆ นั่นเป็นเพียงแค่ข้ออ้าง ลองสำรวจโลกนี้ก่อนจากนั้นค่อยคิดดูว่า จะทำอะไรที่มีประโยชน์กับตนเองดี
นางต้องรีบสร้างความสัมพันธ์และอำนาจให้กับตัวเอง จะได้หลุดพ้นจากข้อผูกมัดของจวนเสนาบดีเร็วๆ วันๆ ต้องไปแสดงความเคารพ คารวะเช้า เย็น นั่นไม่ใช่ชีวิตที่นางต้องการ
อิงเอ๋อไม่รู้ความคิดของนายหญิงของตัวเองด้วยซ้ำ ออกไปด้วยกันอย่างตื่นเต้นดีใจ
“คุณหนูเราจะไปที่ไหนกันก่อนดีเจ้าคะ?"
“ร้านหลิวจี้ขนมวอลนัตแล้วกัน” ในเมื่อบอกว่าออกไปสำรวจร้านค้า ก็ควร ทำให้สมจริงหน่อย
รถม้าถูกขับออกไปตามคำสั่งซูเหมยฮวากับอิงเอ๋อนั่งคนละฝั่งของหน้าต่าง เปิดผ้าม่านนิดหนึ่ง เพลิดเพลินกับการ มองทิวทัศน์ริมถนน
สถาปัตยกรรมของราชวงศ์ตงฟางน่าจะเทียบเท่ากับราชวงศ์ถัง ที่เจริญรุ่งเรืองในชาติก่อนอีกทั้งขนบธรรมเนียมค่อนข้างเปิดกว้าง
บนท้องถนนสามารถมองเห็นผู้หญิงในชุด กระโปรงที่แปลกตา
ถึงแม้เหมยฮวาจะยังไม่ค่อยเข้าใจ สถานการณ์ของประเทศตงฟางสักเท่าไหร่ เพียงมองภาพตรงหน้าเหล่านี้ก็ สามารถเรียกว่าเป็นเมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรืองมากได้
“คุณหนู คุณหนู ทำไมคนนั้นหน้าตาน่าเกลียดแบบนี้ รูปลักษณ์น่าตลกมากเลย..."
อิงเอ๋อพูดจ้อกแจ๊กตลอดเวลาไม่หยุด ไม่นาน รถม้าก็มาจอดที่หน้าร้านหลิวจี้ขนมวอลนัต เจ้านายกับบ่าวกระโดดลงจากรถม้า ก็เห็นร้านหลิวจี้ขนมวอลนัตร้านนี้ไม่ค่อยใหญ่โตเท่าไหร่
ไม่เพียงไม่ใหญ่โตเท่านั้น แต่ยังดูเหมือนเป็นร้านเล็กๆแต่ธุรกิจกลับร้อนแรงมากๆ หน้าประตูมีคนมาต่อแถวรอซื้อแถวยาวเหยียดแล้ว
“คุณหนูเราจะเข้าไปไหมเจ้าคะ?"
ซูเหมยฮวาส่ายหน้า “เจ้าเข้าไปบอก กับผู้ดูแลบัญชีร้านว่าข้ามาจากนั้นห่อขนมวอลนัตให้ข้าชุดหนึ่งก็พอแล้ว”
“เจ้าค่ะ" อิงเอ๋อรับคำสั่งแล้ว
ซูเหมยฮวายืนกับที่มองออกไปรอบๆ กำลังคิดว่าอีกเดี๋ยวไปที่ไหนดี สายตาก็ถูกทิวทัศน์หนึ่งดึงดูดให้หันไปมอง
ที่ร้านอาหารขนาดใหญ่ที่มีผู้คนมากมายเดินเข้าออกนั่นดูคล้ายๆในซีรี่ย์ที่นางเคยดูและทางด้านหน้าก็มีรถม้าขนาดใหญ่ที่มีเพียงเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์ตงฟางเท่านั้นที่มีสิทธิ์นั่ง แต่ในตอนนี้ ร่างที่ก้าวออกมาจากรถม้ากลับไม่ใช่คนที่เรียกว่าราชวงศ์ผู้สูงส่ง
แต่เป็นนิ้วมือเรียวยาว ทันใดนั้นหญิง สาวสง่างามในชุดเสื้อคลุมสีขาวก็ปรากฏตัวขึ้นในดวงตาของซูเหมยฮวา
ช่างเป็นเอวที่บางราวกับใบหลิ่ว
แต่ตอนนั้น ม้าที่ลากรถม้านั่นก็ไม่รู้ว่าตกใจอะไรจู่ๆ ก็เขย่ารถอย่างแรงหญิงสาวสูงส่งในชุดสีขาวตกใจทันที ร้องตะโกนออกมา ร่างโซเซไปมาจะตกลงมาจากรถม้า
" ระวัง!"
เสียงตะโกนอย่างรีบร้อนในรถม้าดังขึ้น ผู้ชายในชุดโบราณคนหนึ่งโผล่ออกมาครึ่งตัว มือยาวๆ ยื่นออกมาประคองเอวของผู้หญิงไว้ ผู้หญิงก็ล้มลงในอ้อมแขนของผู้ชายพอดี
......
