บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 พบหน้าน้องสาว

วันต่อมา เพียงฟ้าเริ่มสว่างทางด้านนอกก็มีคนมา

"คุณหนูใหญ่ ฮูหยินผู้เฒ่าให้มาเรียนเชิญท่านไปรับประทานอาหารเช้าที่เรือนใหญ่เจ้าค่ะ นายหญิงท่านรออยู่"

เหมยฮวาได้ยินเช่นนั้นนางก็ยกยิ้มขึ้นมา รู้สึกว่าเงินห้าตำลึงที่ให้แม่นมกุ้ยไป ไม่เสียงแรงเปล่าเลย ผ่านไปครู่หนึ่ง อินเอ๋อก็ยกน้ำเข้ามาให้ล้างหน้า แม่นมลู่ก็จัดเตรียมเสื้อผ้าให้กับนาง

เมื่อจัดการทุกอย่าเสร็จแล้วเหมยฮวาก็เอ่ยขึ้นมาว่า "เตรียมของให้เรียบร้อย เสร็จแล้วเราจะออกไปข้างนอกกัน"

"เจ้าค่ะ" อินเอ๋อรีบตอบ

ในตอนที่เหมยฮวาเข้ามาที่เรือนใหญ่ในห้องอาหารนางยังไม่พบผู้ใดสักคน แต่พอนั่งได้ไม่นาน หญิงชราก็เดินเข้ามา เหมยฮวาก็ลุกขึ้นยืน

"หลานคารวะท่านย่า"

"มาแล้วหรือ?"หญิงชราเพียงตอบรับอย่างราบเรียบ ก่อนหน้านี้ย่าหลานคู่นี้ก็ไม่ได้สนิทสนมกัน ตอนนี้ในร่างเหมยฮวาก็เป็นคนใหม่ ยิ่งไม่สนิทกันเข้าไปอีกผ่านไปครู่หนึ่งสำรับก็ถูกยกเข้ามา

แม่นมกุ้ยก็ประคองหญิงชรามานั่งที่โต๊ะ จากนั้นเหมยฮวาก็เดินตามมา หญิงชราเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

"ก็ไม่มีอะไรล้ำค่า หลานทานหน่อยแล้วกัน"

"เจ้าค่ะท่านย่า"

หญิงชรา แอบชำเลืองมองหลานสาวไปแวบหนึ่ง ก่อนน้ำเสียงราบเรียบจะเอ่ยขึ้น

"ที่ผ่านมา ย่าเข้าใจมาตลอดว่าหลานนั้นไม่มีไหวพริบ ความสามารถ คิดไม่ถึง ตอนนี้ก็มีแล้ว ต่อจากนี้ก็ควรรู้ว่าต้องทำอะไรแล้ว"

เหมยฮวาได้ยินเช่นนั้นนางก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย

นายหญิงใหญ่คนนี้พูดจาไม่ไว้หน้าเลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อลองครุ่นคิดดูดีๆ ก็มีความหมายอยู่ในนั้น ดังนั้นเลยฝืนยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “หลานเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ เพียงแต่หลานถูกถอนหมั้นสองครั้งแล้ว..”

“ช่างเถอะ เรื่องที่ผ่านไปแล้วไม่ต้องพูดถึงอีกทานอาหารเถอะ" นายหญิงใหญ่ส่ายมือสีหน้าไม่เปลี่ยน

ซูเหมยฮวาเลยต้องเก็บคำพูดนั้นไว้ ก้มหน้าก้มตาทานอาหาร

ท้องอิ่มแล้วอุปกรณ์บนโต๊ะอาหารเพิ่งถูกยกออกไป

ด้านนอกก็มีสาวใช้เข้ามารายงานว่า

“นายหญิงใหญ่ คุณหนูรองกับคุณหนูสามมาแล้วเจ้าค่ะ”

“มาแล้ว ก็เข้ามาเถอะ"

คุณหนูรองของจวน ซูชิงเหยียน แน่นอนว่าเป็นลูกสาวของฮูหยินใหญ่หลี่ซื่อ ส่วนคุณหนูสามซูเสินชิงกลับเป็นลูกสาวของเหมยอี้เหนียง

พูดถึงหลานสาวสองคนนี้ สีหน้าของนายหญิงใหญ่ก็ยังคงราบเรียบเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง

ทั้งไม่ได้สนิทสนมกับเหมยฮวาแล้วก็ไม่ได้สนิทกับอีกหลานสาวทั้งสองเช่นกัน รักษาท่าทีได้เป็นอย่างดี

ในตอนนั้น ทั้งสองคนที่รับอนุญาตให้เข้ามา กำลังเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ก้าวข้ามประตูเข้ามาโค้งแสดงความเคารพ “คารวะท่านย่า”

“ตามสบาย"

“ขอบคุณท่านย่าเจ้าค่ะ”

หลังจากทั้งสองคนค่อยๆ ลุกขึ้นเหมยฮวาก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองแวบหนึ่ง

คุณหนูรองซูชิงเหยียนปีนี้อายุสิบสี่ แต่ค่อนข้างโตเร็วกว่าอายุร่างเล็กๆ ตอนนี้ได้เติบโตเป็นสาวแล้ว ท่าทางเรียบร้อย ส่วนสูงใกล้เคียงกับเหมยฮวาแล้ว

“ท่านพี่ก็อยู่ด้วย"

ซูชิงเหยียนเงยหน้าหันไปยิ้มให้กับเหมยฮวา

นี่คือใบหน้าที่ดูขาวสะอาดราวกับเมฆหมอก ดูสดใสไร้เดียงสา ดวงตา สดใสราวกับอัญมณีสีดำ เหมือนกับว่า มีอารมณ์นับพัน อยู่ในนั้น เมื่อคนมองเพียงแวบหนึ่งก็อดสงสารไม่ได้

ไม่ต้องสงสัยความงดงามของซูชิงเหยียนนั้นเป็นที่กล่าวขานในเมืองหลวงแต่ยังไงก็ลืมไม่ลง น้องสาวที่ดูเหมือนไร้เดียงสา ที่ผ่านมาเสแสร้งขนาดไหน ยั่วยุให้คนอื่นรังแกนาง ตัวเองกลับได้รับชื่อเสียงที่ดีงาม

“น้องรอง”

ตอบรับอย่างราบเรียบ ทำให้ซูชิงเหยียนสีหน้าบูดบึ้งเล็กน้อย เมื่อวานท่านแม่กลับไปเอะอะโวยวายยกใหญ่ บอกว่า ถูกซูเหมยฮวารังแกมา วันนี้เมื่อได้เห็นเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้แตกต่างกับที่ผ่านมาจริงๆ

หรือว่าตายไปครั้งหนึ่งจะฉลาดขึ้นมาแล้ว?

ในใจของซูชิงเหยียนก็รู้สึกดูถูกเหยียดหยามขึ้น

“นายหญิงใหญ่ เหมยอี้เหนียงกับหุยอี้เหนียงมาขอคารวะแล้วเจ้าค่ะ”

ได้ยินแบบนี้นายหญิงใหญ่ที่นั่งอยู่บนเตียงก็เงยหน้าขึ้นถามว่า “ฮูหยินใหญ่ไม่มาเหรอ? ”

“เรียนนายหญิงใหญ่....." แม่นมกุ้ยไม่ทันตอบ ก็ถูกซูชิงเหยียนที่ยืนอยู่ข้างๆพูดแทรกขึ้นทันที

“ต้อง ขอโทษท่านย่าด้วยเจ้าค่ะ วันนี้ท่านแม่ไม่ค่อยสบายดังนั้นเลยไม่?...."

“ไม่ต้องพูดแล้วเมื่อวานยังดีๆอยู่เลย วันนี้จะป่วยอะไรกัน เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจข้าก็เลยไม่มา หึ! ข้าก็ไม่ได้ขอให้นางมาคารวะสักเท่าไหร่ เพียงแต่ควรรู้จักหน้าที่ของตัวเอง ทำเรื่องที่ขายหน้าคนอื่นให้มันน้อยๆหน่อย นั่นถึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง”

นายหญิงใหญ่สีหน้าบูดบึ้งเล็กน้อย พูดออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาเห็นได้ชัดว่ายังมีไฟโกรธเรื่องเมื่อวานอยู่

ซูชิงเหยียนถูกปิดปากจนหน้าทึ้งตึงแต่ก็ไม่สามารถขัดขืนได้ เลยทำได้เพียงหงุดหงิดอยู่คนเดียวเดินกลับไปนั่งที่เดิม

ย่าหลาน สามคนนี้เดิมทีก็ไม่ได้มีความรักให้กัน ตอนนี้นั่งอยู่ด้วยกัน ก็ไม่มีอะไรจะพูดบวกกับนายหญิงใหญ่ผู้นี้ก็ชอบความเงียบสงบการมาคารวะนี่ไม่นานก็แยกย้าย

ซูชิงเหยียนกับซูเสินชิงนั้นเดินออกไปด้วยกัน

เพียงเมื่อก้าวข้ามประตูของเรือนนายหญิงใหญ่

ซูชิงเหยียนที่ก่อนหน้านี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคารพก็บูดบึ้งขึ้นมาทันที มุมปากที่เบะเล็กน้อย เต็มไปด้วยความโมโหถ้าหากไม่เพราะต้องการได้รับชื่อเสียงว่าเป็นคนกตัญญในเมืองหลวง นางจะทรมานตัวเองเพื่อมารองรับอารมณ์ ของฮูหยินย่าทำไมกัน

ซูเสินชิงรู้ว่าทำไมนางถึงโมโหจึงพูดด้วยสีหน้าเอาใจว่า “พี่รองไม่ต้องคิดมากหรอก ท่านย่าก็เป็นคนเย็นชาแบบนี้อยู่แล้วเจอกับใครก็มีสีหน้าท่าทางแบบนี้ตลอด”

“แต่เจ้าไม่รู้สึกว่าท่าทางของท่านย่า ที่มีต่อท่านพี่ไม่เหมือนเดิมเหรอ? ช่างเถอะ....” ซูชิงเหยียนพูดออกมาครึ่งหนึ่ง รู้สึกหมดสนุกสะบัดชายเสื้อเดินออกไป

มุ่งหน้าไปยังเรือนปี้เหอเรือนหลักของจวนเสนาบดี เพื่อไปพบหลี่ซื่อมารดาของตน

เมื่อเข้ามาก็เห็นหลี่ซื่อกำลังนอนอยู่บนเตียงหลับตาพักผ่อน ได้ยินเสียงก็รู้ว่าซูชิงเหยียนมาแล้วเลยค่อยๆ ลืมตากลับเห็นลูกสาวสุดที่รักกำลังมีสีหน้าไม่พอใจ จากนั้นนางจึงถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า

“เพราะว่าแม่ไม่ไปคารวะท่านย่าเลยโทษลูกเหรอ? ”

ซูชิงเหยียนไม่พูด นั่นหมายความว่ายอมรับแล้ว

ดวงตาของนายหญิงหลี่ซื่อก็มืดมนขึ้นมาทันที ว่าไปแล้ว จวนเฉิงเสี้ยงแห่งนี้ตั้งแต่นางแต่งเข้ามา นายหญิงใหญ่คนนั้นก็อาศัยอยู่ที่เรือนใหญ่โซ่วอันมาโดยตลอด ไม่ชอบมายุ่งวุ่นวายกับเรื่องภายในเรือนของจวน

ปกติแล้วหลี่ซื่อเพียงรักษาหน้าตาของคนในจวนไม่ให้เสียหาย ความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ของสองคน ก็สามารถรักษาได้เป็นอย่างดี

......

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel