ตอนที่ 6 เหตุผลที่แท้จริง
ที่เรือนไผ่ท้ายจวนเฉิงเสี้ยง
"คุณหนูใหญ่เจ้าขา คุณหนูใหญ่เก่งมากเลยนะเจ้าคะ ดูสิออกไปได้ไม่นานท่านก็ได้สมบัติมากมายมาครอบครอง"
อินเอ๋อเปิดหีบออกสำรวจดูสิ่งของด้านในด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข จากนั้นนางก็หยิบกระดาษออกมาสองสามแผ่น นางพยายามขมวดคิ้วอ่านด้วยความไม่เข้าใจ "หลิว อะไรสักอย่าง แผ่นนี้เป็นที่ดินอะไรซูๆ ว้าวคิดไม่ถึงว่าจะมีร้านค้าด้วย แล้วนี่คืออะไร นี่คือบัญชีหรือ? โหหนาขนาดนี้อ่านไม่เข้าใจหรอก เอ๊ะนี่ยังมีที่ดินอะไรสักอย่างอยู่อีก มีที่นานอกเมืองด้วย...คุณหนูเจ้าขา พวกเราร่ำรวยแล้วเจ้าค่ะ"
"ดูเจ้าสิ" เหมยฮวาหันหน้าไปมองบนใส่อินเอ๋อ จากนั้นนางก็เดินเข้าไปดูครู่หนึ่ง ที่ดินหลัวจี้ ร้านขายขนมวอลนัต อีกอันหนึ่งคือโรงทอผ้า คาดว่าน่าจะเป็นร้านขายผ้าไหม นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
"ข้า คุณหนูของเจ้า ถูกถอนหมั้นถึงสองครั้งเชียวนะถึงจะได้รับของมากมายถึงเพียงนี้ พูดอีกอย่างหนึ่งคือ ต้องอาศัยสิ่งของเหล่านี้ถึงจะมีชีวิตอยู่"
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเป็นสิ่งของที่คุณหนูของตนรับมาจากการถูกถอนหมั้น สีหน้าของอินเอ๋อจากที่เคยตื่นเต้นดีใจก่อนหน้าเวลานี้ก็ยิ้มไม่ออกในทันที
"ถุย ถุย ถุย คุณหนูของอินเอ๋อจะแต่งไม่ออกได้อย่างไรกันเจ้าคะ ดูสิคุณงดหนูออกจะงามดั่งเทพเซียน กิริยามารยาท อ่อนช้อยสวยงาม เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม หนำซ้ำยังฉลาดมากอีกด้วย ในภายภาคหน้าคุณหนูจะต้องได้แต่งออกไปอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ" แน่นอนว่าที่นางกล่าวมาคือคุณหนูของนางที่หลังจากฟื้นคืนชีพกลับมา หากแต่เป็นคุณหนูก่อนตกน้ำนั้น ....
"ดีสิ ถ้าหากว่ามีผู้ชายดีดีที่ข้าถูกใจ ข้าก็จะแต่งด้วย และหลังจากนั้นข้าจะหาผู้ชายดีดีให้เจ้าแต่งด้วยอีกคน ดีหรือไม่"
"คุณหนู ช่างน่าอายนักเจ้าค่ะ" อินเอ๋อหน้าแดงขึ้นมาทันที
จากนั้นทั้งสองพูดคุยกันได้พักหนึ่ง ทางด้านนอกแม่นมลู่ก็เดินเข้ามา " คุณหนู แม่นมกุ้ย แม่นมของคุณฮูหยินผู้เฒ่ามาขอเข้าพบเจ้าค่ะ"
เหมยฮวามีสีหน้าแปลกใจ "แม่นมลู่เชิญแม่นมกุ้ยเข้ามาเถิด"
อินเอ๋อรีบเก็บสิ่งของเข้ากล่องด้วยความรวดเร็ว จากนั้นแม่นมลู่ก็นำแม่นมกุ้ยเดินเข้ามา "ข้าน้อยคารวะคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ"
เหมยฮวารีบเดินไปพยุงแม่นมกุ้ยให้ลุกขึ้น จากนั้นนางก็เอ่ยขึ้นมา "แม่นมกุ้ยชรามากแล้วอย่าได้ลำบากมากพิธีเลย"
แม่นมกุ้ยถือเป็นแม่นมเก่าแก่ของจวนตระกูลซู ในความทรงจำเจ้าของร่างเดิมนางก็เป็นคนเที่ยงธรรมมาโดยตลอด เวลานี้นางมาถึงเรือนไผ่ของเหมยฮวานางย่อมมีเรื่องอันใดเป็นการส่วนตัวอย่างแน่นอน
แม่นมกุ้ยเข้ามาที่เรือนไผ่ของเหมยฮวา นางรู้สึกว่าเรือนไผ่นี้มีความร่มเย็นมากขึ้น ดูเป็นระบบระเบียบ นางไม่รู้ว่ามีตรงไหนแปลกตาไปแต่นางรู้สึกว่าแปลกตาไปจริงๆ
เดินเข้ามาในห้องโถงของเรือนนางพบกับเหมยฮวาคุณหนูใหญ่ของจวน แม่นมกุ้ยพิจารณาเหมยฮวาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนนี้เหมยฮวาเป็นเพียงคุณหนูใหญ่จวนเฉิงเสี้ยงที่ไร้ความสามารถ โง่เขลา อ่อนแอ หนำซ้ำยังเป็นคนหัวอ่อนโดนหลี่ซื่อปั่นหัวอยู่บ่อยครั้ง
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เพียงแค่ไม่พบนางหลังจากวันเกิดเรื่องครานั้น ไม่กี่วันนางในวันนี้กลับมีไหวพริบ ฉลาดขึ้นกว่าแต่ก่อนมากมายถึงเพียงนี้
จัดการฮูหยินใหญ่หลี่ซื่อที่วางอำนาจยิ่งใหญ่คับจวนในคราเดียวจนอยู่หมัด มาวันนี้นางรับรู้แล้วว่า สิ่งที่เห็นตลอดมานั้นไม่จริง ภายนอกนางดูอ่อนแอ อ่อนโยนแต่ภายในนั้นเข้มแข็งยิ่งนัก
"ยกของเข้ามา" เมื่อแม่นมกุ้ยเอ่ยขึ้นก็มีสาวใช้ยกหีบไม้แพร์เข้ามาวางลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง
"คุณหนูใหญ่ นี่คือของขวัญตอบแทนการถอนหมั้นที่องค์รัชทายาทมอบให้เมื่อหลายวันก่อน เชิญคุณหนูใหญ่ลองตรวจสอบดูจะได้รู้ว่ามีอะไรบ้างเจ้าค่ะ"
กล่องนี้ใหญ่กว่ากล่องไม้จันทร์ที่จวนเหวินอ๋องมอบให้สามถึงสี่เท่า เหมยฮวามองแวบหนึ่งจากนั้นนางก็ยิ้มขึ้นมาบางๆ
"ในเมื่อรับมาจากมือของแม่นมแล้วก็ไม่มีทางผิดพลาดอย่างแน่นอน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องตรวจสอบหรอก อินเอ๋อ"
อินเอ๋อเข้าใจความหมาย นางถือถุงเงินจำนวนห้าตำลึง ที่เดิมทีเป็นเงินเดือนครึ่งเดือนของเหมยฮวาที่นางประหยัดใช้ออกมา เวลานี้นางมีของกำนัลมากมายแล้วดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องประหยัดมากมายเช่นนั้นอีก
แม่นมกุ้ยได้รับรางวัลตอบแทนเป็นเงินจำนวนมากเช่นนี้แน่นอนว่านางต้องพึงพอใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นเมื่อกลับถึงเรือนฮูหยินผู้เฒ่านางจะต้องกล่าวชมคุณหนูใหญ่ให้นางฟังอย่างแน่นอน
"เช่นนั้นข้าน้อยของตัวก่อนนะเจ้าคะ"
"แม่นมกุ้ยเดินระวัง"
ส่งแม่นมกุ้ยแล้ว อินเอ๋อเดินวนรอบกล่องจากนั้นนางเอ่ยขึ้นมาว่า "คุณหนูเจ้าขา กล่องใหญ่มากเลยเจ้าค่ะ"
"ดูภายนอกไม่รู้ เจ้าต้องดูที่ข้างในถึงจะรู้"
เมื่อเปิดกล่องดูภายในกล่องแพร์นั้นประกอบไปด้วย ทองคำฝังหยกหนึ่งชิ้น ปิ่นทองปิ่นหยกชุดเดียวกันเจ็ดชุด ต่างหู สร้อยคอ กำไลทองคำหลายชิ้นวางอยู่เต็มกล่อง เมื่อคนเห็นเข้าก็ให้ความรู้สึกคล้ายกับว่าพบหีบสมบัติอย่างไรอย่างนั้น
"องค์รัชทายาท มีหน้ามีตากว่าเหวินอ๋องมากมายนัก เหตุใดถึงมอบของตอบแทนมาน้อยกว่าจวนเหวินอ๋องกันนะ" อินเอ๋อนั่งบ่นพึมพำ
"ช่างเถอะ ข้าคุณหนูของเจ้าถ้าหวังร่ำรวยจากการถอนหมั้นก็คงตายไปนานแล้ว พรุ่งนี้เจ้ารีบนำของเหล่านี้ออกจากจวนแต่เช้า เอาไปจำนำให้ข้า ของเหล่านี้ยิ่งเก็บไว้นานยิ่งไม่มีราคา"
"เจ้าค่ะคุณหนู"
ที่จวนเหวินอ๋อง หลังจากออกจากจวนตระกูลซูฮูหยินผู้เฒ่ากั๋วกงและฮูหยินใหญ่โจวกั๋วกง ก็ตรงมายังจวนเหวินอ๋องทันที ส่วนโจวกั๋วกงนั้นต้องเข้าวังกราบทูลเรื่องนี้แก่ฝ่าบาทให้ทรงทราบและออกราชโองการให้
ทันทีที่เดินเข้ามาในจวนเหวินเหย้า ฮูหยินผู้เฒ่าก็ถอนหายใจออกมา ในใจของนางหากหลานชายผู้นี้ได้สตรีเช่นเหมยฮวามาดูแล ชีวิตนี้ของเขาก็คงไม่โดดเดี่ยวอีกแล้ว แต่นี่เป็นการตัดสินใจของเขาแล้ว นางก็หวังเพียงว่า ฝ่าบาทจะทรงไม่ยินยอม
พ่อบ้านฝูว พ่อบ้านเก่าแก่ที่ตามเหวินอ๋องออกมาจากในวังเดินเข้ามาเชื้อเชิญฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยินใหญ่ให้เข้ามานั่งรอที่ห้องโถงใหญ่ จากนั้นเขาก็ได้เดินออกไปเรียนเชิญเหวินอ๋องออกมา
ในห้องตำรา บุรุษในชุดสีดำลวดลายมังกรเหินปักดิ้นทองคำเอาไว้อย่างประณีต เกล้าผมเอาไว้กลางศรีษะ ใบหน้าหล่อเหลาแต่ดูเย็นชา กำลังนั่งอยู่บนรถเข็ญอ่านตำราอยู่อย่างสงบ
ก่อนนี้เมื่อสามปีที่แล้ว ตอนรบชนะข้าศึกขากลับเข้าเมืองหลวงโดนโจรภูเขาห้อมล้อมเอาไว้ โจรภูเขาเหล่านั้นฝีมือดีกว่าโจรภูเขาทั่วไปอยู่มาก จนเขารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา พอๆกับบรรดาโจรภูเขาเหล่านั้นเบื้องหลังย่อมไม่ธรรมดาเช่นกัน
หากว่าเวลานั้นพระองค์ไม่โดนควันพิษทำให้สลบไปเสียก่อน โจรเหล่านั้นก็ไม่มีทางได้เข้าใกล้พระองค์เป็นแน่ แต่เมื่อพลาดแล้วนั่นย่อมต้องยอมรับชะตากรรม
"ท่านอ๋องพะย่ะค่ะ ฮูหยินใหญ่กั๋วกง มาแล้วพะย่ะค่ะ" เสียงพ่อบ้านชราเอ่ยขึ้นที่ด้านนอกประตูทำให้สายตาที่จดจ้องอยู่บนตัวอักษร ละออกไปมองที่ประตู
"อืม" คำตอบสั้นๆ เอ่ยตอบกลับ พร้อมกับการขับเคลื่อนรถเข็ญออกไป
ภายในห้องโถงหญิงชราหันไปมองผู้ที่เคลื่อนตัวเข้ามาด้วยสายตาที่อ่อนโยนอบอุ่น รอยยิ้มบางๆปรากฎบนริมฝีปากที่เหี่ยวย่นของนาง
"เหย้าเอ๋อ มาแล้วหรือ?"
"ท่านยาย ฮูหยินใหญ่" น้ำเสียงทุ้มของเขาเอ่ยขึ้น แต่สีหน้ายังคงเรียบเฉยดังเดิม
"อืม เข้ามาคุยกันสักหน่อย" ฮูหยินผูเฒ่ากั๋วกงกล่าวนางมองไปยังหลานชายคนเล็กของนางอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นนางจึงพูดต่อ
"เหย้าเอ๋อวันนี้เรื่องที่เจ้าให้ยายไปจัดการยายได้จัดการไปเรียบร้อยแล้ว แต่นึกไม่ถึงเลยว่าคุณหนูใหญ่ของเฉิงเสี้ยงนั้น นอกจากจะมีรูปโฉมงดงามมากแล้ว ยังเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมอีกด้วย
ผู้ใดกันเล่าลือว่านางนั้นไร้สติปัญญา จนทำให้นางถูกถอนหมั้นถึงสองครั้งสองครา น่าเสียดายจริงๆ"
แววตาดำลึกของเหวินเหย้าวูบไหวไปเล็กน้อย ริมฝีปากบางของเขาเอ่ยขึ้นมาว่า "ที่หลานขอถอนหมั้นกับคุณหนูใหญ่เฉิงเสี้ยงนั้น เพียงเพราะไม่ต้องการให้ผู้ใดมาแบกรับภาระดูแลหลานก็เท่านั้นเอง มิได้มีความหมายใดแอบแฝง" น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลง
ฮูหยินผู้เฒ่ากั๋วกง ยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย "แต่ยายก็ไม่รู้ว่า ฝ่าบาทจะทรงเห็นชอบหรือไม่ หาก...."
"หากฝ่าบาททรงไม่ยินยอมหลานก็คงทำอันใดไม่ได้ ครั้งนี้หลานก็เพียงต้องการให้ฝ่าบาททรงทราบถึงเหตุผลที่แท้จริงในการปฏิเสธงานหมั้นในครั้งนี้เท่านั้นเอง หากแต่พระองค์ทรงไม่ยินยอมหลานก็คงไม่อาจขัดราชโองการได้"
แต่ในความเป็นจริงราชโองการนี้เขาก็ไม่สามารถขัดได้อยู่แล้วแต่แค่เพียงไม่ต้องการให้สตรีนางใดมาเสียเวลาอยู่กับคนพิการเช่นตนเองก็เท่านั้น สตรีทุกคนควรที่จะได้รับสิ่งที่ดีที่สุด มิใช่ภาระที่แย่ที่สุดเท่าการสมรสกับพระองค์เอง
........................
